PET – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 07 Aug 2024 08:09:29 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คนจีนหันมา ‘เลี้ยงสัตว์’ มากขึ้นจนจำนวนกำลังจะแซง ‘ทารก’ หลังคนไม่อยากมีลูก แถมแต่งงานน้อยลง https://positioningmag.com/1485379 Wed, 07 Aug 2024 04:07:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1485379 อย่างที่รู้ว่าหลายประเทศในเอเชีย รวมไป จีน ที่มี อัตราการเกิดลดลง อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ใช่แค่ลดลง เพราะดูเหมือนว่าปีนี้ จำนวนสัตว์เลี้ยง ของจีนมีแนวโน้มที่จะ มีจํานวนมากกว่าทารก และเด็กวัยหัดเดินในปีนี้

เนื่องจากคนจีนไม่อยากมีลูกมากขึ้น และการลดลงของจำนวนผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ นอกจากนี้ อัตราการ แต่งงาน ปีนี้ ยังดิ่งลงสู่ระดับ ต่ำสุดในรอบเกือบ 45 ปี ในปี 2024 ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายด้านประชากรศาสตร์ของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

ไม่ใช่แค่อัตราการเกิดที่ลดลง แต่ Valerie Zhou นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ได้ประเมินว่า จํานวนสัตว์เลี้ยง ภายใน 10 ปีนี้ จะมีจำนวนเกือบ สองเท่า เมื่อเทียบกับจํานวน เด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ

“เราคาดว่าจะเห็นโมเมนตัมที่แข็งแกร่งขึ้นในการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงท่ามกลางแนวโน้มอัตราการเกิดที่ค่อนข้างอ่อนแอและการรุกของสัตว์เลี้ยงในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น” 

ในช่วง 6 เดือนแรก จีนมีจำนวนการขดทะเบียนสมรสประมาณ 3.43 ล้านคู่ ซึ่ง ลดลงเกือบ 5 แสนคู่ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามข้อมูลของกระทรวงกิจการพลเรือน และจํานวนการจดทะเบียนสมรส คาดว่าจะลดลงอีกในปีนี้ และจะถึงจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970

ตามรายงานสถานะการดําเนินงานอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงของจีนและการติดตามตลาดผู้บริโภคที่เผยแพร่โดยที่ปรึกษาตลาด iiMedia Research ตั้งแต่ปี 2023-2024 ขนาดเศรษฐกิจสัตว์เลี้ยงของจีนคาดว่าจะสูงถึง 811.4 พันล้านหยวน (113.6 พันล้านดอลลาร์) ภายในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 592.8 พันล้านหยวนในปี 2023 และ 295.3 พันล้านหยวนในปี 2020

ในแง่ของอาหารสัตว์เลี้ยง นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs คาดว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตจนมีมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีที่ 8% โดย อาหารแมว จะเติบโตมากที่สุดเฉลี่ย 10% ต่อปี แซงหน้ายอดขาย อาหารสุนัข ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ต่อปี

อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในจีนจะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ถือว่ายังมีจำนวนต่ำกว่า อย่างในญี่ปุ่น จํานวนสัตว์เลี้ยงคิดเป็นประมาณ 4 เท่า เมื่อเทียบกับจํานวนเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 4 ปี 

ทั้งนี้ ในปี 2023 จีนมีอัตรการเกิดเพียง 9.02 ล้านราย ซึ่งคิดเป็นยอดรวมที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ย้อนหลังไปถึงปี 1949 ขณะที่ Goldman Sachs  คาดการณ์ในรายงานว่า อัตราการเกิดใหม่ในประเทศจีนคาดว่าจะหดตัวในอัตราเฉลี่ย 4.2% จนถึงปี 2030 เนื่องจากการลดลงของผู้หญิงอายุ 20-35 ปี และคนรุ่นใหม่ที่อยากมีลูกน้อยลง

ปัจจุบัน ประชากรจีนลดลงเหลือ 1.4097 พันล้านคน โดยถือเป็นการลดลง 2 ปีติดต่อกัน

Source

]]>
1485379
เจาะลึกตลาด ‘สัตว์เลี้ยง’ ในยุคที่เหล่าทาสพร้อมเปย์ให้เสมือนคนใน ‘ครอบครัว’ https://positioningmag.com/1368644 Fri, 24 Dec 2021 07:55:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1368644 เชื่อว่าหลายคนต้องเคยโดนความน่ารักของเหล่า ‘น้อง’ ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว หรือสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ จนตกเป็นทาสแน่ ๆ แม้บางคนจะไม่ได้เลี้ยงเอง แต่ในแต่ละวันก็คงได้เสพความน่ารักของน้อง ๆ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียให้อมยิ้มกันไป ด้วยความน่ารักดังกล่าวเลยไม่น่าแปลกใจหาก ‘ตลาดสัตว์เลี้ยง’ จะเป็นอีกตลาดที่น่าจับตามอง เพราะถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ธุรกิจที่สามารถเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ตลาด 4 หมื่นล้านยังโตไม่หยุด

มีการคาดการณ์ว่าตลาดธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทั่วโลกในปี 2026 จะมีมูลค่าถึง 6.9 ล้านล้านบาท สำหรับประเทศไทยตลาดมีมูลค่าราว 4 หมื่นล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 10% ทุกปี โดยในหมวดอาหารมีสัดส่วนประมาณ 45% ตามด้วยธุรกิจดูแลสัตว์ (โรงพยาบาล, คลินิก) 32% และเสื้อผ้าเครื่องประดับ 23% ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเจ้าของสัตว์เลี้ยงจะมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 14,200 บาท/ปี จะเห็นว่าความน่ารักของน้อง ๆ มีมูลค่าไม่น้อยทีเดียว

สำหรับปัจจัยบวกที่ทำให้ตลาดยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มาจากไลฟ์สไตล์และไมด์เซตของคนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น

  • COVID-19 ทำให้คนเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน: ผลพวงการระบาดทำให้คนต้องอยู่แต่บ้าน คนจึงมองหากิจกรรมคลายเครียดเมื่อต้องใช้ชีวิตและหนึ่งในนั้น คือ การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง
  • คนโสดและไม่ต้องการมีลูก: หลายประเทศทั่วโลกคนแต่งงานช้าลง และเป็นโสดมากขึ้น อย่างในไทยข้อมูลการจดทะเบียนสมรสของกรมการปกครองพบว่าจากปี 2550 เทียบกับปี 2560 จำนวนการจดทะเบียนสมรสลดลง 5.1% หรือบางคนที่แต่งงานแต่ก็ไม่อยากมีลูก ดังนั้น การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนถือเป็นอีกทางเลือก
  • สังคมสูงวัย: ไทยกำลังจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลกที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์ (Aged Society) ในปี 2565 ปัจจุบัน ประชากรอายุ 60 ปีขึ้น มีสัดส่วน 10% ของประชากรทั้งประเทศ และการเลี้ยงสัตว์ไว้คลายเหงาก็เป็นหนึ่งในเทรนด์
  • Pet Humanization: หรือ การมองสัตว์เลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ต่างจากอดีตที่มีทัศนคติต่อสัตว์เลี้ยงว่าเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง คือเลี้ยงเพื่อไว้ใช้งานหรือต้องการประโยชน์บางอย่าง เช่น เลี้ยงไว้เพื่อเฝ้าบ้าน และมีรูปแบบการเลี้ยงเป็นไปแบบง่าย ๆ
  • Social Media: จะเห็นถึงการเติบโตของเพจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่มียอดผู้ติดตามเป็นหลักล้าน ซึ่งความน่ารักของเหล่าสัตว์เลี้ยงเซเลบก็อาจจะตกให้หลายคนหันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้น

ต่างธุรกิจก็ขอร่วมวงด้วย

จากไมด์เซตต่อสัตว์เลี้ยงที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้เลี้ยงต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เหมือนกับการดูแลลูกหรือคนในครอบครัว ดังนั้น จึงเต็มใจที่จะจ่ายสำหรับสินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงให้สุขภาพดี แข็งแรง และมีความสุข ดังนั้น ไม่ใช่แค่ร้าน Pet Shop, คลินิก หรือศูนย์สุขภาพสัตว์เลี้ยงจะเปิดมากขึ้น แต่บริการใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

อย่าง แกร็บ ที่จากแค่ส่งคน-อาหาร-สิ่งของ แต่ล่าสุดก็เพิ่มบริการ แกร็บเพ็ท บริการเดินทางสำหรับคนมีสัตว์เลี้ยง เพื่อพาสัตว์เลี้ยงเดินทางไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นไปเที่ยว พักผ่อน ออกกำลังกาย หรือแม้แต่ไปโรงพยาบาล และไม่ใช่แค่บนบก แต่ นกแอร์ ก็เตรียมเปิดเที่ยวบินพิเศษ ‘เที่ยวบินนี้พาน้องเที่ยว’ ที่ให้สัตว์เลี้ยงจะนั่งโดยสารเคียงข้างไปพร้อมกับเจ้าของบนเที่ยวบินได้ด้วย

หรือแม้แต่ ธุรกิจประกัน ก็เริ่มออกประกันสัตว์เลี้ยงเพื่อสร้างความอุ่นใจและสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้เลี้ยง โดยในไทยก็มีอย่าง TIP PET LOVER ของทิพยประกันภัย และ เมืองไทย Cats & Dogs Plus ของเมืองไทยประกันภัย และที่น่าสนใจอีกเคสก็คือ RS ของ ‘เฮียฮ้อ’ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ที่เปิดตัวแบรนด์ Lifemate (ไลฟ์เมต)’ พร้อมลุยตลาดอาหารสัตว์เต็มตัว

เปิดใจ ‘เฮียฮ้อ’ จาก ‘ทาสน้องหมา’ สู่การปั้นแบรนด์ ‘Lifemate’ ธุรกิจที่ทำแล้วมีความสุขที่สุด

ส่งออก โอกาสใหญ่ผู้ประกอบการไทย

จะเห็นว่าตลาดสัตว์เลี้ยงถือเป็นตลาดที่ใหญ่ และมีปัจจัยบวกจำนวนมาก แต่กลับยังไม่มีผู้นำตลาดชัดเจน โดยหากสังเกตจะเห็นว่าร้านส่วนใหญ่จะเป็นผู้เล่นรายย่อยหรือ SME ซึ่งจากช่องว่างดังกล่าวทำให้ แบรนด์ใหญ่อย่าง ‘เซ็นทรัล’ เปิดตัวแบรนด์ใหม่ PET ‘N ME เพื่อรุกตลาดสัตว์เลี้ยงเพิ่มเติม จากเดิมที่เคยมีแบรนด์อย่าง PETSTER และ Cool Pets ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงใน Tops และโซนห้างเซ็นทรัล นอกจากนี้ยังเปิดเว็บไซต์ของตัวเองอีกด้วย

เมื่อ ‘สัตว์เลี้ยง’ ตลาดใหญ่ไร้ผู้นำ ‘เซ็นทรัล’ เลยส่ง ‘PET ‘N ME’ เพ็ทช็อปครบวงจรชิงตำแหน่ง

จากโอกาสเติบโตที่สูงแต่สิ่งที่ตามมาก็คือการแข่งขันที่สูงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ SME ที่ต้องเจอกับผู้เล่นรายใหญ่ตบเท้าเข้ามาในตลาด ดังนั้นอาจต้องเร่งพัฒนาสินค้าเพื่อสร้างจุดขายและตอบโจทย์ความต้องการของผู้เลี้ยงและสัตว์เลี้ยง โดย ตลาดส่งออก ถือเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ เพราะไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 4 ของโลก โดยปีที่ผ่านมาไทยส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงมากถึง 5.35 แสนตัน มูลค่ากว่า 4.47 หมื่นล้านบาท ดังนั้น ตลาดส่งออกนับเป็นอีกโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ในอนาคต

]]>
1368644
“ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค” ปรับขวด PET ในเครือ “ขวดใส ฝาไม่พิมพ์สี” เพื่อง่ายต่อการรีไซเคิล https://positioningmag.com/1363174 Mon, 22 Nov 2021 15:59:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1363174 ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประกาศนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้พลาสติก PET กับบรรจุภัณฑ์ทุกชนิด เป็นขวด PET แบบใส ไม่มีสี และฝาขวดก็ไร้การพิมพ์สี เพื่อให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% มีมูลค่าการรับซื้อสูงกว่าขวดสี

บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่ และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนา และเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค จึงเลือกใช้พลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate) เป็นบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มทุกชนิดของบริษัท โดยขวด PET แบบใส ไม่มีสี สามารถรีไซเคิลได้ 100% และมีมูลค่าการรับซื้อสูงกว่าขวดสี เพราะง่ายต่อการรีไซเคิล ด้วยกระบวนการคัดแยกขยะ

และการรีไซเคิลที่เป็นระบบ ขวด PET ใส ไม่มีสี จึงสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในหลากหลายรูปแบบ อาทิ เส้นใยเพื่อผลิตเสื้อผ้าและชิ้นส่วนรถยนต์

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตรวมถึงออกแบบบรรจุภัณฑ์ร่วมกับคู่ค้า (suppliers) จนเกิดเป็น Lightweight Plastic ที่มีส่วนช่วยลดการใช้ปริมาณพลาสติกใหม่ลงสำหรับการผลิตขวดแต่ละขวด แต่ยังคงคุณสมบัติดีตามมาตรฐานบรรจุภัณฑ์ที่ทั้งสะอาด ปลอดภัย มีน้ำหนักเบา แข็งแรงทนต่อแรงกระแทก ไม่เปราะแตกง่าย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ง่ายต่อการจัดการ

นอกจากขวดแล้ว ฝาขวด และฉลากก็ยังผลิตจากวัสดุที่นำไปรีไซเคิลได้ 100% เช่นกัน โดยฝาขวดทั้งหมดนั้นผลิตจากวัสดุ HDPE (High Density Polyethylene) เป็นพลาสติกที่มีความหนาแน่นสูง แต่มีน้ำหนักเบาช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่ในการผลิต และยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100%

ปัจจุบันฝาขวดเป๊ปซี่ทั้งหมด ได้มีการนำพิมพ์สีบนฝาออก เพื่อง่ายและลดใช้สารเคมีในการนำไปรีไซเคิล ส่วนฉลากของขวดนั้นผลิตจากพลาสติก 2 ชนิด คือ ฉลากแบบหุ้มขวด (Shrink Sleeve Label) ผลิตจากวัสดุ PET และฉลากแบบพันรอบขวด (Oriented Polypropylene Label) ผลิตจากวัสดุ PP (Polypropylene) โดย ใช้เทคโนโลยีการผลิตเพื่อลดการใช้พลาสติกเมื่อเทียบน้ำหนักต่อชิ้นของฉลาก

อชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

“การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน (Packaging Sustainability Management) เป็นหนึ่งในนโยบายด้านความยั่งยืน (Sustainability) ที่สำคัญของบริษัท นอกจากซันโทรี่ เป๊ปซี่โค จะมุ่งมั่นลดปริมาณการใช้พลาสติกใหม่ โดยตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา บริษัทฯ สามารถลดการใช้พลาสติกใหม่ลงได้ถึง 531.6 ตัน บริษัทยังริเริ่มโครงการให้ความรู้เรื่องการคัดแยกขยะในโรงเรียนและชุมชน

อีกทั้งได้จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ วงษ์พาณิชย์ ธุรกิจบริหารจัดการขยะรีไซเคิลรายใหญ่ของไทย ซึ่งประกาศรับซื้อขวดพลาสติก PET ใส ไม่มีสี ของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ด้วยราคาที่สูงกว่าขวดพลาสติก PET ทั่วไป เพิ่มอีกกิโลกรัมละ 1 บาท

รวมถึงริเริ่มโครงการนำร่อง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเครื่อง ‘ReFun Machine’ โดยในปีนี้ร่วมมือกับ ซีพี ออลล์ ติดตั้งที่หน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น 10 สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ผู้บริโภคคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี และนำขวดพลาสติก PET ที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ”

]]>
1363174