บริษัทวิจัย Ampere Analysis คาดว่ายอดขาย PS5 Pro จะแตะระดับ 1.3 ล้านเครื่อง ในช่วงเปิดตัว ซึ่งถือว่า น้อยกว่า ยอดขายของ PS4 Pro ที่สามารถทำได้ 1.7 ล้านเครื่อง ในช่วงเปิดตัวในปี 2016 โดยปัจจัยหลัก ๆ มาจาก ราคาที่ค่อนข้างสูง

โดยโซนี่ตั้งราคา PS5 Pro ที่ 699.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 28,000 บาท) ซึ่งแพงกว่า PS5 Slim Digital Edition รุ่นไม่มีช่องใส่แผ่นถึง 250 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 55% ขณะที่ราคา PS4 Slim กับ PS4 Pro ห่างกันประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 33% เท่านั้น

“เราคาดว่าราคาที่เปิดตัวจะทําให้ความต้องการของผู้บริโภคบางคนลดลง แต่สําหรับแฟนพันธุ์แท้ PlayStation เรื่องราคาอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ใช้ในการตัดสินใจ” Piers Harding-Rolls นักวิเคราะห์และนักวิจัยตลาดเกมจากบริษัท Ampere Analysis กล่าว

เมื่อคาดการณ์ถึงยอกขายตลอดอายุการใช้งาน PS4 Pro อยู่ที่ 14.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นประมาณ 12% ของยอดขาย PS4 ทั้งหมด ส่วน PS5 Pro คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 13 ล้านเครื่อง ภายในปี 2029 สำหรับยอดขายสะสมของ PS5 ตลอด 3 ปีอยู่ที่ราว 59.3 ล้านเครื่อง ใกล้แตะระดับ PS4 ที่มียอดขายรวม 60 ล้านเครื่อง

Piers Harding-Rolls มองว่า ที่โซนี่ตั้งราคา PS5 Pro ไว้สูงก็เพราะ รักษากำไร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้นทุนของซัพพลายเชนที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อ และขาดคู่แข่งที่ชนกันตรง ๆ กับ PS5 Pro เพราะทาง Xbox ของ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ก็ไม่ออกรุ่นอัปเกรดเหมือนที่เคยทำในช่วง Xbox One X

“เมื่อไม่มีการแข่งขัน ทำให้โซนี่สามารถตัดสินใจในการตั้งราคาได้ง่ายขึ้น เพื่อรักษาอัตรากําไร แต่สําหรับผู้ที่มี PS5 อยู่แล้ว รุ่นมาตรฐานก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า”

สำหรับ PS5 Pro ไม่ได้แรงแค่ราคา แต่สเปกก็อัปเกรดจาก PS5 โดย GPU มีการอัปเกรดให้แรงขึ้นกว่าเดิม 67% มีหน่วยความจำที่เร็วกว่า 28% ในส่วนพลังของการเรนเดอร์ในภาพรวมที่เร็วกว่า PS5 รุ่นแรกอยู่ที่ 45% นอกจากนี้ยังมี AI และ PlayStation Spectral Super Resolution มาใช้ในการอัปสเกลภาพให้ออกมาคมชัดยิ่งขึ้น เป็นต้น

Source