“Polestar” ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เตรียมตัวเปิดตลาดเพิ่มอีกโดยเล็งเป้าหมายที่ 7 ประเทศหลัก นำโดย “ฝรั่งเศส” ซึ่งเป็นตลาดรถอีวีที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ในยุโรปรองจากเยอรมนี รวมถึงอีกหลายประเทศดังกล่าวข้างต้นที่จะมีการจับมือกับพันธมิตรดีลเลอร์ท้องถิ่นเพื่อส่งรถยนต์เข้าไปจำหน่าย

บริษัท Polestar แต่ดั้งเดิมเคยเป็นทีมรถแข่งและบริษัทผลิตรถแข่ง ก่อนที่แบรนด์จะถูกเทกโอเวอร์ไปโดย “Volvo” ในปี 2015 และเปลี่ยนตัวเองมาเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเมื่อปี 2017 กระทั่งต้นปี 2024 นี้เอง ทาง Volvo ถ่ายโอนหุ้นที่ถืออยู่ใน Polestar ไปให้บริษัทแม่คือ “Geely” จากประเทศจีนเข้าถือหุ้นโดยตรง แต่บริษัทแถลงว่าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ต่างๆ จะยังคงมีร่วมกันกับ Volvo เช่น หน่วยงานวิจัยและพัฒนา (R&D), งานบริการหลังการขาย, งานการค้าพาณิชย์ เป็นต้น

ปัจจุบันการผลิตรถยนต์ Polestar มีแหล่งผลิตในหลายประเทศ เช่น จีน, สหรัฐฯ, เกาหลีใต้

• ตามรอยสหรัฐฯ ‘อียู’ ขึ้นภาษี ‘รถอีวีจีน’ สูงสุด 38.1% เพื่อปกป้องผู้ผลิตรถไฟฟ้าในยุโรป
• Volvo เตรียมย้ายกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนกลับสู่ทวีปยุโรปบางส่วน ลดความเสี่ยงโดนภาษีนำเข้า EV

ด้านรุ่นรถยนต์ที่ Polestar วางจำหน่ายและที่ใกล้จะวางขายมีทั้งหมด 3 รุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มรถยนต์ในระดับ “2 ล้านต้น” จนถึง “3 ล้านปลาย” ถือว่าถ้าเข้าไทยครบทุกรุ่นก็จะเป็นแบรนด์รถยนต์ที่จะเข้ามาตีตลาดในกลุ่ม D-Segment จนถึง E-Segment

รุ่นเริ่มต้นของ Polestar คือ Polestar 2 ซึ่งสนนราคาเริ่มต้นที่ 55,300 เหรียญสหรัฐในตลาดอเมริกา หรือประมาณ 2.04 ล้านบาท ระยะวิ่งรุ่นเริ่มต้น 478 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ขณะที่ Polestar 3 เป็นรถไฟฟ้า SUV ระยะวิ่ง 483 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เปิดตัวก่อนในจีนโดยตั้งราคาเริ่มต้น 698,000 หยวน หรือประมาณ 3.61 ล้านบาท

ส่วนรุ่นที่ใกล้จะวางขายเต็มทีคือ Polestar 4 เป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดกลางสไตล์คูเป้ ระยะวิ่ง 610 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง คาดจะเปิดตัวในยุโรปและออสเตรเลียเดือนสิงหาคมนี้ และราคาน่าจะอยู่ที่ 63,200 ยูโร หรือประมาณ 2.49 ล้านบาท

ต้องรอลุ้นว่าปีหน้าทาง Polestar จะพารุ่นไหนเข้ามาเปิดตัวในไทย และจะวางกลยุทธ์ต่อสู้อย่างไร

ที่มา: Reuters, iMod, Autodeft