Rinascente – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 05 Nov 2024 10:33:07 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดเส้นทาง “เซ็นทรัล รีเทล” ลงทุนห้างหรูในอิตาลี พลิก Rinascente จาก Department Store สู่ Luxury Retail https://positioningmag.com/1497320 Tue, 05 Nov 2024 08:12:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1497320
  • เซ็นทรัล รีเทล กับการลงทุนกลุ่มห้างหรูในยุโรป 13 ปี ปักหมุดอิตาลีด้วยการเข้าซื้อ Rinascente ห้างโลคอลตำนานกว่า 160 ปี 
  • พลิกโฉม Department Store สู่ Luxury Retail เบอร์ 1 ในอิตาลี
  • ปีที่ผ่านมาสามารถกวาดรายได้ 1,000 ล้านยูโร หรือ 36,000 ล้านบาท ทุบสถิติสูงสุดในประวัติการณ์ มีทราฟฟิก 20 ล้านคนต่อปี รวม 9 สาขา
  • ความฝันของเซ็นทรัลในการครองห้างหรูในยุโรป

    เซ็นทรัล รีเทล หรือ CRC บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หนึ่งในลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเซ็นทรัล กรุ๊ปที่นอกจากจะมีธุรกิจในไทย และเวียดนามแล้ว ยังมีธุรกิจห้างหรูในอิตาลีด้วย หลายคนอาจจะสงสัยธุรกิจห้างหรูในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลมีการแบ่งโครงสร้างอย่างไร  

    renascente

    โดยที่ “รีนาเซนเต” ในอิตาลีจะอยู่ภายใต้เซ็นทรัล รีเทล เพียงกลุ่มเดียว เพราะก่อนหน้านี้มีการซื้อขายภายใต้ CRC พอเข้าตลาดหลักทรัพย์เลยอยู่ในเครือเดียวกันเลย ส่วนห้างหรูอื่นๆ ทั้งคาเดเว กรุ๊ป (เยอรมนี), อิลลุม (เดนมาร์ก), โกลบัส (สวิตเซอร์แลนด์), โกลเดนเนส ควอเทียร์ และกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซลฟริดส์เจส (Selfridges Group) จะอยู่ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล

    รีนาเซนเตมีประวัติยาวนานกว่า 160 ปี เริ่มก่อตั้งปี 1865 (พ.ศ. 2408) แต่เดิมใช้ชื่อว่า La Rinascente แปลว่า Reborn เพราะตอนนั้นในเมืองมิลาน เลยตั้งชื่อว่าเหมือนเป็นการเกิดใหม่อีกครั้ง ภายหลังได้รีแบรนด์เหลือแค่ Rinascente โดยที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 9 สาขา ใน 8 เมือง ในประเทศอิตาลี

    แรกเริ่มเดิมทีรีนาเซนเตเป็นห้างสรรพสินค้าแบบ Traditional Department Store แบบเก่าแก่ ให้นึกถึงภาพ “ตั้งฮั่วเส็ง” ในไทย ให้ฟีลประมาณนั้นเลย อีกทั้งยังเป็นธุรกิจครอบครัวอีกด้วย จนมาถึงจุดหนึ่งที่ไม่มีลูกหลานดูแลกิจการต่อ จึงมองหาพาร์ทเนอร์ในการส่งต่อธุรกิจ เป็นจังหวะเดียวกันกับ “ทศ จิราธิวัฒน์” หัวเรือใหญ่กลุ่มเซ็นทรัล มีความใฝ่ฝันที่อยากมีห้างสรรพสินค้าในยุโรป การมีดีลของรีนาเซนเตเข้ามา เหมือนเป็นทางด่วนให้ความฝันนั้นเป็นจริงเร็วขึ้น โดยที่ไม่ต้องสร้างห้างเซ็นทรัลในยุโรปเลย

    renascente

    เซ็นทรัลเลยเข้าซื้อกิจการในช่วงปี 2554 ในตอนนั้นเป็นช่วงค่าเงินยูโรอ่อนค่าด้วย เลยเป็นผลดีในการซื้อขาย ก่อนหน้านี้ได้ซื้อตึกร้างแห่งหนึ่งในกรุงโรมเพื่อทำการรีโนเวตเป็นห้างแห่งใหม่ แต่ต้องหยุดสร้างเป็นเวลา 12 ปี เพราะเจอโครงสร้างเก่าแก่สมัยโบราณ จากนั้นจึงได้เปิดตัวรีนาเซนเตในกรุงโรมเมื่อปี 2560

    พลิกโฉมสู่ Luxury Retail 

    ก่อนที่เซ็นทรัล รีเทลจะเข้ามาซื้อกิจการ รีนาเซนเตมีผลประกอบการที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกทั้งจุดยืนของห้างก็เป็น Department Store แบบดั้งเดิม ไม่ได้สร้างแรงดึงดูดอะไรมากนัก ประกอบกับห้างที่ค่อนข้างเก่า นักท่องเที่ยวก็ไม่เข้า

    เมื่อเซ็นทรัล รีเทลเข้ามาซื้อกิจการจึงทำการสังคยนาใหม่ ตั้งแต่การปรับโฉม ปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ห้างดั้งเดิมกลายเป็น Luxury Retail เน้นสินค้าแบรนด์เนม ลักชัวรี่ เพราะอิตาลีขึ้นชื่อเรื่องสินค้าแบรนด์เนมอยู่แล้ว พร้อมกับเติมความแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ให้มากขึ้น 

    renascente

    เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางเซ็นทรัล รีเทลได้พาสื่อมวลชนจากไทยไปเยือนรีนาเซนเต 3 สาขา ได้แก่ โรม, ฟลอเรนซ์ และมิลาน พร้อมกับแชร์อินไซต์ในการพลิกโฉมเป็น Luxury Retail ตอนนี้ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในอิตาลีไปแล้ว

    ปิแอร์ลุยจิ ค็อคคินี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ในเครือเซ็นทรัล
    รีเทล กล่าวว่า

    “หลังจากที่เซ็นทรัล รีเทล เข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ได้มีการลงทุนครั้งใหญ่ โดยปรับโฉมห้างทุกสาขาทั่วอิตาลี ตั้งแต่ช่วงปี 2554 – 2566 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยน Traditional Department Store สู่ Luxury Retail อย่างเต็มรูปแบบ และสำหรับก้าวต่อไปของห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต จะมีการยกระดับห้างไปอีกขั้น โดยชูเอกลักษณ์ของรีนาเชนเตที่เป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้า สู่การเป็น Media Company โดยมีการลงทุนพัฒนาห้างอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับโฉมห้างให้สวยงาม, การปรับพอร์ต Brand Mix ให้ทันสมัย, การยกระดับการให้บริการแบบ VIP เช่น บริการ Personal Shopper และการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า ผ่านการจัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น การจัด Brand Take Over ร่วมกับแบรนด์ระดับโลกต่าง ๆ และการจัด Big Events อีกมากมาย ทำให้ห้างรีนาเชนเตสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และดึงดูดทั้งลูกค้าโลคอล ลูกค้าชาวไทย และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ตลอดทั้งปี”

    ภาพรวมของรีนาเซนเตทั้งหมด มีพื้นที่รวมทั้งหมดทุกสาขา 74,000 ตารางเมตร ออนไลน์สโตร์ 1 แห่ง มีสินค้าขายรวม 559,000 รายการ 3,600 แบรนด์ มีสมาชิกรีนาเซนเต การ์ด 4 ล้านราย มีทราฟฟิกเยี่ยมชมสโตร์ปีละ 20 ล้านคน โดยที่ 47% ของลูกค้า มีอายุน้อยกว่า 40 ปี

    สำหรับรีนาเซนเต สาขาโรม มีพื้นที่ 17,000 ตารางเมตร มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยที่ชั้น 7 ได้รีโนเวตนำร้านอาหารที่มีชื่อเสียงขึ้นมา ยังคงใช้โครงสร้างสไตล์โรม มีช่องให้แสดงแดดเข้า 

    สาขานี้มีทราฟฟิกผู้ใช้บริการเฉลี่ย 5,000 คน สำหรับวันธรรมดา และ 10,000 คนในวันเสาร์-อาทิตย์ สัดส่วนรายได้ 60% มาจากนักท่องเที่ยว ท็อป 5 ที่มาเยือนมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, จีน, เกาหลีใต้, บราซิล และกลุ่มตะวันออกกลาง

    renascente

    สัดส่วนสินค้าส่วนใหญ่ 70% เป็นสินค้าลักชัวรี่ คนอิตาเลียนชอบใช้ของแบรนด์เนม และชอบแบรนด์อิตาลีเอง ได้แก่ Dolce&Gabbana, Prada, Gucci, Tod, Valentino และ Bottega Veneta แบรนด์เหล่านี้จะค่อนข้างขายดี 

    สินค้าที่มียอดขายอันดับหนึ่ง ยังคงเป็นสินค้ากลุ่มผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ 50% รองลงมาเป็นสินค้าผู้ชาย เสื้อผ้าต่างๆ 50% 

    ช่องทางออนไลน์ยังเป็นสัดส่วนน้อย เพราะคนอิตาเลียนชอบเดินห้าง ชอบลองสินค้า เพราะฉะนั้นประสบการณ์ในห้างจึงเป็นสิ่งสำคัญ

    อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับเซ็นทรัล รีเทลในการเข้ามาลงทุนห้างหรูในยุโรปก็คือ “คอนเน็กชั่น” ได้มีคอนเน็กชั่นดีๆ กับเหล่าแบรนด์เนมต่างๆ มีพาวเวอร์ที่ดีในการดึงมาลงทุนที่ไทย ช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ 

    ทุบสถิติกวาดรายได้พันล้านยูโร

    ถึงแม้ว่าสถานการณ์เงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบทั่วโลกจะไม่สู้ดีนัก รวมถึงเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก แต่ภาพรวมของอิตาลียังเติบโตมากกว่ามากกว่าประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม EU รวมไปถึงสถานการณ์ช่วงหลัง COVID-19 ที่กระทบไปทั่วโลก กำลังซื้อก็แย่ลง แต่การรีนาเซนเตมีการรีโนเวตห้าง ทำให้ยังดึงนักท่องเที่ยวได้อยู่

    ทำให้ในปี 2566 รีนาเซนเตกวาดรายได้ 1,000 ล้านยูโร หรือราว 36,000 ล้านบาท ทุบสถิตินิวไฮเป็นครั้งแรก โดยที่สาขามิลานสร้างรายได้อันดับ 1 ที่ 430 ล้านยูโร

    renascente

    รีนาเซนเตสาขามิลานมีพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของเมืองมิลานก็คือ อยู่ติดกับมหาวิหาร Duomo di Milano จุดที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาเยือน ทำให้สาขานี้มีทราฟฟิกคนมาเยือนปีละ 8 ล้านคน สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นคนโลคอล 70% และนักท่องเที่ยว 30% กลุ่มที่มาเยือนมากที่สุด ได้แก่ จีน, สหรัฐอเมริกา และกลุ่มตะวันออกกลาง

    ที่นี่ยังคงเน้นสินค้าลักชัวรี่มีสัดส่วน 72% แบรนด์ที่ขายดีที่สุด ได้แก่ Louis Vuitton, Dior และ Gucci กลุ่มสินค้าที่ขายดีที่สุดยังเป็นกลุ่มผู้หญิง กระเป๋า รองเท้า รองลงมาเป็นกลุ่มเสื้อผ้าผู้หญิง และเสื้อผ้าผู้ชาย

    ที่มิลานจะมีการรีโนเวตใหญ่ ใช้งบลงทุน 1,200 ล้านบาท ย้ายโซนบิวตี้ไปที่ตึกใหม่ทั้งหมด บนพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร ซึ่งตึกข้างๆ เป็นโรงภาพยนตร์เก่า แต่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นฮอลล์บิวตี้ เปิดให้บริการปี 2570 

    ส่วนที่สาขาฟลอเรนซ์ แม้จะเป็นสาขาเล็กพริกขี้หนู มีพื้นที่ 3,000-4,000 ตารางเมตร แต่ก็ยังตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ใจกลางเมือง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างดี สร้างรายได้ 40 ล้านยูโรต่อปี สาขานี้คนไทยไปเยือน และมีการใช้จ่ายติด Top 10 

    สำหรับก้าวต่อไปของห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต จะมีการยกระดับห้างไปอีกขั้น โดยชูเอกลักษณ์ของรีนาเชนเตที่เป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้า สู่การเป็น Media Company โดยมีการลงทุนพัฒนาห้างอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับโฉมห้างให้สวยงาม, การปรับพอร์ต Brand Mix ให้ทันสมัย, การยกระดับการให้บริการลูกค้าแบบ VIP เช่น บริการ Personal Shopper ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในด้านต่างๆ และการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือกว่า ผ่านการจัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น การจัด Brand Take Over ร่วมกับแบรนด์ระดับโลกต่าง ๆ และการจัด Big Events อีกมากมาย ทำให้ห้างรีนาเชนเตสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และดึงดูดทั้งลูกค้าโลคอล ลูกค้าชาวไทย และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ตลอดทั้งปี

    ]]>
    1497320
    ตามไปดูบรรยากาศเฟสทีฟที่ห้างหรู 5 แห่งในยุโรปของ “กลุ่มเซ็นทรัล” https://positioningmag.com/1410919 Fri, 02 Dec 2022 04:29:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1410919 ใกล้เข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ เป็นเทศกาลใหญ่ที่ทุกคนรอคอย เรียกว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของปีเลยทีเดียว และขึ้นชื่อว่าเป็นช่วงเฟสทีฟแบบนี้ สถานที่ที่ขึ้นชื่อคงหนีไม่พ้นโซนยุโรปเป็นแน่ เลยขอพาไปส่องบรรยากาศช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่ากันที่ห้างหรูทั้ง 4 แห่งของกลุ่มเซ็นทรัลที่ยุโรป ปีนี้มีการตกแต่งกันอย่างจัดเต็ม

    มนต์เสน่ห์และกลิ่นอายแห่งการเฉลิมฉลองของคริสต์มาส และปีใหม่ในยุโรปถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของความสนุกสนานรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก นอกจากจะได้สัมผัสความงดงามผ่านแสงไฟระยิบระยับที่ประดับทั่วเมืองแล้ว “ห้างสรรพสินค้าหรู” ใจกลางเมืองสำคัญของแต่ละประเทศ เป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมในการฉลองความสุขไปด้วยกัน

    เริ่มด้วย ห้างเซลฟริดเจส (Selfridges) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, ห้างรีนาเชนเต (Rinascente) กรุงมิลาน และกรุงโรม ประเทศอิตาลี, ห้างคาเดเว (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และ ห้างอิลลุม (ILLUM) กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งทั้ง 5 ห้างหรูระดับโลกดังกล่าวล้วนมีอายุเกินกว่าหนึ่งศตวรรษ และอยู่ภายใต้การบริหารของ “กลุ่มเซ็นทรัล” ที่เป็นเจ้าของห้างแฟลกชิปหรู

    ห้างหรูแต่ละแห่งได้ เนรมิตบรรยากาศแห่งความรื่นเริงนับถอยหลังสู่เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

    ห้างอิลลุม (Illum) กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

    ห้างหรูอันดับ 1 ใจกลางเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น สวรรค์แห่งการช้อปปิ้งที่ดีที่สุดในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย ชวนดื่มด่ำโมเมนต์คริสต์มาสในธีม ONE of a KIND ด้วยการจับมือกับแบรนด์ดัง Prada เนรมิตบรรยากาศห้างสรรพสินค้าให้เป็น Silver Sparkling Glitter Color เปล่งประกายระยิบระยับวับวาวหลากเฉดสีเสมือนอยู่ในดินแดนดิสโก้ปาร์ตี้อันสนุกสนาน

    นอกจากนี้ยังเตรียมความอิ่มอร่อยกับอรรถรสของอาหารทะเลสุดพิเศษจากร้าน Skagen สไตล์โมเดิร์นเดนิชพร้อมดื่มด่ำกับวิวเมืองอันงดงามบน Rooftop Terrace ชั้น 4 ของห้าง หรือเลือกซื้อของขวัญสุดพิเศษให้คนที่คุณรักใน Illum Christmas Catalogue 2022 อาทิ กระเป๋าดีไซน์เก๋ จาก PRADA, LOEWE,CELINE, เครื่องประดับและนาฬิกาสวยหรูจาก BVLGARI และอื่นๆ อีกมากมาย

    ห้างเซลฟริดเจส (Selfridges) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

    ห้างเซลฟริดเจส (Selfridges) จุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้งอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเยือน ตั้งอยู่บนถนนออกซ์ฟอร์ด ใจกลางกรุงลอนดอน ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในโลก (Best Department Store in the World) จากงาน Global Department Store Summits 4 ปีซ้อน

    เฉลิมฉลองคริสต์มาสด้วยการเนรมิตวินโดว์ ดิสเพลย์ (Window Display) ภายใต้ธีม ‘Season’s Feastings’ นำเสนอช่วงเวลาสุดพิเศษของการรับประทานอาหารอย่างอบอุ่นระหว่างครอบครัวในช่วงคริสต์มาส โดยหนึ่งในไฮไลต์ คือ ดิสโก้บอลในรูปแบบขนมพุดดิ้ง (disco ball pudding) นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว คริสต์มาสช้อป (Christmas Shop) อันยิ่งใหญ่ บริเวณชั้น 4 จำหน่ายสินค้าของประดับตกแต่งคริสต์มาสกว่า 1,200 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟรวมทั้งของขวัญชิ้นพิเศษที่ไม่ซ้ำใคร เฉพาะที่ห้างเซลฟริดเจส เท่านั้น หรือลองแวะเข้าไปช้อปกันได้ที่ selfridges.com

    ห้างสรรพสินค้าคาเดเว (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

    ห้างคาเดเว (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน เป็นห้างที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศเยอรมนี เตรียมสร้างความตื่นตาตื่นใจฉลองเทศกาลแห่งความสุขโดยความร่วมมือกับ Dior แบรนด์ลักชัวรี่ระดับโลกออกแบบตกแต่ง Window Display สุดตระการตาให้เปรียบดั่งโลกแห่งเวทมนต์ที่ส่องประกายเรืองรอง ถ่ายทอดคอลเลกชันอันน่าหลงใหลเพื่อสุภาพสตรีพร้อมนำเสนอคอลเลกชัน Cruise 2023 ที่มีเครื่องประดับและสินค้าแฟชั่นหลากหลายในรูปแบบ Pop Up Store บนพื้นที่กว่า 270 ตร.ม. รวมทั้งยังได้คัดสรรแฟชั่นแบรนด์สำหรับฉลองปาร์ตี้ไว้อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น Dior, Louis Vuitton, Givenchy, Versace และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกมาก

    Dior Christmas Pop up Store and windows at KaDeWe in Berlin, German – Photo ©Kristen Pelou

    เชิญแวะชมบรรยากาศห้างสรรพสินค้าคาเดเว (KaDeWe) ภายใต้ธีม Merry Moments ให้ทุกคนสามารถเก็บภาพในมุมต่างๆ ดุจย่างกรายไปใน ลูกแก้วที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ (Snow Globe) รวมทั้งคริสต์มาสมาร์เก็ต รวบรวมสินค้ากลิ่นอายแห่งการเฉลิมฉลอง ทั้งของประดับ ขนม และอาหารนานาชนิด ให้เลือกช้อปอย่างเต็มอิ่ม

    ห้างรีนาเชนเต (Rinascente) กรุงมิลาน และ กรุงโรม ประเทศอิตาลี

    ห้างรีนาเชนเต (Rinascente) กรุงมิลาน และ กรุงโรม เป็นห้างสรรพสินค้าอันดับ 1 ในประเทศอิตาลี ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยว โดยเมื่อถึงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ทุกคนต่างไม่พลาดมาเช็กอินและถ่ายรูปลงในโซเชียลมีเดียเพื่ออวดความงดงามของแสงไฟระยิบระยับนับพันดวงที่ถูกรังสรรค์อย่างตื่นตาตื่นใจ

    โดยปีนี้จะถูกจัดขึ้นในธีม Believe in Wonder มหัศจรรย์แห่งความรื่นเริงและสนุกสนานทั่วทั้งห้างสรรพสินค้า ที่ทุกย่างก้าวจะเสมือนอยู่ในดินแดนที่เต็มไปด้วยความสุข โดยหนึ่งในไฮไลต์ของ รีนาเชนเต กรุงมิลาน คือ ชั้นรูฟท็อปของห้างซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โมเดิร์น Obicà Mozzarella Bar และ Maio Restaurant ทุกคนสามารถดื่มด่ำทัศนียภาพแบบ 360 องศาของมหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) แลนด์มาร์กอันโดดเด่นแห่งเมืองมิลาน เช่นเดียวกันกับรูฟท็อปของ รีนาเชนเต กรุงโรม ที่สามารถชื่นชมพระอาทิตย์ตกดินแบบพาโนรามา ที่ร้านอาหาร Madeiterraneo และบาร์ Up Sunset Bar ของเชฟระดับมิชลินสตาร์

    สำหรับใครกำลังมองหาของขวัญสักชิ้นที่รีนาเชนเตก็มีให้เลือกครบครันทั้งสินค้าแฟชั่นจากแบรนด์ Louis Vuitton, Gucci, Fendi, Bottega Veneta, Dolce Gabbana, Tod’s, Valentino, Versace, Salvatore Ferragamo หรือเครื่องประดับ สินค้าตกแต่ง และอาหาร อาทิ กล่องดนตรีสุดคลาสิกจากแบรนด์ LEMAX, ตุ๊กตานัทแครกเกอร์แกะสลักจากไม้ขาวที่มีความเชื่อว่าจะนำความโชคดีมาสู่ผู้รับ, ชูการ์ แอนด์ สไปซ์ (บ้านและตุ๊กตาขนมปังขิง) และสินค้าที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นพิเศษสำหรับเทศกาลนี้ โดยสามารถเลือกซื้อได้ทั้งหน้าร้านหรือออนไลน์เพียงแอดไลน์ @RinascenteOnDemand แล้วทักแชทชอปกันได้เลยง่ายๆ

    นอกจากทุกคนจะได้ดื่มด่ำความงดงามจากการรังสรรค์ห้างสรรพสินค้าทั้ง 5 ห้างหรูข้างต้นแล้ว ทุกครั้งที่ลูกค้าคนไทยที่เป็นสมาชิกเดอะวัน ช้อปปิ้งที่ ห้างรีนาเชนเต (Rinascente) ทุกสาขา, ห้างคาเดเว (KaDeWe) จะได้รับ คะแนนสะสมเดอะวัน ทุก 1 ยูโร เท่ากับ 1 คะแนน และห้างอิลลุม (Illum) ทุก 7.5 โครนเดนมาร์ก เท่ากับ 1 คะแนน, ส่วนลด 10% สำหรับสินค้าร่วมรายการ เพียงแสดง The 1 APP รวมถึงเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน ที่ร่วมรายการ (ระยะเวลาถึง 31 ธ.ค. 66) และให้บริการ fast track สำหรับการคืนภาษี (Tax Refund), บริการห่อของขวัญ และบริการส่งของถึงโรงแรมที่พัก (เฉพาะสมาชิกเดอะวัน เอ็กซ์คลูซีฟ) อีกด้วย

    ]]>
    1410919