กว่าจะรู้ว่ามีผู้เล่นกี่รายที่ได้รับคัดเลือกดำเนิน Virtual Bank ก็ต้องรอไปถึงช่วงกลางปี 2568 แต่ที่แน่ ๆ เคาะแล้วว่ามีผู้ยื่นขอใบอนุญาตทั้งหมด 5 กลุ่ม ได้แก่
จะเห็นว่า 4 กลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มทุนใหญ่ที่คนไทยคุ้นเคย มีเพียง Lightnet Group x WeLab ที่คนไทยอาจไม่คุ้น แต่ถ้าเป็นในระดับภูมิภาค ถือเป็น Fintech ที่น่าจับตามองอย่างมาก โดย Lighthub Asset และ Lightnet Group ก่อตั้งโดย หิรัญกฤษฎิ์ อรุณานนท์ชัย และ ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ซึ่งชัชวาลย์ถือว่ามีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการเงินกว่า 30 ปี โดยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งอิออน ธนสินทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
Lightnet มีจุดเด่นที่บริการ โอนเงินข้ามประเทศผ่านระบบบล็อกเชน โดยนับตั้งแต่ปี 2018 ที่ก่อตั้ง บริษัทมีธุรกรรมทางการเงินมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแต่ละปี ครอบคลุม 95% ของธุรกิจการเงินทั่วโลก รองรับ 150 สกุลเงิน และมีเครือข่ายดิจิทัลวอลเล็ตกว่า 20 ล้านราย และมีใบอนุญาตด้านการเงินกว่า 20 ใบทั่วโลก
ในส่วนของ WeLab ถือเป็นบริษัท Virtual Bank ที่มีผู้ใช้กว่า 65 ล้านรายในเอเชียแปซิฟิก ภายใต้แบรนด์ WeLab Bank ใน ฮ่องกง และแบรนด์ Bank Saqu ใน อินโดนีเซีย ที่ผ่านมา ได้อนุมัติสินเชื่อดิจิทัลแล้วกว่า 5 แสนล้านบาท ทางบริษัทฯ ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบงก์กิ้งที่ครอบคลุม ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าองค์กร และโซลูชันทางเทคโนโลยีสำหรับลูกค้าสถาบัน
ซึ่งจุดเด่นของทั้ง Lightnet และ WeLab คือ เทคโนโลยี AI และโซลูชัน Edge Computing ที่จะมาช่วยบริหารความเสี่ยง โดยในช่วงช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา WeLab มีหนี้เสียลดลงจาก 0.59% มาเป็น 0.50% ต่ำกว่าหนี้เสียของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ที่หนี้เสียเพิ่มขึ้นจาก 1.92% มาเป็น 2.89%
นอกจากนี้ เทคโนโลยีของ WeLab ยังสามารถปล่อยสินเชื่อได้ภายใน 2 นาที จากการคำนวณข้อมูลจากโซเชียล, การทำธุรกรรม, พฤติกรรม หรือการวิเคราะห์เครดิตในหลายมิติ ต่างจากธนาคารดั้งเดิมที่วิเคราะห์การปล่อยสินเชื่อจากข้อมูลเครดิต, มูลค่าทรัพย์สิน โดย ไซมอน หลุง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WeLab อธิบายว่า Virtual Bank ของ WeLab ยังเป็นผู้ช่วยแนะนำด้านการเงินส่วนตัวของผู้ใช้จริง ๆ ไม่ใช่เป็นเหมือน Mobile Banking
“Mobile Banking เราต้องรู้ก่อนว่าจะทำอะไรถึงเข้าไปใช้ แต่ Virtual Bank ของเราจะแนะนำบริการทางการเงิน เหมือนมีโค้ชทางการเงิน และมีความ Personal มากขึ้น ซึ่งคนไทยเข้าถึงน้อยมาก ๆ” ไซมอน หลุง กล่าว
แม้ว่าชื่อเสียงของ Lightnet และ WeLab จะไม่เป็นที่คุ้นเคยของคนไทยนัก ซึ่ง หิรัญกฤษฎิ์ อรุณานนท์ชัย ก็ ยอมรับในจุดนี้ และมองว่า การทำธุรกิจเกี่ยวกับการเงิน ความเชื่อมั่น (Trust) เป็นสิ่งสำคัญและต้องใช้เวลาสร้าง แต่ก็มั่นใจว่าจะเข้าถึงคนไทยได้ทั่วถึงกว่า 46 ล้านรายได้ตั้งแต่วันแรก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกร ทรานสปอร์ต มีเดีย ร้านค้าส่ง ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ฯลฯ และมีจุดให้บริการกว่า 150,000 แห่งทั่วประเทศ
แม้ว่า หิรัญกฤษฎิ์ จะไม่เปิดเผยชื่อพาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้เข้าถึงประชาชนคนไทย แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็น SABUY หรือ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เพราะถึงแม้ว่า Lightnet จะล้มดีลเข้าซื้อหุ้น SABUY เพราะราคาหุ้นผันผวน แต่เมื่อพิจารณาจาก 5 กลุ่มธุรกิจ ที่เข้าถึงระดับชุมชน ก็เป็นไปได้ว่า SABUY นี่แหละจะเป็นพาร์ทเนอร์ของ Lightnet ปัจจุบัน 5 กลุ่มธุรกิจของ SABUY มี
ทั้งนี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกในช่วงกลางปี 2568 และจะเริ่มให้ดำเนินการจริงได้ในช่วง กลางปี 2569 ซึ่งทาง Lightnet มั่นใจว่าพร้อมจัดตั้ง Virtual Bank ภายใน 12 เดือน หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตฯ
“เราใช้เวลา 6 เดือนในการเปิด Bank Saqu Virtual Bank ในอินโดนีเซีย ดังนั้น เรามั่นใจว่าไม่เกิน 12 เดือนก็เปิดในไทยได้ จริง ๆ แล้วเทคโนโลยีมีความพร้อม แต่แค่ต้องทำให้โลคอลไรซ์ เช่น ภาษา” ไซมอน หลุง กล่าว
โดย ไซมอน หลุง มองว่า โอกาสของประเทศไทยอยู่ที่บริการทางการเงินสำหรับ กลุ่มลูกค้า Unserved และ Underserved ทั้งในกลุ่มรายย่อย และกลุ่ม MSME ที่มีความต้องการสินเชื่อรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท
“เรามองว่ายิ่งมีผู้เล่นเยอะ ยิ่งมีการแข่งขันยิ่งดี เพราะในฮ่องกงมีธนาคารกว่า 70 ราย แต่ไทยมีไม่ถึง 20 ราย ด้วยประสบการณ์ทำให้เรามีความมั่นใจ” ไซมอน หลุง ทิ้งท้าย
]]>โจทย์ของการทำธุรกิจในยุคนี้ แค่สร้างการเติบโตอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องสร้างระบบนิเวศของตัวเองให้ยั่งยืนด้วย จึงจะเห็นได้ว่าหลายๆ แบรนด์ได้สร้างสินค้า และบริการให้ครอบคลุมทุกอย่าง เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกของลูกค้า ให้มากขึ้น
ล่าสุด บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมมือกับ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY พัฒนา “เคอรี่ วอลเล็ท” เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการใช้จ่ายสินค้า เตรียมเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
อเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เปิดเผยว่า
“เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ได้พัฒนา “เคอรี่ วอลเล็ท” โดยความร่วมมือของ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ซึ่งได้เข้ามาช่วยพัฒนาระบบร่วมกัน (KERRY Wallet) เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โซเชียลคอมเมิร์ซ ในประเทศไทย ที่เติบโตต่อเนื่อง พร้อมขยายมูลค่าเพิ่มเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อขายสินค้าออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยการพัฒนาเคอรี่ วอลเล็ท ได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีจาก SABUY ซึ่งเตรียมเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้”
สำหรับเคอรี่ วอลเล็ท จะเป็นระบบอีเพย์เมนต์ เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่จะช่วยผลักดันการเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าหมายให้เป็นระบบที่สามารถรองรับการชำระเงินได้ในหลากหลายรูปแบบ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการเคอรี่ เอ็กซ์เพรสเป็นประจำ รวมถึงคนทั่วไปที่มีไลฟ์สไตล์ในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
เป็นการเพิ่มช่องทางให้กับลูกค้าของเคอรี่ฯ ที่มีอยู่มากกว่า 10 ล้านรายต่อเดือน รวมถึงการชำระค่าบริการ การรับชำระเงินที่จุดให้บริการ หรือบริการส่งพัสดุเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ที่ทำให้เคอรี่ เอ็กซ์เพรส มีทางเลือกมากขึ้น นอกเหนือจากการชำระเงินผ่าน พร้อมเพย์, คิวอาร์โค้ด และแร็บบิท ไลน์เพย์
รวมไปถึงจะเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญของการรวบรวมรูปแบบการชำระเงินในระบบต่างๆ ของผู้ถือหุ้น อาทิ VGI และ Rabbit LinePay รวมไปถึงพันธมิตรต่างๆ และลูกค้าอีกด้วย
การร่วมมือกับสบาย เทคโนโลยีในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มบริการเติมเงินผ่านระบบ Ecosystem ของ SABUY ซึ่งมีจุดเติมเงินมากกว่า 56,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงพาร์ตเนอร์ต่างๆ ของ SABUY อีกมากกว่า 100,000 จุด ซึ่งรวมถึงร้าน ชิปป์สไมล์ แฟรนไชส์เอ็กเพรส ช้อป และศูนย์กระจายพัสดุอีกกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ
ทางด้าน ชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการร่วมมือกันในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า
“การที่เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับกลุ่มสบายฯ ในการเปิดบริการเคอรี่ วอลเล็ทในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินค้าและบริการของกลุ่ม SABUY ไปยังพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และลูกค้าทั่วไปของเคอรี่ฯ ได้มากยิ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง และกลุ่มลูกค้าของเคอรี่ วอลเล็ท ยังสามารถใช้บริการ SABUY Ecosystem เพิ่มขึ้นอีกด้วย อาทิ การใช้เคอรี่ วอลเล็ท ซื้อสินค้าในตู้เวนดิ้งพลัสที่มีติดตั้งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โรงงานอุตสาหกรรม และแหล่งชุมชนต่างๆ, ใช้จ่ายผ่านศูนย์อาหารในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า Lotus’s ทั่วประเทศ และในศูนย์อาหารที่อยู่ใน ecosystem ของกลุ่มสบาย รวมถึงร้านค้า/ลูกค้าระบบ POS และเครื่องรูดบัตร (EDC) ในกลุ่มพันธมิตรของสบาย”
สำหรับการเปิดให้บริการในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ และเคอรี่ฯ กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการขออนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกรรมวอลเล็ทคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้
]]>