Sewa – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 11 Nov 2025 12:35:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ถึงเวลา Sewa แจ้งเกิดใหม่ หลังแบรนด์สะดุดจนเกือบเลิกกิจการ https://positioningmag.com/1546378 Tue, 11 Nov 2025 07:16:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1546378 หลังยอดขายลดลงต่อเนื่องจาก 600 ล้านบาท เหลือ 200 ล้านบาท จากการตัดสินใจพลาดลงไปจับตลาดแมส ตอนนี้ถึงเวลา Sewa (เซวา) แจ้งเกิดครั้งใหม่ สลัดภาพ ‘แบรนด์ดารา’ ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย และกลับมาโฟกัสตลาด Premium Mass ที่ตัวเองเคยแข็งแรง

 

รวมไปถึงชูจุดแข็ง Functional Clean Skincare ที่เน้นส่วนผสมปลอดภัย มีงานวิจัยรองรับ และเห็นผลจริง โดยหวังเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่ม First Jobber และคนรุ่นใหม่ เพื่อพลิกสถานการณ์ให้แบรนด์กลับมาเติบโตอีกครั้ง

 

‘เบญจกิติ เมฆแสน’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sewa เล่าถึงที่มาของความเคลื่อนไหวนี้ว่า แบรนด์ Sewa อยู่ในตลาดมานาน 9 ปี ซึ่งที่ผ่านมามีการเติบโตดีมาตลอด กระทั่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยอดขายลดลงต่อเนื่อง จากยอดขายระดับ 600 ล้านบาท ลงมาเหลือ 200 ล้านบาทในปี 2567 จึงได้ทำ Focus Group กับกลุ่ม First Jobber และคนรุ่นใหม่ กลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน

 

เสียงสะท้อนที่ได้จากการสำรวจ คือ ‘แบรนด์ดูมีอายุ ไม่ตอบโจทย์ และไม่น่าเชื่อถือ เพราะเป็นแบรนด์ของดารา’ ซึ่งตอนแรกเธอยอมว่า ‘ไม่เชื่อ’ เนื่องจากมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์ของตัวเองที่สามารถเติบโตได้ในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้ตัดสินใจทำการสำรวจอีกครั้ง และผลที่ได้มาก็ใกล้เคียงกับครั้งแรก

 

นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้เบญจกิติ ตัดสินใจ ‘Reborn’ แบรนด์ Sewa ครั้งใหญ่ กลับมาสู้ในทางที่ตัวเองแข็งแรง นั่นคือ การวางโพซิชัน Functional Clean Skincare ที่เน้นส่วนผสมปลอดภัย มีงานวิจัยรองรับ และเห็นผลจริง เพื่อจับตลาด Premium Mass 

 

“ตอนเริ่มต้นที่ทำร่วมกับพี่วุ้นเส้น (วุ้นเส้น วิรฒิภา) ยอมรับว่า เป็นอีกจุดที่แจ้งเกิดให้ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน เทรนด์ก็เปลี่ยน และตอนนี้ก็ได้แยกย้ายกันไปเติบโตในทางของตัวเองตั้งแต่เดือน ก.พ.2568 ที่ผ่านมา ขณะที่การตัดสินใจกระโดดลงไปในตลาดแมส เนื่องจากมีคนแนะนำว่า ตลาดนี้โตมีมูลค่าน่าสนใจ จึงขยายไลน์สินค้าต่าง ๆ มีราคาตั้งแต่ 50-1,000 บาท และทำครีมซองออกมา

 

“แต่ด้วยเราไม่เก่งและแบรนด์ไม่แข็งแรงขนาดจะเข้าไปตลาดแมส ทำให้ตำแหน่งแบรนด์ไม่ชัดเจน ลูกค้าเกิดสับสน ไม่มั่นใจคุณภาพ ซึ่งเป็นบทเรียนให้เราจำไว้ว่า ต้องศึกษาตลาดให้มากกว่านี้ อย่าเห็นตัวเลขแล้วตาโต เพราะนั่นคือกับดักสู่หายนะ จนเราเกือบเลิกกิจการแล้ว”

สำหรับการแจ้งเกิดใหม่ของ Sewa ได้ ‘โละทิ้ง’ สินค้าตลาดแมสออกจากพอร์ตทั้งหมด และกลับมาโฟกัส 2 ฮีโร่ โปรดักต์ ได้แก่ Ultimate Recovery Treatment Essence และ Brightening Treatment Essence ด้วยการรีแบรนด์ให้ดูทันสมัย เริ่มตั้งแต่เปลี่ยนโลโก้ Sewa เป็นตัวพิมพ์เล็ก สื่อถึงความเรียบง่ายแต่ทันสมัย พร้อมออก แบบบรรจุภัณฑ์แบบ eco-friendly

 

ขณะเดียวกันได้วางงบการตลาดกว่า 50 ล้านบาท สำหรับสร้างภาพจำใหม่ ผ่านจอ LCD ใจกลางเมือง, การหุ้มขบวนรถไฟฟ้า BTS, สื่อกลางแจ้งทั่วกรุงเทพฯ

 

ส่วนด้านช่องทางจำหน่าย จะเน้น Omni-channel ครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เริ่มจากช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Lazada, Shopee, TikTok Shop พร้อมระบบ Affiliate ที่เปิดให้ผู้บริโภคและครีเอเตอร์สร้างคอนเทนต์รีวิวรวมถึงขายสินค้าโดยตรง ก่อนจะขยายสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด

 

และแม้จะพยายามสลัดภาพ ‘แบรนด์ดารา’ แต่ทางประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sewa ยอมรับ ดารายังสำคัญในการสร้างการรับรู้และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

 

ดังนั้นแบรนด์ได้เลือก ‘เจนเย่ เมธิกา’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ สะท้อนภาพคนรุ่นใหม่ และเชื่อมโยงกับความเป็นเกาหลีอย่างมีสไตล์ เพื่อหวังปูทางส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ เนื่องจากเจนย่ามีชื่อเสียงและได้รับความนิยมในต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน

ตั้งเป้าธุรกิจจะพลิกคืนกลับมาปีหน้า

 

หลังจากแจ้งเกิดแบรนด์ใหม่อีกครั้ง ทางประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sewa มั่นใจธุรกิจจะพลิกคืนกลับมาอีกครั้งภายในปี 2569 ด้วยการตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ 600 ล้านบาท เท่ากับยอดขายช่วงก่อนแบรนด์จะเกิดสะดุด

 

แม้สภาพเศรษฐกิจดูจะไม่เอื้ออำนวย และตลาดสกินแคร์จะแข่งขันดุเดือด แต่ธุรกิจความงามยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะหมวด Beauty & Personal Care ที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจอย่างชัดเจน สะท้อนจากข้อมูลล่าสุดของ Kantar ระบุว่า ตลาดสกินแคร์ในไทยยังมีโอกาสเติบโต โดยกลุ่มสกินแคร์ผิวหน้าโต 12.3% และเมคอัพโต 11%

 

สำหรับแรงหนุนที่ทำให้ตลาดสกินแคร์เติบโต หลัก ๆ มาจากพฤติกรรม Self-care ของผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนอายุ 25 ขึ้นไปที่หันมาใส่ใจสุขภาพผิวและองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์มากขึ้น บวกกับกลยุทธ์การขายยุคใหม่อย่าง TikTok Shop และ Affiliate Commerce ที่เอื้อให้สินค้าหมวดบิวตี้ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นทั้งการเข้าถึงลูกค้าและสร้างยอดขาย

 

 

 

]]>
1546378
คุยกับ ‘วุ้นเส้น’ กับภารกิจพา ‘เซวา’ ลบคำครหา “แบรนด์ดาราที่มาแล้วไป” https://positioningmag.com/1477263 Mon, 10 Jun 2024 06:02:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477263 หากพูดถึง สกินแคร์และเครื่องสำอาง ถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีการแข่งขันสูง ไม่ใช่แค่จากแบรนด์ต่างประเทศ แต่แบรนด์ในประเทศเองก็มีแบรนด์เกิดใหม่ปีละเป็นร้อย ๆ แบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์จาก ดารา อินฟลูเอนเซอร์ ที่ถือว่ามีแต้มต่อด้วยชื่อเสียงที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่า แต่ก็จะมีคำครหาว่ามา โกยเงินแล้วก็ไป

เซวา (Sewa) ถือเป็นอีกแบรนด์สกินแคร์ของไทยที่ก่อตั้งโดยนักแสดงและนางแบบชื่อดังอย่าง วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์ ที่ร่วมกับ ปุ๊ก เบญจกิติ เมฆแสน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ เซวา ไทยแลนด์ โดยเซวา มีฮีโร่โปรดักส์ที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักก็คือ น้ำตบโสมแดง ที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักตั้งแต่ปีที่ 2 หลังจากก่อตั้ง จนปัจจุบัน เซวากำลังเข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว

“เมื่อก่อนเราเป็นพรีเซ็นเตอร์มาตลอด เลยอยากจะมีแบรนด์ของตัวเอง จนเราได้คุยกับปุ๊กที่สนใจในธุรกิจความงามอยู่แล้ว และก็เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่น เสื้อผ้า และเครื่องประดับ เลยตกลงที่จะร่วมกันทำแบรนด์เซวา ที่มาจากชื่อของดอกไม้เกาหลี” วุ้นเส้น เล่า

แบรนด์ดารามาพร้อมคำครหา

แน่นอนว่าการที่เป็นคนมีชื่อเสียงมาทำแบรนด์ จะช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็มี คำครหา ว่า ของดีจริงไหม และจะมาแค่ โกยเงินแล้วก็หายไป ไม่ได้ทำจริงจังหรือเปล่า ดังนั้น นี่จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ทำให้เซวาต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ส่งผลให้เรื่อง คุณภาพและความจริงใจ คือสิ่งที่แบรนด์ให้ความสำคัญที่สุด เพราะแบรนด์ในตลาดมีเยอะ ผู้บริโภคมีโอกาสเปลี่ยนบ่อย

“มุมมองเขาจะคิดว่าเป็นดารามาทำมันง่าย ต้องพิสูจน์ไม่ใช่สินค้ากระแส หรือฉาบฉวย เพราะถ้าใช้ไม่ได้จะโดนมากกว่าคนปกติ เราก็ต้องทำให้ดี ให้คนมาว่าไม่ได้ และเราใช้งานจริงตลอด ทำให้อยู่มาได้ 8 ปี” วุ้นเส้น กล่าว

ปัจจุบันสินค้าของเซวามีทั้งหมด 14 SKU ทั้งสกินแคร์ คอสเมติก โดยสินค้าทั้งหมดผลิตในประเทศเกาหลีใต้ พร้อมกับใช้ทีมวิจัยจากเกาหลีร่วมกับคนไทย เพื่อคิดสูตรให้เหมาะกับผิวคนไทย

ถึงเวลาขยับเข้าหาวัยรุ่น

ที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าหลักของเซวามีอายุช่วง 30-70 ปี สอดคล้องกับสินค้าขายดีอย่างน้ำตบโสมแดงที่เน้นเรื่องการชะลอวัย ทำให้การตลาดที่ผ่านมาของแบรนด์ เกือบ 100% ใช้สื่อทีวี โดยแต่ละปีใช้งบการตลาดประมาณ 70 ล้านบาท โดยแบรนด์มักใช้ดาราระดับ นางเอก

อย่างไรก็ตาม เซวาต้องการเข้าถึงกลุ่ม วัยรุ่น มากขึ้น ดังนั้น แผนการตลาดในปีนี้จะลดน้ำหนักสื่อทีวีเหลือ 50% อีก 50% จะหันไปใช้ สื่อออนไลน์และอินฟลูเอนเซอร์ มากขึ้น พร้อมกับใช้ เก๋ไก๋ ณัฐธิชา นามวงษ์ อินฟลูเอนเซอร์คนดังที่ปัจจุบันขึ้นแท่นเป็นนางเอก มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ครีมกันแดด SEWA Ultra Hybrid Sunscreen SPF50+ PA++++ นอกจากนี้ แบรนด์มีการออกแบบแพ็กเกจจิ้งสินค้าใหม่ให้ดูเด็กลงอีกด้วย

“ที่ผ่านมาเราใช้แต่นางเอกหรือคนดังอย่าง มดดำ คชาภา ตันเจริญ แต่ทิศทางของแบรนด์จากนี้ต้องการเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น ดังนั้น แผนการตลาดเราต้องปรับใหม่ ใช้ออนไลน์มากขึ้น ดึงเก๋ไก๋มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะตอนนี้วัยรุ่นหันมาดูแลตัวเองกันเร็ว”

ตลาดสกินแคร์เป็นฟาสต์แฟชั่นไปแล้ว

ปุ๊ก เบญจกิติ ยอมรับว่า ในตลาดสกินแคร์ตอนนี้แข่งขันสูงมาก มีแบรนด์เกิดใหม่เป็นร้อยแบรนด์ในแต่ละปี เรียกได้ว่าตลาดสกินแคร์เป็นเหมือน ฟาสต์แฟชั่น (Fast fashion) ดังนั้น เซวาจะเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดกลุ่ม พรีเมียมแมส อย่างต่อเนื่อง โดยปีหน้ามีแผนจะออกสินค้าสำหรับ ผู้ชาย โดยเฉพาะ รวมถึงมีแผนจะขยายไปในประเทศ จีน โดยกำลังศึกษาตลาดอยู่

ปัจจุบันช่องทางจัดจำหน่ายของแบรนด์ 60% เป็นออฟไลน์ โดยเฉพาะในโมเดิร์นเทรด อีก 40% เป็นออนไลน์ โดยจากนี้ เซวาจะเน้นออก ครีมซอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินค้าได้ง่ายมากขึ้น โดยปัจจุบันครีมซองของเซวามีทั้งหมด 10 SKU เพิ่มจาก 3 SKU เมื่อ 4 ปีก่อน

“สกินแคร์ยังเป็นกลุ่มที่เติบโตแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่เราต้องทำให้ราคามันจับต้องได้ และสกินแคร์เหมือนฟาสต์แฟชั่น มีแบรนด์ใหม่พร้อมเข้ามา ดังนั้น เราต้องทำให้ดีเพื่อให้เขาไม่เปลี่ยนใจ และคุณภาพจะทำให้เราอยู่ยาว” เบญจกิติ กล่าว

วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์ และ ปุ๊ก เบญจกิติ เมฆแสน

เป้า 500 ล้าน และเป็นแบรนด์ในใจเหมือนมิสทีน

สำหรับยอดขายปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 500 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้กว่า 400 ล้านบาท โดยในส่วนของ SEWA Ultra Hybrid Sunscreen SPF50+ PA++++ ตั้งเป้ายอดขาย 5 แสนหลอดในสิ้นปี โดยเป้าหมายระยะยาวทั้ง วุ้นเส้นและปุ๊ก มองว่าอยากเป็น แบรนด์ชั้นนำของไทย เหมือนกับ มิสทีน (Mistine) หรือ สมูทอี (Smooth-E) ที่เป็นที่รู้จักทั่วประเทศและขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เพื่อลบมายด์เซ็ทที่ว่า แบรนด์ดารามาแล้วก็ไป

]]>
1477263