Shoppertainment – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 01 Dec 2022 10:44:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เจาะลึก 4 ปัจจัยที่ทำให้ ‘TikTok Shop’ อีคอมเมิร์ซน้องใหม่สาย ‘บันเทิง’ กำลังมาแรง! https://positioningmag.com/1410646 Thu, 01 Dec 2022 11:00:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1410646

อย่างที่รู้กันว่าตลาด อีคอมเมิร์ซ เป็นตลาดใหญ่แถมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากสมาคมอีคอมเมิร์ซไทยระบุว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 นี้ คาดว่าตลาดจะมีมูลค่าประมาณ 8.1 แสนล้านบาท เลยทีเดียว ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่แพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็หันมาจับตลาดอีคอมเมิร์ซ รวมไปถึง TikTok ที่เพิ่งจะมีการเปิดตัว TikTok Shop ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา


ช้อปสนุกด้วย Shoppertainment

หากพูดถึงช่องทางการซื้อ-ขายของออนไลน์ในปัจจุบันก็ต้องยอมรับว่ามีหลากหลาย ทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดีย แต่ทำไม TikTok Shop ถึงกำลังมาแรงทั้งในหมู่ผู้ซื้อและผู้ขายนั้น ส่วนหนึ่งเลยก็คือ พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ที่เปลี่ยนไป

จากงานวิจัยของ TikTok ที่ทำร่วมกับ Boston Consulting Group (BCG) พบว่า ผู้บริโภคอิ่มตัวกับโฆษณา โดย 34% ของผู้บริโภคไม่เชื่อคอนเทนต์โฆษณาจากแบรนด์ เพราะรู้สึกว่าถูกยัดเยียดจนเกินไป แต่กลับกันผู้บริโภคถึง 71% เพลิดเพลินกับการรีวิวหรือให้ข้อมูลสินค้าแบบเรียล ๆ

ดังนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำให้ TikTok เติบโตและเป็นแหล่งกำเนิดของไวรัลต่าง ๆ ในไทยก็คือ ความเรียล และ ความบันเทิง โดยอ้างอิงจาก Nielsen ที่ระบุว่า ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกยกให้คอนเทนต์บน TikTok คือที่สุดแห่งความบันเทิงเลยทีเดียว ดังนั้น สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการนั้นเป็นจุดเด่นของ TikTok อยู่แล้ว ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ TikTok Shop โดดเด่นด้วยกลยุทธ์ Shoppertainment ซึ่งคือการผสานระหว่าง Shopping และ Entertainment เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมต่อยอดสู่ประสบการณ์ช้อปที่สนุกสนาน และลงตัวจนโดนใจผู้ใช้


ผู้ใช้ที่พร้อมช้อป

จากข้อมูล* เมื่อปี 2564 ที่จัดทำโดย Material ระบุว่า 3 ใน 4 ของผู้ใช้ TikTok กลุ่มมิลเลนเนียล มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าขณะที่เล่น TikTok ขณะที่ข้อมูลจากการสำรวจ**ของ TikTok เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เผยว่า 9 ใน 10 ของผู้ใช้ TikTok ในประเทศไทยมีการซื้อของในช่วง Mega Sales และซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี นอกจากนี้ นักช้อปบน TikTok ใช้จ่ายในช่วงมหกรรม Mega Sales มากกว่านักช้อปทั่วไปถึง 1.5 เท่า ซึ่งจากข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใช้งาน TikTok พร้อมจะจับจ่ายหากพบสินค้าที่ถูกใจ

ที่น่าสนใจคือ ผู้ใช้ TikTok นิยมนำสินค้าไปรีวิวภายในคอมมิวนิตี้ ซึ่งจุดนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อจากผู้ชมหน้าใหม่ได้ด้วย เพราะเทรนด์ในปัจจุบัน ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลมีแนวโน้มเชื่อคำพูดของคอมมิวนิตี้, อินฟลูเอนเซอร์ หรือคำแนะนำของคนใกล้ตัวมากกว่าคำโฆษณาจากแบรนด์แบบตรง ๆ


นำเสนอสินค้าได้ตรงใจไม่ต้องเสิร์ช

ถ้าใครที่เล่น TikTok จะรู้ว่าระบบนั้นช่วยฟีดวิดีโอให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ เช่นเดียวกันกับการนำเสนอสินค้าของ TikTok Shop มีรูปแบบการแนะนำสินค้าที่ Personalized เฉพาะความต้องการของแต่ละบุคคล ผ่านหลากหลายคอนเทนต์ที่จะกระตุ้นให้เกิดความสนใจได้ ต่างจากการใช้งานอีคอมเมิร์ซรูปแบบเดิมที่ผู้ใช้ต้องค้นหาสินค้าที่ต้องการด้วย keyword ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ 55% ของผู้ใช้ TikTok ในประเทศไทยจะระบุว่า TikTok Shop ช่วยให้พวกเขาค้นพบสิ่งใหม่ ๆ (อ้างอิงข้อมูล*ที่จัดทำขึ้นโดย Material) ซึ่งถือเป็นโอกาสในการขายของแบรนด์


ใช้ง่ายแถมมีโปรโมชั่น

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะทำให้ปิดการขายได้ก็คือ ความง่าย ถ้าเกิดเจอของถูกใจแต่วิธีการซื้อยุ่งยาก ร้านก็ปิดการขายไม่ได้ ซึ่งวิธีการช้อปของ TikTok Shop ก็ใช้ง่ายใน 3 วิธี

1) Video Shopping ถ้าเลื่อนฟีดแล้วเจอรีวิวสินค้าที่โดนใจ ก็จิ้มที่ไอคอนรูปตะกร้า เพื่อกดสั่งซื้อสินค้าได้ทันที

2) Product Showcase คลิกที่ไอคอนตะกร้าที่หน้า TikTok ของร้านค้า เพื่อค้นหาสินค้าที่สนใจเพิ่มเติม

3) Live Shopping รับชมไลฟ์ขายของ และซื้อสินค้าได้ง่าย สะดวกสบาย เพียงคลิกตรงแถบสินค้าด้านล่าง

สุดท้าย สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับอีคอมเมิร์ซก็คือ โปรโมชั่น ซึ่ง TikTok Shop ก็มีโปรโมชั่นมากมาย รวมไปถึงโปรส่งฟรี***ให้ลูกค้าตลอดทั้งปี โดยล่าสุด TikTok Shop ก็มีแคมเปญ 12.12 ช้อปสนุก ให้สนั่น ส่งท้ายปี โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2565 นี้ โดยเหล่านักช้อปจะได้

  • คูปองส่วนลดสูงสุด 1,212 บาท***
  • ส่งฟรีทุกออเดอร์***
  • ของขวัญสุดพิเศษจากแบรนด์ดัง เข้ากับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปี อาทิ Sulwhasoo, Laneige, Singer และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย

จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงการผสานเอาจุดเด่นดั้งเดิมมาต่อยอด TikTok Shop จึงถือเป็นจุดหมายปลายทางของการช้อปสนุกยิ่งกว่าที่เคย พร้อมนำเสนอสินค้าที่ตรงใจ ใครที่มองหาของขวัญช่วงปลายปี ก็ไถ TikTok ได้เลย

ติดตามรายละเอียดแคมเปญ TikTok Shop 12.12 ช้อปสนุก ให้สนั่น เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/tiktokshopthailandofficial

และรับชมวิดีโอโฆษณาแคมเปญนี้ได้ที่ https://youtu.be/TDJ_fnUfEzQ


*อ้างอิงข้อมูลจากผลวิจัย TikTok Marketing Science Global Entertainment Study (ข้อมูลประเทศไทย) เมื่อเดือน ธันวาคม 2564 ที่จัดทำขึ้นโดย Material

**อ้างอิงข้อมูลจากผลวิจัย TikTok commissioned study on TikTok users and non-users consumption and behaviours in TH (ข้อมูลประเทศไทย) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565

***เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

]]>
1410646
บันเทิงก่อนขายทีหลัง! สู่เทรนด์ ‘Shoppertainment’ แก้ปัญหาลูกค้ายี้โฆษณา https://positioningmag.com/1397589 Thu, 25 Aug 2022 08:14:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397589 หากพูดถึงตลาด อีคอมเมิร์ซ ถือเป็นตลาดใหญ่ที่ใคร ๆ ก็อยากจะเข้ามา ไม่ใช่แค่กับแพลตฟอร์ม E-Marketplace แต่รวมถึง Social Media ด้วย ดังนั้น เราจะได้เห็นคำใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น แชทคอมเมิร์ซ, ไลฟ์คอมเมิร์ซ แต่ไม่ว่าจะมีแพลตฟอร์มสำหรับขายของมากน้อยแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่ยังสำคัญเสมอคือ คอนเทนต์ เมื่อผู้บริโภคเบื่อการขายของแบบเดิม ๆ จนนำไปสู่เทรนด์ Shoppertainment

ลูกค้ายี้โฆษณาแบบเดิม ๆ

จากงานวิจัยของ TikTok ที่ทำร่วมกับ Boston Consulting Group (BCG) โดยสำรวจความคิดผู้คนกว่า 2,000 ราย ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่แสดงให้เห็นว่า ประสบการณ์ออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภคถึงจุดอิ่มตัวในแง่ของการโฆษณา โดย

  • 34% ของผู้บริโภคไม่ไว้วางใจเนื้อหาที่มีความเป็นแบรนด์มากเกินไป รู้สึกถูกยัดเยียด จนตัดสินใจไม่ซื้อแบรนด์นั้น ๆ
  • 26% ของผู้บริโภคต้องการเวลามากขึ้นในการตัดสินใจซื้อ
  • 46% จะตัดสินใจซื้อในวันอื่น
  • 89% ของผู้บริโภคจะหาข้อมูลทั้งในและนอกแพลตฟอร์มที่ตัวเองกำลังใช้อยู่
  • 63% จำเป็นต้องได้รับชมคอนเทนต์ 3-4 ครั้งถึงจะซื้อ
  • 85% ของผู้บริโภคจะท่องไปในหลายแพลตฟอร์มก่อนจะตัดสินใจซื้อจริง

บันเทิงก่อนขายทีหลัง

กลับกันหากให้ ความบันเทิง เป็นหัวใจของการค้าขาย หรือ บันเทิงก่อนขายทีหลัง จะนำไปสู่เส้นทางนำไปสู่การซื้ออย่างเป็นธรรมชาติ โดย

  • 81% ของผู้บริโภคคาดหวังว่าจะเห็นคอนเทนต์ที่เน้นเล่าเรื่องและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก่อน
  • 76% ของผู้บริโภคสนใจคอนเทนต์ที่เน้นภาพเคลื่อนไหวเป็นหลัก เช่น วิดีโอ หรือ livestream พร้อมมีเนื้อหาความบันเทิงเพื่อดึงดูดผู้บริโภค
  • 71% ของผู้บริโภคเห็นว่าข้อมูลจริงและถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เนื้อหาดึงดูดน่าสนใจ และคอนเทนต์ที่จะ ช่วยกระตุ้นคือ การรีวิวหรือถ่ายวิดีโอแกะกล่องสินค้า
  • 71% ของผู้บริโภคคาดหวังว่าแบรนด์จะไม่บังคับให้ตัดสินใจซื้อในระหว่างนำเสนอคอนเทนต์
  • 65% ของผู้บริโภคอยากได้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับแบรนด์จากโลกอินเทอร์เน็ต ดังนั้น แบรนด์ควรให้ความสำคัญกับเสียงของผู้เชี่ยวชาญในคอมมูนิตี้ออนไลน์และอำนวยความสะดวกให้เพื่อนและผู้ใช้งานได้คุยกันเกี่ยวกับแบรนด์

 

ไลฟ์ขายของขึ้น TOP5 กิจกรรมออนไลน์ยอดฮิต

อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยชี้ชัดถึงเทรนด์ Shoppertainment ได้เป็นอย่างดี ก็คือ การที่ Live Commerce ติด TOP 5 กิจกรรมออนไลน์ยอดฮิตที่คนไทยทำมากที่สุด โดยพบว่ามีชาวเน็ตถึง 41.51% เคยดูและซื้อสินค้าและบริการผ่านไลฟ์ จากการสำรวจของ ETDA หรือ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.)

และถ้าใครเป็นนักช้อปก็จะรู้ว่า e-Marketplace เช่น Shopee, Lazada, JD.Central ต่างก็ใช้กลยุทธ์ Shoppertainment มาช่วยในการขายหรือดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาในแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นการมีฟีเจอร์ไลฟ์ให้กับร้านค้า, การไลฟ์เองโดยการดึงดาราและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมาเป็นตัวชูโรง รวมไปถึงการมีเกมให้ผู้ใช้ได้เล่น หรือแม้แต่การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Metaverse เพื่อเพิ่มประสบการณ์การซื้อสินค้าของผู้บริโภค ก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น

ทำไม TikTok ถึงให้ความสำคัญ Shoppertainment

เนื่องจากการตอบรับของผู้บริโภคของเทรนด์ Shoppertainment ทาง TikTok และ BCG ก็มีการคาดการณ์ว่า เทรนด์ดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสให้กับการช้อปปิ้งออนไลน์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกถึง 1 ล้านล้านเหรียญ ส่วนไทยเองก็มีโอกาสถึง 12,000 ล้านเหรียญ ภายในอีก 3 ปี เติบโตถึง 54%

แน่นอนว่าว่าตัวเลขดังกล่าวถือเป็นโอกาสของแบรนด์ต่าง ๆ ที่จะเกาะเทรนด์ Shoppertainment ส่วน TikTok ที่พึ่งจะปล่อยฟีเจอร์ TikTok Shop มาหมาด ๆ ก็ต้องพยายามจะดึง ร้านค้า ให้มาขายของบนแพลตฟอร์ม โดย TikTok เองก็พยายามจะชูความเป็น Entertainment แพลตฟอร์มมาขาย แน่นอนว่าหากมีร้านค้ายิ่งเข้ามามากเท่าไหร่ โอกาสที่ TikTok จะทำรายได้จาก โฆษณา ก็มากขึ้น

สุดท้ายแล้ว ยิ่งมีแพลตฟอร์มมาก โอกาสเข้าถึงผู้บริโภคของแบรนด์ก็ยิ่งมาก แต่หากพูดถึง Shoppertainment แม้จะเป็นเทรนด์ที่มาแรงแต่แก่นแท้ของมันคือ Content ที่จะเป็นโจทย์ของแบรนด์ต่อไปว่าจะทำให้ Content มัน Entertain ลูกค้าจนอยากซื้อได้อย่างไร

]]>
1397589
‘ลาซาด้า’ เผยนักช้อป 52% รอโปรค่อยช้อป ศก.แย่ ยิ่งต้องอัดแคมเปญถี่ พร้อมผุด Lazlive+ ตรึงผู้ใช้ให้อยู่นาน ๆ https://positioningmag.com/1392242 Tue, 12 Jul 2022 05:01:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1392242 สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซเมืองไทย ดูเหมือนจะเงียบ ๆ ไปหลังจากที่ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ อย่างไรก็ตาม ‘ลาซาด้า’ (Lazada) เชื่อว่าตลาดยังคงสามารถเติบโตได้ และการแข่งขันระหว่างแต่ละแพลตฟอร์มก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยครึ่งปีหลังนี้แพลตฟอร์มจะยังอัดแคมเปญต่อเนื่องและเน้นที่กลยุทธ์ Shoppertainment เช่นเดิม

52% ของผู้ใช้รอโปรค่อยซื้อ

ธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า เทรนด์ผู้บริโภคทั้ง 6 ประเทศที่ลาซาด้าดำเนินกิจการอยู่ค่อนข้างคล้ายกัน โดยพวกเขามองว่าแม้จะมีการคลายล็อกดาวน์แล้วแต่การ ช้อปปิ้งออนไลน์ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดย 46% ซื้อของออนไลน์ทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมองหา วามคุ้ม โดย 52% ของผู้บริโภครอแคมเปญใหญ่ ๆ เพื่อซื้อของ

โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้มองว่าภาพรวมตลาดจะครึกครื้นมากขึ้น เพราะมีแคมเปญใหญ่เยอะ เช่น 11.11-12.12 มีแคมเปญดับเบิลเดย์ทุกเดือน ขณะที่ลาซาด้าก็จะมีแคมเปญย่อยถี่ขึ้นเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะช่วงที่ผ่านมาเห็นว่ากำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ยอดใช้จ่ายต่อครั้งลดลง แต่เข้ามาใช้งานถี่ขึ้น และใช้เวลานานขึ้นเฉลี่ยที่ 12 นาทีต่อครั้ง ทำให้ยอดขายรวมต่อเดือนยังเติบโต

“หลายคนมองว่าเป็นการสปอยคอนซูมเมอร์ เพราะเขารอแต่โปร แต่เรามองว่ามันเป็นเรื่องจำเป็น เพราะผู้บริโภคได้ดีลที่ดี ร้านค้าก็ขายได้มากขึ้น”

ทั้งนี้ เชื่อว่าภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซครึ่งหลังยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์จาก Statista ในส่วนของตลาด B2C จะยังเติบโตราว 13.5% มีมูลค่า 5.6 แสนล้านบาท เนื่องจากตลาดมีคู่แข่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้บริโภคก็มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและเพย์เมนต์ที่มากขึ้น

สำหรับสินค้าขายดีในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมายังคงเป็น ของตกแต่งบ้าน ที่น่าสนใจคือ ของที่ขายไม่ดีในช่วงการระบาดกลับมาขายดีมากขึ้น เช่น ลิปสติก, ครีมกันแดด, ชุดว่ายน้ำ และเสื้อลายดอก สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคออกจากบ้านและเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น

“ความท้าทายของอีคอมครึ่งปีหลัง จะยังเป็นเรื่องการแข่งขันที่สูง เพราะเป็นตลาดที่ยังเติบโต ซึ่งเราเองก็ต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และต้องยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองผู้บริโภคให้ได้”

สานต่อ Shoppertainment ด้วย Lazlive+

ที่ผ่านมา การชมไลฟ์สตรีมมิ่งค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดี โดยในงาน 11.11 ปีที่ผ่านมามียอดผู้ชมรวมทั้งภูมิภาคที่ 18 ล้านวิว ยอดขายเติบโต 187% ขณะที่การไลฟ์ของร้านค้าต่าง ๆ ทางแพลตฟอร์มก็ยังให้ไลฟ์ได้ตามปกติ โดยทั้งเพื่อสร้างความสนุก, นำเสนอสินค้าใหม่ ๆ , ให้ส่วนลดโปรโมชัน รวมถึงขายของ

ล่าสุด แพลตฟอร์มก็ได้เพิ่ม Lazlive+ ที่ทางแพลตฟอร์มไลฟ์เอง โดยจะดึงดารา เซเลบ มาไลฟ์ในรูปแบบของรายการทีวี เพื่อให้ความรู้ และสามารถสั่งซื้อของในไลฟ์ได้ทันที เบื้องต้นจะมี 3 รายการโดยออนแอร์ 7 Episodes ทั้งหมด 21 ตอน บนแอปพลิเคชันลาซาด้าทุกวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 20.00-21.00 น. เริ่มตอนแรกวันอังคารที่ 19 กรกฎาคม 2565 นี้ และตอนสุดท้ายในวันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2565

สำหรับรายการแรกจะเป็น The Look+ บิวตี้ทริค ชิคสั่งได้: รายการเกี่ยวกับแฟชั่น โดยที่ลาซาด้ามองว่าสินค้ากลุ่มแฟชั่นสามารถซื้อได้ตลอดเวลาแม้ไม่มีความต้องการ อีกทั้งลูกค้าลาซาด้ากลุ่มผู้ผญิงอายุต่ำว่า 24 ปียังเป็นกลุ่มใหญ่อีกด้วย

ต่อมาเป็นรายการ The Adventure+ คู่ซ่าท้าลุย: รายการที่จะนำเสนอกิจกรรมสุดตื่นเต้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกม ชอบทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่กำลังเติบโต มีกำลังซื้อสูง

สุดท้าย The Chef+ สูตรดังพลังเชฟ: รายการสอนทำอาหาร ซึ่งแม้ว่าคนจะออกนอกบ้านได้มากขึ้น แต่ไลฟ์สไตล์การทำอาหารยังคงอยู่ ลาซาด้าจึงเห็นความต้องการตรงนี้

“ตอนนี้อีคอมเมิร์ซแข่งกันเยอะ ทำยังไงให้ใช้เวลากับเราเยอะที่สุด อย่างไลฟ์สตรีมหรือเกมเป็นอีกกลยุทธ์ ดังนั้น เราจึงมุ่งไปทางช้อปเปอเทนเมนต์ เราไม่ได้มองการเข้าแพลตฟอร์มเป็นการช้อปปิ้งอย่างเดียว”

]]>
1392242
ย้อนรอยแคมเปญ ‘11.11’ วันสำคัญแห่งปีของนักช้อปออนไลน์ พร้อมเจาะลึก ‘ลาซาด้า’ ที่ยังคงสถานะหมุดหมาย ‘เบอร์ 1’ https://positioningmag.com/1304602 Thu, 05 Nov 2020 11:00:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304602

แม้ตอนนี้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าแคมเปญ ‘11.11’ เป็นแคมเปญที่เป็นภาพจำของผู้บริโภคไปแล้ว เพราะเป็นวันสำคัญที่ทุกแพลตฟอร์มและทุกแบรนด์จะต้องจัดแคมเปญเพื่อแย่งชิงลูกค้าในวันนี้ ส่งผลให้เป็นวันที่นักช้อปส่วนใหญ่ต่างอดใจรอคอยเพื่อจะได้ช้อปของถูก แน่นอนว่าด้วยการแข่งขันนี้ การจะดึงดูดใจแค่โปรโมชั่นคงไม่พอ แต่จำเป็นต้องมีอะไรที่ ‘มากกว่า’ เพื่อตรึงลูกค้าให้อยู่กับแพลตฟอร์ม

‘ลาซาด้า’ ผู้จุดแคมเปญ 11.11 สู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ถ้าจะย้อนรอยไปถึงต้นกำเนิดของวัน Double Day ต้องย้อนไปถึงปี 2009 ที่ ‘อาลีบาบา’ (Alibaba) เป็นผู้ริเริ่มจัด แคมเปญ ‘วันคนโสด’ (Single’s Day Campaign) ในวันที่ 11.11 เพื่อให้เหล่าคนโสดซื้อของเปย์ตัวเองเสียเลย ซึ่งเคยทำยอดสูงสุดถึง 17.8 พันล้านดอลล่าสหรัฐฯ หรือกว่า 540,000 ล้านบาท ขนาดมันรวมเทศกาลดัง ๆ จากฝั่งตะวันตกอย่าง Black Friday , Cyber Monday และ Amazon Prime Day ถึง 2.5 เท่า

สำหรับแคมเปญ 11.11 ในไทยนั้นได้ ‘ลาซาด้า’ เป็นผู้ที่นำเอาแคมเปญดังกล่าวมาสู่ประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยแต่ในแต่ละปีที่จัดต่างได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างถล่มทลาย

  • โดยในปี 2017 มีผู้เข้าชมแพลตฟอร์มลาซาด้ามากกว่า 10 ล้านครั้ง และมีคำสั่งซื้อมากขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบกับวันปกติ
  • ปี 2018 มียอดคำสั่งซื้อกว่า 4 แสนครั้งภายในเวลา 1 ชั่วโมงแรก และเมื่อเทียบกับปี 2017 ยอดสั่งซื้อเติบโตกว่า 287%
  • ปี 2019 นั้น ยอดคำสั่งซื้อเติบโตจากปี 2018 ถึง 2 เท่า แค่ชั่วโมงแรกก็มีคำสั่งซื้อ 3 ล้านออเดอร์ทั่วทั้งภูมิภาคเลยทีเดียว

จาก Single Day สู่ Double Day

จากความปังดังกล่าว แคมเปญ 11.11 ก็ได้กลายเป็นมหกรรมช้อปปิ้งที่อีคอมเมิร์ซทุกแพลตฟอร์ม ค่ายค้าปลีก และแบรนด์ต้องเข้ามาชิงยอดขายในวันนี้ แต่ไม่ได้จบอยู่แค่วันที่ 11.11 อีกต่อไป แต่ลาซาด้าได้ต่อยอดมาเป็น Double Day ไม่ว่าจะเป็น 9.9 Big Brands Sale ที่จัดโปรใน LazMall ที่รวบรวมสินค้าของแท้ 100% เรียกได้ว่าเกือบทุกเดือนตลอด 1 ปี จะต้องมีแคมเปญโดน ๆ ในเพื่อกระตุ้นตลาด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแคมเปญแทบทุกเดือน แต่ 11.11 ถือเป็นแคมเปญ ‘ใหญ่สุด’ และ ‘ดีลดีที่สุด’ ของลาซาด้า

ช้อปสนุกยิ่งขึ้นด้วย ‘Live-Streaming’

จากวิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมา การขายสินค้าผ่าน Live-Streaming กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก จนเกิดเป็นเทรนด์ ‘ไลฟ์คอมเมิร์ซ’ ซึ่งปัจจุบัน ไลฟ์คอมเมิร์ซไทยมีมาร์เก็ตไซส์ประมาณ 5-10% ของมูลค่าอีคอมเมิร์ซทั้งหมด หรือประมาณ 10,000 ล้านบาทเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เทรนด์ไลฟ์คอมเมิร์ซไม่ใช่เรื่องใหม่แต่มีมานานแล้ว โดยลาซาด้าถือเป็นผู้เล่นรายแรก ๆ ของไทยที่เพิ่มฟีเจอร์ ‘ไลฟ์สตรีมมิ่ง’ หรือ ‘LazLive’ เข้ามาในแพลตฟอร์มผ่านกลยุทธ์ ‘Shoppertainment’ ที่เปลี่ยนให้การช้อปปิ้งไม่ใช่แค่การ ‘ซื้อ’ แต่ต้อง ‘สนุก’ ด้วย

หลังจากเปิดตัวมาได้ครบ 1 ปี LazLive ได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าและร้านค้า โดยปัจจุบันมีจำนวนยอดการรับชมรวมกว่า 30 ล้านครั้งในประเทศไทย โดยมีจำนวนการรีวิวสินค้ารวมกว่า 50,000 ชิ้นบนแพลทฟอร์ม ซึ่งจัดว่าเป็นคอนเทนต์การตลาดที่ช่วยโปรโมทให้กับร้านค้าได้อย่างดีทีเดียว และในปี 2020 นี้ ลาซาด้าจับมือกับ Elle Magazine ผสานการไลฟ์สตรีมมิ่งกับการจัดแสดงแฟชั่นโชว์แบบ ‘Virtual Runway’ เพื่อเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับตลาดไปอีกขั้น

ขายของ ‘ออนไลน์’ แต่ไม่ทิ้ง ‘ออฟไลน์’

แม้จะเป็นแพลตฟอร์ม ‘ออนไลน์’ แต่ลาซาด้ามองว่าไม่ได้มาเพื่อดิสรัป ‘ออฟไลน์’ แต่สามารถเติบโตไปด้วยกันได้ ลาซาด้าจึงใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline) โดยช่วงก่อน COVID-19 ที่ผ่านมาได้เปิดตลาดนัด LOL ที่ห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ เอ็มควอเทียร์ โดยให้ร้านค้าออนไลน์ในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น อินสตาแกรม มาเปิดร้านกับลาซาด้า และเปิดร้านขายสินค้าในตลาดนัดเพื่อให้ผู้บริโภคได้เห็นสินค้าจริงก่อนที่จะสั่งซื้อบนลาซาด้า ซึ่งกิจกรรมนี้จะจัดทุก ๆ ไตรมาส มีร้านค้าเข้าร่วมประมาณ 100-300 ร้านค้า

แต่ในปีนี้ ลาซาด้าได้ปรับกลยุทธ์ O2O ใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดแบบไม่ไร้รอยต่อ หรือ seamless experience โดยลาซาด้าได้เปิดป๊อปอัพสโตร์ ‘Lazada On Ground’ แห่งแรกในประเทศไทย ณ สยามเซ็นเตอร์ โดยสโตร์ดังกล่าวจะโชว์สินค้ากว่า 40 แบรนด์ พร้อมกับสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ นอกจากนี้ยังมีสตูดิโอไลฟ์ขายสินค้าโชว์กันสด ๆ เพื่อขยายโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ถึงมกราต้นปีหน้ากันเลยทีเดียว

เรียกได้ว่า ลาซาด้าไม่ใช่แค่บุกเบิกเอาแคมเปญ 11.11 มาสู่ประเทศไทยและภูมิภาค แต่ยังนำเทรนด์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์ขายของ หรือการผสานโลกออฟไลน์และออนไลน์ อย่างไรก็ตาม นี่ก็ใกล้ถึงวันที่ 11.11 แล้ว เหล่านักช้อปทั้งหลายอย่าลืมวอร์มนิ้วให้พร้อมกับแคมเปญ Lazada 11.11 Biggest One-Day Sale ถูกสุดในรอบปี วันนี้วันเดียว เพื่อช้อปของดีในราคาลดกระหน่ำ พร้อมสิ่งพิเศษมากมายจากลาซาด้า ไม่ว่าจะเป็น

  • การแจกคูปอง 1,111 บาทแจกทุก 11 โมง ตั้งแต่วันที่ 1-11 พ.ย. 2563 เท่านั้น
  • คูปองจัดส่งฟรีทั่วไทย*
  • 5% cashback** สำหรับสินค้าLazMall ทุกชิ้น
  • Flash Sale เริ่มต้น 11 บาท
  • Crazy Brand Mega Offers เวลาเที่ยงคืน – ตี 2

และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.lazada.co.th/11-11/

]]>
1304602