ภาพยนตร์อย่าง ‘TENET’ และ ‘มู่หลาน’ ถูกสร้างเพื่อเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมระดับโลก ค่ายมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านในการผลิต อย่าง ‘มู่หลาน’ ของดิสนีย์ใช้ทุนสร้างถึง 200 ล้านดอลลาร์ในการผลิตเพียงอย่างเดียว และจากนั้นสตูดิโอก็ลงทุนทั้งเงินและเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาและจีนซึ่งเป็นตลาดภาพยนตร์อันดับ 2 ของโลก แต่ ‘Trolls World Tour’ ไม่ได้ถูกคาดหวังไว้เช่นนั้น และดีไม่ดี การฉายโรงอาจจะประสบกับความล้มเหลวมากกว่า
ดังนั้น มันเป็นอะไรที่มากกว่าแค่ทุนสร้าง เพราะมันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมที่มาพร้อมกัน หากภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องไม่ได้การฉายบนภาพยนตร์ ไม่ใช่แค่กำไรที่จะลดลง แต่ยังสูญเสียศักยภาพของการฉายภาพยนตร์ และมั่นอาจสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราไปดูหนังได้ตลอดกาล ดังนั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หนังเลื่อนออกไปซ้ำแล้วซ้ำอีก
Paul Dergarabedian นักวิเคราะห์สื่ออาวุโสของ Comscore กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องหนึ่งถ้าภาพยนตร์ขนาดเล็กหรืออิสระเข้าสู่ระบบดิจิทัล แต่ภาพยนตร์เรื่องบัสเตอร์แตกต่างไป ถ้าพวกเขาข้ามโรงภาพยนตร์มันจะสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมที่มีมานานหลายทศวรรษ”
สตูดิโอต้องรักษาความสัมพันธ์กับเจ้าของโรงภาพยนตร์ ซึ่งสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ดังนั้นจึงอาจไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่สตูดิโอจะตัดความสำพันธ์กับโรงภาพยนตร์ทิ้ง เมื่อมีทางเลือกอย่างสตรีมมิ่ง อย่างไรก็ตาม หากโรงภาพยนตร์ต้องปิดยาวถึงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว อาจเป็นไปได้ที่สตูดิโอจะตัดสินใจที่จะปล่อยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ฉายบนสตรีมมิ่ง
ดังนั้น นี่คือเหตุผลที่สตูดิโอและสตรีมมิ่ง เช่น Netflix ต้องรักษาเวลากว่าที่จะนำภาพยนตร์ที่เข้าฉายในโรง ออกมานำเสนอบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ หาก ‘TENET’ ได้ฉายลงบนสตรีมมิ่ง แน่นอนว่าจะต้องได้รับการตอบรับอย่างดี ด้วยชื่อผู้กำกับ ‘คริสโตเฟอร์ โนแลน’ อย่างไรก็ตาม โนเเลนอยากให้ฉายภาพยนตร์เขาบนโรงภาพยนตร์ก่อน เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของผู้ชม
]]>