Temu – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 28 Apr 2025 09:41:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไม่ถูกเหมือนเดิม Shein-Temu ทยอยขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐฯ รับมือการเรียกเก็บภาษีใหม่ https://positioningmag.com/1519752 Mon, 28 Apr 2025 07:11:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1519752 Shein และ Temu สองแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากจีน ได้ทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐฯ เนื่องจากกำลังเผชิญกับอัตราภาษี 120% สำหรับสินค้าหลายรายการ เนื่องมาจากสหรัฐฯ จะยกเลิกข้อยกเว้น de minimis ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 นี้

 

โดย Shein มีการปรับขึ้นราคาสินค้าในกลุ่มสินค้าขายดีจำนวน 100 รายการ เช่น กลุ่มความงามและสุขภาพเพิ่มขึ้น 51% สินค้าหมวดบ้านและเครื่องครัว รวมถึงของเล่น ปรับขึ้นราคาเพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยเฉพาะชุดผ้าเช็ดมือในครัว 10 ชิ้นเพิ่มขึ้นถึง 377% แปรงทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น 219% ส่วนเสื้อผ้าสตรีปรับขึ้นเฉลี่ย 8%

 

สำหรับ de minimis เป็นการอนุญาตให้สินค้าขนาดเล็กที่ส่งมาจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สามารถเข้าประเทศได้โดย ‘ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า’ หรือ ‘ค่าธรรมเนียมศุลลากร’ ซึ่งสหรัฐฯ จะยกเลิกในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 นี้ พร้อมกับเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 100 ดอลลาร์ ต่อหนึ่งรายการที่ส่งพัสดุ และจะเพิ่มเป็น 200 ดอลลาร์ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568

 

การยกเลิกข้อยกเว้นดังกล่าว ทำให้ Shein และ Temu ได้เริ่มมีการปรับราคาตั้งแต่ 25 เมษายนที่ผ่านมา และทั้งสองบริษัทระบุผ่านทางช่องทางออนไลน์ของตัวเองว่า สาเหตุของการปรับขึ้นราคาครั้งนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงล่าสุดในกฎการค้าและภาษีโลก ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้น และเพื่อให้สามารถขายสินค้าได้โดยไม่ลดคุณภาพ จึงจำเป็นต้องมีการปรับราคา

 

ที่มา

 

https://edition.cnn.com/2025/04/25/business/shein-temu-price-increase/index.html

https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-04-27/foreign-investors-face-bigger-s-p-500-nasdaq-losses-as-dollar-slides

]]>
1519752
จับกระแส ‘ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย’ ปี 2025 มีอะไรเปลี่ยนแปลงและน่าสนใจแค่ไหน? https://positioningmag.com/1507743 Thu, 23 Jan 2025 06:27:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507743 ช่วงที่ผ่านมาตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตและความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยปีที่ผ่านมามีมูลค่า 1 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่อินโดนีเซีย ส่วนในปีนี้ตลาดอีคอมเมิร์ซในบ้านเราก็ยังเป็นสนามแข่งขันที่ดุเดือด ซึ่งทาง Priceza ได้สรุปทั้งมูลค่าและประเมินเทรนด์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ไว้อย่างน่าสนใจ

มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย

ปี 2024 มูลค่า 1 ล้านล้านบาท เติบโต 9%

ปี 2025 มูลค่า 1.07 ล้านล้านบาท เติบโต 7%

ปี 2030 มูลค่า 2 ล้านล้านบาท

สำหรับช่องทางออนไลน์ที่คนไทยซื้อสินค้าออนไลน์

• 50% ซื้อผ่าน Marketplace เช่น shopee, Lazada, Konvy ฯลฯ

• 20% ซื้อผ่าน Video Commerce เช่น TikTok, Facebook, IG, YouTube ซึ่งช่องทางนี้เป็นช่องทางใหม่และกำลังมาแรง

• 18% ซื้อผ่าน Social Commerce เช่น Facebook, Line, IG, X  ฯลฯ

• 8% ซื้อผ่าน Quick Commerce & Grocery เช่น Grab, Lineman, 7-Eleven delivery, Big c ฯลฯ

• 4% E-Tailers และ Brand.com เช่น Powerbuy Boots Banana ฯลฯ

5 เทรนด์อีคอมเมิร์ซ ปี 2025

เทรนด์ที่ 1 The Rise of Affiliate Commerce : อีคอมเมิร์ซพันธุ์ใหม่จะขับเคลื่อนการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในปี 2025 โดยแบรนด์ต่างๆ ได้นำกลยุทธ์ Affiliate Commerce ไปใช้กับการขายสินค้าด้วยการหลอมรวมในทุกช่องทางอีคอมเมิร์ซ โดยธุรกิจควรจับมือร่วมกับ Content creator เพื่อผลลัพธ์ทางการตลาดและยอดขายที่ดีมากขึ้น เพราะจากผลสำรวจพบว่า 83% ของคนไทย เลือกซื้อสินค้าตาม Influencer แนะนำ

สำหรับสิ่งที่จะขับเคลื่อน Affiliate Commerce เติบโต ได้แก่ 3C ประกอบด้วย Creators (ผู้สร้างสรรค์), Content (คอนเทนต์ เนื้อหาของสื่อ) และ Commerce (การค้าขาย) หมายความว่า ผู้บริโภคชอบคอนเทนต์ที่ดี และจากคอนเทนต์ที่ดี จะนำไปสู่การสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ และสามารถวัดผลได้

เทรนด์ที่ 2 Competition in Thailand E-Commerce is Heating Up : ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเปิดทางให้เกิดการแข่งขันแบบเสรีขั้นสุดจากผู้ขายทั่วโลก

ปี 2025 จะเป็นปีแห่งการแข่งขันที่หนักหน่วงของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากผู้ค้าออนไลน์ หลีกเลี่ยงการแข่งขันไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งทาง Priceza ประเมินว่า ใน 3 แพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Shopee, Lazada, TikTok มีผู้ขายรวมกันมากถึง 3 ล้านราย มีสินค้ากว่า 300 ล้านรายการ

สำหรับเหตุผลที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อผ่านแพลตฟอร์มใด ขึ้นอยู่กับ

54% คูปองและส่วนลด

51.8% การจัดส่งฟรี

40.4% บริการเก็บเงินปลายทาง

30.7% คืนสินค้าง่าย

27.4% รีวิวจากลูกค้า

จากภาพดังกล่าว ทำให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ จึงพยายามทำให้เกิดการแย่งกันสร้างสินค้าและตั้งราคาถูกมาก ด้วยการดึงผู้ขายทั้งรายย่อย รายใหญ่ แบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงโรงงานจีนและผู้ขายจากต่างประเทศให้เข้ามาเปิดช้อปบนแพลตฟอร์มของตัวเอง เพราะเมื่อมีผู้ขายเยอะ ยิ่งมีการแข่งขันและตั้งราคาให้ถูกลง ซึ่งจะดึงดูดให้ผู้บริโภคมาซื้อสินค้าบนออนไลน์มากขึ้น

วิธีนี้ แม้ผู้บริโภคจะได้ผลประโยชน์จากสินค้าราคาถูกลง ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเล็ก ๆ ในประเทศ เพราะสินค้าราคาถูกจากจีนจะไหลเข้ามามากขึ้น โดยตอนนี้สินค้าจีนราคาไม่เกิน 1,500 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีศุลากร ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องมีการปรับตัว

เทรนด์ที่ 3 E-commerce Listening : ช่วยเปิดทางทำธุรกิจออนไลน์แบบ ‘รู้เขา รู้เรา’ เสริมแกร่งธุรกิจไทยแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซที่การแข่งขันสูง

จากการแข่งขันอย่างดุเดือดในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทำให้ปัจจุบันหลายแบรนด์ได้นำ E-commerce Listening เข้ามาใช้ เป้าหมายไม่ใช่แค่ทำความรู้จักและเข้าใจ ‘ลูกค้า’ เท่านั้น แต่ยังเป็นการเข้าใจ ‘คู่แข่ง’ ให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับ E-commerce Listening ที่หลายแบรนด์นำมาใช้ จะประกอบด้วย 3C ได้แก่ Consumer (ลูกค้า) , Company (บริษัทของเรา) และ Compactors (คู่แข่ง) โดยต้องเจาะข้อมูลเชิงลึกในการจะเข้าใจว่าลูกค้าซื้ออะไรจากคู่แข่ง วิธีการขายหรือจำนวนชิ้นที่คู่แข่งขายได้ เพื่อให้รู้จักคู่แข่งได้ดีเท่ากับรู้จักลูกค้า สำหรับนำมาวางกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากที่สุด

เทรนด์ที่ 4 E-Commerce Business Model Evolution : จากตลาดอีคอมเมิร์ซที่แข่งขันดุเดือด ทำให้ผู้เล่นต้องปรับเปลี่ยนให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ โดยธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของไทยได้ปรับโมเดลสู่การเน้นขายผ่านบ้านหลักของตัวเองมากขึ้นในปี 2025 ได้แก่

Consignment Model หรือระบบการฝากขาย ที่เน้นสินค้าราคาถูก และแพลตฟอร์มจะเป็นผู้ทำตลาดให้เอง ซึ่งในปีนี้จะเห็นหลายแพลตฟอร์มขยับมาสู่โมเดลนี้กันมากขึ้น

Vertical Marketplace แพลตฟอร์มที่ขายสินค้าเฉพาะเจาะจง เช่น Home Pro , Konvy, NocNoc เป็นต้น จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า เป็นมาร์เก็ตเพลสที่สามารถตอบโจทย์สินค้าเฉพาะกลุ่มได้มากกว่า

Refocus on Own Retail Channel ปีนี้แพลตฟอร์มอย่าง Shopee Lazada จะมีการขยับราคาค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ข้อมูลลูกค้าที่ขายผ่านทางมาร์เก็ตเพลส จะอยู่กับแพลตฟอร์ม ทำให้ให้บรรดาแบรนด์ และรีเทลต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับช่องทางขายของตัวเองมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรือแอปฯ

เทรนด์ที่ 5 Fast Delivery Like a Devil : ปีแห่งการส่งของไวเป็นปีศาจ ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่อดทนรอสินค้าได้นาน หากผู้ขายรายใหม่สามารถส่งสินค้าภายในวันที่สั่งของได้ ผู้บริโภคก็พร้อมย้ายเจ้า และการส่งด่วนจากแพลตฟอร์มหรือร้านค้าต่าง ๆ นี่เองมีส่วนส่งเสริมให้ตลาด Quick Commerce เติบโตต่อเนื่องราว ๆ 20-30%  ต่อปี

 

]]>
1507743
TEMU จดทะเบียนตั้งนิติบุคคลในไทยแล้ว พาณิชย์ เร่งถกทูตจีน แก้ปมสินค้านำเข้า https://positioningmag.com/1502551 Mon, 09 Dec 2024 14:22:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1502551 วานนี้ (8 ธ.ค.67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือกับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

ล่าสุด ตนได้รับรายงานว่า เมื่อ 11 พ.ย. 67​ ที่ผ่านมา ทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ “TEMU” ได้ดําเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยใช้ชื่อ “บริษัท เวลโค เทคโนโลยี จํากัด”

ทั้งนี้ ทางจีนก็ยินดีที่จะส่งเสริมการส่งออกสินค้า SME ไทยให้เข้าไปจำหน่ายในจีนทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรูปแบบใหม่

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ท่านนายกรัฐมนตรีห่วงใยปัญหาต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ได้แต่งตั้งให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (9 ธ.ค. 67) ตนได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ กับ 16 หน่วยงาน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งออกมาตรการที่จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ

]]>
1502551
‘เวียดนาม’ เอาจริง! สั่งระงับการให้บริการ Shein และ Temu หลังผิดนัดจดทะเบียนธุรกิจ https://positioningmag.com/1502234 Fri, 06 Dec 2024 06:42:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1502234 Shein และ Temu แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีน ถูกสั่งระงับการดำเนินงานในเวียดนาม เนื่องจากไม่จดทะเบียนธุรกิจภายในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามมาตรการเข้มงวดกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างประเทศของเวียดนาม

 

ก่อนหน้านี้ Temu ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ PDD Holdings ได้เริ่มให้บริการในเวียดนามเมื่อเดือนตุลาคม และถูกกำหนดให้ต้องจดทะเบียนกับรัฐบาลให้แล้วเสร็จภายในกำหนด มิฉะนั้นแล้วโดเมนอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชันจะถูกบล็อก

 

ล่าสุด Reuters รายงานว่า เวียดนามได้สั่งระงับการดำเนินงานของTemu เป็นที่เรียบร้อย เนื่องจาก Temu ยังไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการจดทะเบียนให้แล้วเสร็จภายในกำหนด และภาษาเวียดยามได้ถูกถอดจากจากแอปฯ Temu

 

อย่างไรก็ตาม รายงานไม่ได้ระบุว่า การระงับการดำเนินงานจะกินระยะเวลานานแค่ไหน และไม่ได้แจ้งว่า Temu ต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อยกเลิกคำสั่งดังกล่าว

 

เช่นเดียวกับ Shein ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน โดย Shein ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นจะปฏิบัติตามกฎหมายของทุกประเทศที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ พร้อมระบุว่า เว็บไซต์ Shein ในเวียดนามจะไม่สามารถเข้าถึงได้ชั่วคราว แต่ลูกค้าในเวียดยามยังสามารถใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มระหว่างประเทศได้

 

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐสภาเวียดนามได้อนุมัติการแก้ไขกฎหมายภาษี เพื่อบังคับให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างประเทศที่จะเข้ามาดำเนินการในเวียดนามต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และเรียกร้องให้ยกเลิกการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าราคาถูกที่นำเข้า

 

อ้างอิง : https://www.reuters.com/business/retail-consumer/temu-told-suspend-vietnam-operations-state-media-reports-2024-12-05/

]]>
1502234
“เกาหลีใต้” ตรวจพบสารพิษระดับสูงในเสื้อผ้าเด็กที่ขายบน Temu, Shein และ AliExpress   https://positioningmag.com/1500719 Mon, 25 Nov 2024 11:35:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500719 รัฐบาลกรุงโซล เกาหลีใต้ ระบุว่า ทางการฯ มีการตรวจพบสารพิษในเสื้อผ้าฤดูหนาวสำหรับเด็กที่ขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน อย่าง Temu, Shein และ AliExpress สูงถึง 622 เท่าของระดับที่ทางการเกาหลีใต้กำหนดไว้

ในการตรวจสอบความปลอดภัยล่าสุดจากสินค้าสําหรับเด็ก และทารกจำนวน 26 รายการ ที่จำหน่ายผ่าน 3 แพลตฟอร์มนี้ มีการพบสารเคมีที่เป็นพิษในผลิตภัณฑ์ถึง 7 รายการ อาทิ แจ็คเก็ตที่ขายบน Temu มีพลาสติกไซเซอร์พาทาเลต (สารเคมี phthalate plasticisers ที่ใช้กันมากในผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภท PVC ใช้เป็นสารที่ทำให้เกิดความความอ่อนตัวในเนื้อพลาสติก) ซึ่งเป็นสารพิษที่ส่งผลต่อการทํางานของต่อมไร้ท่อ และสุขภาพการเจริญพันธุ์ของเด็ก โดยมีการตรวจพบค่าความเป็นพิษในระดับที่สูงกว่าขีดจํากัดทางกฎหมายในเกาหลีใต้เกือบ 622 เท่า

อุปกรณ์ตกแต่งเสื้อแจ็คเก็ตอย่างห่วงโซ่หรือสายคล้อง ที่ทางการเกาหลีใต้อนุญาตให้มีความยาวได้เพียง 7.5 ซม. แต่กลับตรวจพบว่าบางแบรนด์มีที่มีความยาวกว่า 11.2 ซม. ซึ่งถือว่าเกินจากเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้กังวลในด้านความปลอดภัยของเด็กเช่นกัน

อีกทั้งจั๊มสูทที่ขายใน Temu มีการตรวจพบพลาสติกไซเซอร์พาทาเลต ที่ระดับ 294 เท่าของขีดจํากัดทางกฎหมาย อีกทั้งตรวจพบระดับ pH ของเสื้อผ้าอยู่ที่ 7.8 ซึ่งเกินเกณฑ์ระดับ pH ที่อนุญาตคือ 4.0 ถึง 7.5 รวมถึงรองเท้าเด็กคู่หนึ่งที่ขายบน AliExpress มีการตรวจพบระดับสารตะกั่วกว่า 5 เท่าของระดับที่อนุญาต

นอกจากนั้นชุดบอดี้สูทสําหรับทารกที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม AliExpress ยังตรวจพบว่ามีพลาสติกไซเซอร์พทาเลตเกินเกณฑ์อนุญาตกว่า 3.5 เท่า รวมถึงชุดเสื้อผ้าใส่สบายของเด็กที่มีราคาถูก ก็ตรวจพบสารตะกั่วกว่า 19.12 เท่าของเกณฑ์ที่กำหนดเช่นกัน

ทั้งนี้รัฐบาลเกาหลีใต้กล่าวว่า รัฐบาล มีแผนจะสุ่มทดสอบความปลอดภัยของสินค้าที่จำหน่ายบนแพลตฟอร์มต่างประเทศ ซึ่งเป็นอีกช่องทางที่มีผู้ใช้จํานวนมากในเกาหลีใต้ โดยจะเน้นที่ผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการสูงตามฤดูกาล และในเดือนธันวาคม รัฐบาลฯ วางแผนจะตรวจสอบของตกแต่งคริสต์มาสและของเล่นเด็กเป็นลำดับถัดไป 

ที่มา : The Straits Times

 

]]>
1500719
“เวียดนาม” เตรียมบล็อก “Temu” และ “Shein” หากไม่จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ ภายในเดือนพ.ย. นี้ https://positioningmag.com/1498425 Mon, 11 Nov 2024 11:38:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498425 รัฐบาลเวียดนาม ประกาศเตรียมบล็อกโดเมนและแอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซของจีนอย่าง “Temu” และ “Shein” หากบริษัทอีคอมเมิร์ซดังกล่าว ไม่มีการจดทะเบียนการดําเนินงานอย่างถูกต้องกับกระทรวงการค้าของเวียดนาม ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

ประกาศดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลของผู้ค้าท้องถิ่น เกี่ยวกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน ที่สร้างผลกระทบทางการค้าโดยการลดราคาอย่างหนักทำให้ขาดดุลทางการค้า รวมถึงคุณภาพของสินค้าที่วางขายบนแพลตฟอร์มที่อาจมีคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน

ซึ่ง Shein ผู้ค้าปลีกฟาสต์แฟชั่นได้ขายสินค้าให้ผู้ใช้ในเวียดนามมาระยะหนึ่งแล้ว รวมถึง Temu อีคอมเมิร์ซของจีน ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PDD Holdings ก็ได้มีการเริ่มอนุญาตให้ผู้ใช้ในเวียดนามซื้อสินค้าเมื่อเดือนที่แล้วเช่นกัน

โดย Nguyen Hoang Long รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าเวียดนาม กล่าวว่า ทางกระทรวงฯ ได้มีการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีนทั้ง Temu และ Shein ในเรื่องการขอใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งหลังจากที่ได้แจ้งเตือนว่า หากแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ปฏิบัติตามกฎและขั้นตอนในการดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม ทางกระทรวงฯ จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการใช้มาตรการทางเทคนิค เช่น การบล็อกแอปพลิเคชันและโดเมนของแพลตฟอร์มไม่ให้ดำเนินการได้ในเวียดนาม 

ที่มา : Reuters

]]>
1498425
มีแค่ลิฟต์ที่เอาเขาลง! ‘Temu’ กวาดยอดดาวน์โหลดรวมกว่า 735 ล้านครั้ง เฉพาะแค่เดือนส.ค.ทำยอดมากกว่า ‘Amazon’ 3 เท่า https://positioningmag.com/1490619 Tue, 17 Sep 2024 12:30:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1490619 ตอนนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Temu แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนที่ซุ่มเข้าไทยแบบเงียบ ๆ แม้ว่าปัจจุบันอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมในไทยนัก เพราะด้วยชื่อเสีย (ง) ทั้งจากการถูกฟ้องร้อง และสำหรับประเทศไทยที่ยังไม่มีบริษัทในไทยอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า Temu เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มาแรงจริง ด้วยจุดขายในด้าน สินค้าราคาถูก เพราะเป็นการซื้อจากโรงงานผู้ผลิตโดยตรงโดยไม่ผ่านคนกลาง แถมยังจัดส่งไวภายใน 5 วัน ยังไม่รวมถึงการอัดแคมเปญการตลาดและโฆษณาอย่างหนัก

ทำให้นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2022 แอปพลิเคชัน Temu สามารถทำยอดดาวน์โหลดทะลุ 735 ล้านครั้ง ไปแล้ว ตามข้อมูลจาก Storklytics.com เรียกได้ว่าใช้เวลาเพียงประมาณ 2 ปี ก็สามารถแซงหน้า Amazon, eBay และ Shein เพื่อร่วมชาติอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ จากข้อมูลของ Statista และ AppMagic แสดงให้เห็นว่า หากนับเฉพาะในปี 2023 แพลตฟอร์ม Temu มียอดดาวน์โหลดทั้งหมดกว่า 337 ล้านครั้ง มากกว่า Amazon ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซสัญชาติสหรัฐฯ เกือบ 80% 

สำหรับในปี 2024 นี้ Temu ก็ยังสามารถสร้างการเติบโตได้อีก และขึ้นเป็นแอปที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม สามารถกวาดยอดดาวน์โหลดกว่า 50 ล้านครั้งต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน ซึ่งถือว่าโตขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา และถือว่า มากกว่าคู่แข่งอย่าง Amazon ถึง 3 เท่า นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี Temu ยังมียอดเข้าชมรวมกว่า 500 ล้านครั้ง

เมื่อแยกเป็นประเทศต่าง ๆ พบว่า ยอดดาวน์โหลดเกือบ 1 ใน 3 ของการดาวน์โหลดทั้งหมดมาจาก สหรัฐอเมริกา (27%) หรือกว่า 200 ล้านครั้ง แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันใช้ Temu มากกว่าชาวยุโรปถึง 5 เท่า เพราะประเทศอย่างสหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และสเปนคิดสัดส่วนเพียงประเทศละ 5% ของการดาวน์โหลดทั้งหมด ส่วนตลาดที่ใหญ่เป็น อันดับสอง ของ Temu คือ เม็กซิโก สร้างยอดดาวน์โหลดทั้งหมดเพียง 10% หรือน้อยกว่าสหรัฐอเมริกาถึงสามเท่า

ปัจจุบัน Temu เปิดบริการแล้วใน 49 ประเทศทั่วโลก มียอดขายกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรก สำหรับไทยถือเป็นประเทศที่ 3 ของอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ที่ Temu เข้ามาทำตลาด

Source

]]>
1490619
Shein-Temu โดนสั่งตรวจสอบขายสินค้าอันตรายต่อชีวิตเด็ก หลังฟ้องกันเองเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ https://positioningmag.com/1488820 Thu, 05 Sep 2024 04:30:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1488820 หลังจากมีข่าวการฟ้องร้องเรื่องการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และการขโมยความลับทางการค้าระหว่าง ‘Shein’ ผู้ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นออนไลน์และไลฟ์สไตล์จากจีน และ ‘Temu’ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซน้องใหม่จากจีน จนกลายเป็นที่ฮือฮากันทั่วโลก

ซึ่งคดีความระหว่างทั้งคู่ ได้ถูกยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางในวอชิงตัน ดี.ซี. ไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยที่ Shein เองก็ยังมีคดีความที่คลัายกันจากแบรนด์อื่นด้วย อย่าง Levi Strauss และ H&M ที่ยังเป็นประเด็นการพิจารณาของศาลอยู่

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะกรรมการความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคสหรัฐอเมริกา (U.S. CPSC) ได้เรียกร้องให้หน่วยงานมีการตรวจสอบทั้ง Shein และ Temu หลังจากตรวจพบว่า ทั้ง 2 บริษัทมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กทารก และวัยหัดเดินที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต บนเว็บไซต์ ของทั้ง 2 บริษัท

นาย ปีเตอร์ เฟลดแมน และ นายดักลาส ดิแอค กรรมาธิการ CPSC เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายหรือไม่ เพราะปัจจุบันสินค้าบางรายการได้ถูกห้ามจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาแต่ยังมีการวางจำหน่ายใน Temu และ Shein

เช่น คอกกั้นเตียงเด็ก โดยในประกาศเรียกคืนสินค้าฉบับหนึ่งระบุด้วยว่า ในปี 2022 และ 2023 มีการจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ในสหรัฐอเมริกาผ่านแพลตฟอร์ม Temu ประมาณ 125 รายการ ซึ่งสินค้าดังกล่าวถือเป็นสินค้าที่มีความเสี่ยงต่อการทำให้ทารกหายใจไม่ออก รวมถึงมีการจำหน่ายเสื้อฮู้ดแบบมีเชือกผูกสำหรับเด็ก ในสหรัฐฯ บนแพลตฟอร์มของ Shein ซึ่งเป็นสินค้าที่ถูกห้ามจำหน่ายเนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายจากการรัดคอได้

Source : Reuters

]]>
1488820
เล่นกันเองแล้ว! ‘Shein’ แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นจีนฟ้อง ‘Temu’ ฐาน ‘ละเมิดลิขสิทธิ์’ https://positioningmag.com/1487034 Wed, 21 Aug 2024 04:19:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1487034 กลายเป็นประเด็นอีกครั้งสำหรับ Temu อีคอมเมิร์ซชื่อดังของจีนที่เพิ่งเข้าไทยหมาด ๆ เนื่องจากถูกบริษัทฟาสต์แฟชั่นร่วมชาติอย่าง Shein ออกมาฟ้องร้องข้อหา ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นประเด็นที่ Temu ถูกโจมตีมาโดยตลอด

Shein บริษัทฟาสต์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ของจีน ได้ยื่นฟ้อง Temu ที่ศาลรัฐบาลกลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยกล่าวหาว่า Temu ได้ ขโมยการออกแบบ และสร้างแพลตฟอร์มขึ้นจาก การปลอมแปลง ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และช่อโกง โดยแพลตฟอร์ม Temu สนับสนุนและส่งเสริมให้ ผู้ขายขโมยการออกแบบของแบรนด์อื่น อีกทั้งยังป้องกัน ไม่ให้ผู้ขายลบสินค้าออกจากแพลตฟอร์ม แม้ว่าร้านค้าเหล่านั้นจะยอมรับว่า ละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ตาม

“Temu ดึงดูดผู้บริโภคในสหรัฐฯ ให้ดาวน์โหลดและใช้งานแอปพลิเคชันมือถือโดยให้ออฟเฟอร์สินค้าในราคาที่ต่ำมาก แต่ Temu ไม่ได้รับผลกำไรจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เพราะ Temu ให้เงินอุดหนุนการขายแต่ละครั้ง ทำให้บริษัทขาดทุนในทุกธุรกรรม และ Temu หวังว่าจะลดความสูญเสียมหาศาลโดยการสนับสนุนให้ผู้ขายละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นและขายสินค้าลอกเลียนแบบหรือสินค้าต่ำกว่ามาตรฐานเท่านั้น” คำฟ้องระบุ

โดยในคำฟ้องร้อง Shein ความยาวกว่า 80 หน้ากระดาษ ได้ระบุว่า พนักงานของ Temu อย่างน้อย 1 คนได้ขโมยความลับทางการค้า หรือก็คือ ผลิตภัณฑ์ขายดีที่สุด ของ Shein พร้อมทั้งข้อมูลราคาภายใน พร้อมกับแนบตัวอย่างเสื้อผ้าและดีไซน์ กว่าสิบชิ้น ที่ Temu ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบ 

นอกจากนี้ Shein ยังกล่าวหาว่า Temu ได้แอบอ้างเป็น Shein บนโซเชียลมีเดีย X เพื่อพยายาม หลอกลูกค้าให้ห่างจากแพลตฟอร์ม Shein และหันไปใช้แพลตฟอร์ม Temu แทน และได้จ้างให้อินฟลูเอนเซอร์โพสต์ข้อความเท็จว่าสินค้าของ Temu นั้นราคาถูกกว่าและมีคุณภาพสูงกว่าสินค้า Shein ของแท้

“ด้วยข้อมูลที่ขโมยมานี้ Temu ได้สั่งให้ร้านค้าคัดลอกผลิตภัณฑ์ Shein และผลิตภัณฑ์ขายดีอื่น ๆ และขายผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมือถือของ Temu”

แม้ว่า Shein จะฟ้องร้อง Temu แต่ทั้ง 2 บริษัทก็ใช้วิธีคล้าย ๆ กันในการยึดครองตลาดก็คือ การเล่นเรื่อง สินค้าราคาถูก และความสามารถในการ ตอบสนองต่อกระแส ได้เร็วกว่าคู่แข่งมาก แต่นั่นก็ทำให้ทั้ง 2 บริษัทต้องเจอกับคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้าน แรงงาน ความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน และการกล่าวหาว่า ลอกการออกแบบของแบรนด์อื่น โดย Shein ก็เคยถูกกล่าวหาว่าก๊อบปี้ดีไซน์จากแบรนด์อย่างต่าง ๆ อาทิ Levi, Strauss และ H&M 

Source

]]>
1487034
ทำไม ‘Temu’ ถึงเป็นแพลตฟอร์มที่คนยกให้เป็น ‘ปลาหมอคางดำ’ ผู้มาทำลายระบบนิเวศเศรษฐกิจไทย https://positioningmag.com/1486285 Wed, 14 Aug 2024 11:02:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1486285 แม้ไทยมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนหลายราย แต่การมาของคง Temu หรือ เทมู-ทีมู อีคอมเมิร์ซจีนที่เข้าไทยมาแบบเงียบ ๆ ไปเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก เพราะด้วยราคาที่ ถูกแสนถูก จนเกิดเป็นคำถามว่า ผู้ประกอบการไทย จะอยู่รอดได้หรือไม่

ไม่มีสำนักงานในไทย = ตั้งใจเอาเปรียบ

ปัจจุบัน ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย 65% ถูกครอบครองด้วย 3 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ Shopee (49%) Lazada (30%) และ TikTok Shop (21%) แต่สำหรับการมาของ Temu ไม่เหมือนกับแพลตฟอร์มไหน ๆ ก็คือ Temu ไม่มีสำนักงานในไทย ซึ่งแปลว่า ยอด ทุกบาททุกสตางค์ของลูกค้าชาวไทยถูกส่งกลับไปจีน เพราะบริษัท ไม่ได้จ่ายภาษีให้กับประเทศไทย โดย ป้อม ภาวุธ กูรูอีคอมเมิร์ซเมืองไทย ถึงกับเอ่ยปากว่า เห็นเจตนาชัดว่า ต้องการฝ่าฝืนและเอาเปรียบประเทศเรา

“เขาคงไม่เข้าประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพราะในหลายประเทศเขาก็ทำแบบนี้ คือ เปิดเว็บไซต์ให้ซื้อและส่งของจากจีนเข้ามาไทย” ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์โซลูชั่น จำกัด กล่าว

ปัจจุบัน Temu เปิดบริการแล้วใน 49 ประเทศทั่วโลก โดยไทยถือเป็นประเทศที่ 3 ของอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย รวม ๆ แล้ว Temu มีจำนวนแอคเคาท์กว่า 467 ล้านแอคเคาท์ เป็นแอปพลิเคชันที่มี ยอดดาวน์โหลดสูงสุดในปีนี้ และมียอดขายรวมกว่า 14,000 ล้านบาทต่อเดือน

ภาพจาก Shutterstock

ถูกจนสหรัฐฯ ยังโดนตก

เพราะแนวคิดแรกของ Temu คือการ ตั้งราคาขายให้ได้ต่ำที่สุด ดังนั้น Temu จึงทำการ ตัดคนกลางออก ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมต่อกับผู้ผลิตโดยตรง หรือพูดง่าย ๆ สินค้าที่สั่ง ส่งตรงจากโรงงานถึงลูกค้า นอกจากนี้ Temu จะมีฟีเจอร์ให้ลูกค้า รวมกลุ่มกันซื้อสินค้า หรือ Group Buying เพื่อให้ได้สินค้าในราคาที่ถูกลงไปอีก ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่สินค้าบางชนิดราคาจะ ถูกกว่าท้องตลาด 99% ยังไม่รวมการทำโปรโมชั่นต่าง ๆ และการจัดส่งอย่างรวดเร็วภายใน 4-9 วัน เพราะต่อให้ของถูก แต่ได้ของช้า คนก็อาจไม่รอ

ด้วยกลยุทธ์ที่เล่นเรื่องราคาเป็นหลัก และการจัดส่งที่รวดเร็ว จึงไม่น่าแปลกกใจที่ Temu จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว อย่างในตลาด สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ Temu ทำตลาด Temu ใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 17% โดยสิ้นปี 2023 มียอดขายสูงถึง 1.53 หมื่นล้านดอลลาร์ และในช่วงต้นปีที่ผ่านมามียอดผู้ใช้งานกว่า 80 ล้านคน

จะเห็นว่าขนาดสหรัฐฯ ที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ย 94,003 ดอลลาร์ต่อปี หรือ 3.4 ล้านบาทต่อปี ยังโดน ของถูกตก แล้วคนไทยที่มีรายได้เฉลี่ย 248,468 บาทต่อคนต่อปี จะเหลืออะไร

ข้อกังวลความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

ไม่ใช่แค่ราคา แต่เทคโนโลยีของ Temu ก็ยิ่งทำให้แพลตฟอร์มเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างถูกจุด ด้วย อัลกอริทึม ที่วิเคราะห์ customer journey ของลูกค้าอย่างละเอียด ตั้งแต่การดูสินค้า การมีส่วนร่วมในกิจกรรม ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ ทำให้ Temu สามารถปรับแต่งและเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ Temu ยัง ส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังผู้ขาย ทำให้ผู้ขายสามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามเทรนด์หรือความต้องการของตลาด ซึ่งก็ช่วยให้ผู้ขายไม่ต้องผลิตสินค้าเกินความต้องการ สามารถบริหารจัดการต้นทุนและสต็อกได้ดีขึ้น ซึ่งก็ยิ่งทำให้ต้นทุนสินค้าถูกลง ทำให้ทำราคาสินค้าได้ถูกลงไปอีก

อย่างไรก็ตาม ด้วยการใช้งาน Big Data ทำให้ Temu มีประเด็นเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ของ Pinduaduo ที่ Temu ก็อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันกับ PDD Holdings เคยถูก Google ปักธงแดงเปลี่ยนสถานะแอปฯ ให้เป็น มัลแวร์ เพราะ Pinduoduo เวอร์ชันที่ไม่ได้อยู่ใน Google Play Store มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกับมัลแวร์ โดย ทำหน้าที่ตรวจสอบและสอดแนมผู้ใช้งาน โดยใช้วิธีการ Zero-day แฮกข้อมูลของผู้ใช้งาน เพื่อเข้าถึงและรวบรวมข้อมูลผู้ใช้

Shanghai,China-Nov.29th 2023: Pinduoduo (PDD Holdings) brand logo sign on official website. Chinese company

SME เจ็บสุด

จากทั้งสินค้าราคาถูก เงินทุนที่สามารถลด แลก แจก แถม และทำการตลาดได้มากกว่า เทคโนโลยีที่ดีกว่า คนที่กระทบมากสุดคงหนีไม่พ้นผู้ประกอบการรายย่อยอย่าง SME และถ้าผู้ประกอบการไทยลดกำลังผลิตหรือเลิกผลิต การจ้างงานก็ลดลง มีผลต่อเนื่องเป็นทอดๆ ต่อเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด (MI GROUP) ยังมองว่า ทุนจีนที่เข้ามาในไทยนั้นมีลักษณะพิเศษกว่าทุนจากชาติอื่นที่เคยเข้ามา เพราะวิธีดำเนินธุรกิจสไตล์จีนคือ ใช้ระบบนิเวศของตนเองทั้งหมด จึงไม่ส่งผลดีต่อการจ้างงานคนไทยและการใช้วัตถุดิบในประเทศไทย

ปัจจุบัน ประเทศไทยยิ่ง ขาดดุลการค้ากับจีน ซึ่งตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมาโดยตลอด โดยในปี 2023 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมหาศาลถึง 1.29 ล้านล้านบาท แค่ 2 เดือนแรกของปีนี้ ไทยก็ขาดดุลแล้ว 2.82 แสนล้านล้านบาท

“รัฐบาลควรจะเข้ามาดูแลผู้ประกอบการไทย มีมาตรการปกป้องให้มากขึ้น เพราะถ้าผู้ประกอบการไทยลดกำลังผลิตหรือเลิกผลิต การจ้างงานก็ลดลง มีผลต่อเนื่องเป็นทอดๆ ต่อเศรษฐกิจ”

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด (MI GROUP)

คนไทยตื่นตัวที่จะแบน Temu

อย่างไรก็ตาม แม้ Temu จะดูน่ากลัวเพราะทั้งการทำราคาสินค้า เทคโนโลยี และเงินทุนมหาศาล แต่จุดอ่อนสำคัญคือ คุณภาพสินค้า และการ ละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างในสหรัฐฯ เอง ทางคณะกรรมการทบทวนเศรษฐกิจและความมั่นคงสหรัฐฯ-จีน (USCC) ก็ได้ออกมาเตือนถึงเรื่องนี้

ซึ่งในประเทศไทยก็ดูเหมือนผู้บริโภคจะตื่นตัวกับการมาของ Temu โดยชาวเน็ตไทยเองก็ตื่นตัวกับการมาของ Temu โดยพากันไปคอมเมนต์เพจ Temu Thailand ที่มีผู้ติดตามกว่า 3 หมื่นคนว่า “ให้ใช้สินค้าไทย ซื้อของคนไทยและต่อต้านสินค้าจีน เพราะมองว่า การเข้ามาของแอปฯ นี้จะทำให้ผู้ประกอบการไทยย่ำแย่ ด้าน นารากร ติยายน ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้ออกมารีวิวการสั่งของจาก TEMU ว่า ห่วย ด้วย

เก็บภาษีไม่ได้ก็บล็อกไปเลย

แม้ว่า Temu จะดูน่ากลัว แต่ไม่ใช่ว่าจะสกัดไม่ได้ โดย ภาวุธ ได้แนะนำถึงภาครัฐว่า ควรใช้กฎหมาย E-Service Tax (VES) ที่ทำให้สรรพากรมีอำนาจในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากผู้ให้บริการต่างประเทศจากการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-service) ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ อาทิ Facebook (Meta), YouTube, Netflix, Google เป็นต้น

หรือมาตรการขั้นเด็กขาดคือ บล็อกการเข้าถึงคนไทย แบบเดียวกับการบล็อกเว็บไซต์อย่าง พอร์นฮับ รวมไปถึงทำหนังสือไปยัง AppStore, PlayStore เพื่อบล็อก Temu ออกจากการเห็นของคนไทย หรือในกรณีที่ไม่สามารถบล็อก Temu ได้ก็ควร บังคับใช้กฎระเบียบเดิมให้เข้มแข็ง เช่น คุมการนำเข้าสินค้าที่เข้มงวด อย่างให้สินค้าที่ไม่มี มอก. หรือ อย. เข้ามาไทย เพราะสินค้าที่ถูก อาจไม่ได้คุณภาพตามข้อกำหนด

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์โซลูชั่น จำกัด

SME หนีไม่ได้ก็เข้าร่วม

สุดท้ายแล้ว SME ที่เน้นนำเข้าของจากจีนมาขาย อาจจะอยู่ยาก ดังนั้น ควรสร้าง แบรนด์ และเน้นไปที่ คุณภาพสินค้า เพราะสินค้าของ Temu ไม่มีแบรนด์ เน้นทำราคา ไม่สนเรื่องคุณภาพ และที่สำคัญ SME ต้อง หาตลาดใหม่ ๆ เช่น กลุ่มเป้าหมายใหม่หรือการ ส่งออก สุดท้าย ต้องนำ เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้คน

อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่า Temu เปิดให้ผู้ประกอบการไทยขายของบนแพลตฟอร์มได้หรือไม่ แต่ที่เห็นคือ Temu เปิดให้โรงงานและบุคคลบางประเภทสามารถสมัคร Seller Account เพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายได้ ซึ่ง คนไทยสามารถสมัครได้ เพียงแต่แพลตฟอร์มจะอนุมัติหรือไม่ขึ้นอยู่กับทาง Temu ซึ่งข้อดีของการขายของบน Temu คือ การเปิดตลาดใหม่ ๆ ในต่างประเทศ ดังนั้น SMEs ไทยอาจจะลองดูสักตั้ง เผื่อใช้ Temu เป็นอีกแพลตฟอร์มในการขายสินค้าไปต่างประเทศ

]]>
1486285