The iCON GROUP – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 18 Oct 2024 17:54:54 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ขึ้นป้ายบิลบอร์ดฉ่ำ ๆ แบบ ‘ดิ ไอคอน’ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ พร้อมประเมินอุตสาหกรรมโฆษณา กระทบไหมเมื่อไม่มีดิ ไอคอน https://positioningmag.com/1494984 Fri, 18 Oct 2024 12:39:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1494984 นาทีนี้ไม่มีประเด็นอะไรร้อนแรงเกิน ดิ ไอคอน กรุ๊ป (The iCon Group) จากธุรกิจขายตรงที่หมิ่นเหม่จะเข้าข่ายการเป็นแชร์ลูกโซ่ โดยอาศัยการสร้างภาพลักษณ์ให้น่าเชื่อถือผ่านเหล่า บอส และหนึ่งในสื่อที่เห็นกันมากที่สุดก็คือ ป้ายบิลบอร์ด ในกรุงเทพฯ ที่ล้มตัวไปไหนก็เจอ ว่าแต่อยากปูพรมสื่อนอกบ้านขนาดนี้ ต้องใช้เงินขนาดไหน ไปหาคำตอบกัน

ใช้เงินอย่างน้อย 30-50 ล้าน/แคมเปญ

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด (MI GROUP) เปิดเผยว่า หากดูจากการใช้สื่อของ ดิ ไอคอน กรุ๊ป จะเห็นว่ามีการใช้สื่อหลัก ๆ คือ โซเชียลมีเดีย และ  สื่อนอกบ้าน (Out of home) อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโซเชียลฯ อาจประเมินได้ยากว่าใช้เม็ดเงินมากน้อยแค่ไหน เพราะอาจไม่ได้มีการจ้างอินฟลูเอนเซอร์จริง ๆ แต่เป็นการโปรโมตผ่าน บอส หรือ แม่ข่าย 

ดังนั้น เม็ดเงินที่จับต้องได้ในการใช้สื่อก็คือ สื่อนอกบ้าน ซึ่งปัจจุบันผู้เล่นหลัก ๆ ในตลาดมีไม่กี่ราย อาทิ VGI, Plan B และ Bangkok Metro Networks (BMN) และการซื้อจะเป็น แพ็กเกจเหมา โดยจะอยู่ที่ 30-50 ล้านบาทต่อแคมเปญ ซึ่งกินเวลาประมาณ 3-6 เดือน และโดยปกติจะซื้อประมาณปีละ 2 ครั้ง นอกจากการซื้อกับบริษัทที่จัดการป้ายโฆษณาแล้ว อาจมีการซื้อแยก เช่น ตึกบางตึกที่ไม่ได้อยู่ในมือบริษัท

“ตลาด Out of home คาดว่าปีนี้จะเติบโต 10% คิดเป็นมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาทเท่าเดิม เพราะยังเป็นสื่อที่หลายแบรนด์ยังต้องสร้างอแวร์เนส ต้องสร้างอิมเมจ และการขายขึ้นป้ายบิลบอร์ดมันอิมแพ็กมากกว่าใช้ออนไลน์อย่างเดียว”

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด (MI GROUP)

กรณีดิ ไอคอน ไม่กระทบเม็ดเงินโฆษณา

ในปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมขายตรง ใช้เงินในงบโฆษณาไม่รวมออนไลน์คิดเป็นมูลค่า 5,595 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 6% ซึ่งถือว่าไม่ใหญ่มากไม่ติด Top 10 ของอุตสาหกรรมโฆษณาที่ใช้งบมากที่สุด

ดังนั้น ด้วยสัดส่วนดังกล่าวจึงมองว่า กรณีของ ดิ ไอคอน กรุ๊ป จะ ไม่กระทบเม็ดเงินโฆษณา เพราะการใช้สื่อหลักก็คือ Out of home ดังนั้น อาจจะกระทบในเชิงผลประกอบการของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งเทียบไม่ได้กับเม็ดเงินในตลาดโฆษณา รวมถึงไม่กระทบต่อเม็ดเงินในอุตสาหกรรมขายตรง แต่อาจ เป็นบวก ด้วย แต่บริษัทขายตรงต้องออกมาอธิบายว่าตัวเองเป็นบริษัทขายตรงที่ถูกกฎหมายอย่างไร

“แม้ดิ ไอคอน ไม่ได้เกิดเหตุหรือมีการโฆษณาต่อเนื่อง ก็ไม่ใช่เป็นตัวกระตุ้นให้ตลาดเป็นบวกขึ้น ดังนั้น การที่มีเคสดังกล่าวจึงไม่ได้ส่งผลต่อภาพใหญ่อุตสาหกรรมเลย และเท่าที่ดูจากลูกค้าที่ทำธุรกิจขายตรงในมือ ก็ไม่ได้มีกระแสลบ เพราะเป็นธุรกิจขายตรงน้ำดี เน้นที่ตัวสินค้า”

เอเจนซี่ไม่กระทบ แต่อินฟลูฯ ต้องคิดเยอะ

โดยพื้นฐาน เอเจนซี่โฆษณาจะรับงานจากบริษัทที่ทำธุรกิจถูกต้อง และในกรณีของดิ ไอคอน กรุ๊ป น่าจะไม่ได้ทำงานกับเอเจนซี่ เพราะเน้นใช้สื่อเดียว ไม่ได้มีการวางแผนการตลาด ดังนั้น ส่วนที่กระทบจะเป็น ดาราและอินฟลูฯ ที่อาจไม่รู้เท่าทันในธุรกิจ ซึ่งจากนี้ก็จะมีความระมัดระวังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือออกอีเวนต์ เพราะกรณีนี้มีดาราหลายคนแค่ออกอีเวนต์ก็มีความเสี่ยง เพราะโดยปกติการออกอีเวนต์จะมีสคริปเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พูด ดังนั้น ต่อไปดาราก็จะมีความกังวลในการรับงานมากขึ้นว่าจะส่งผลกระทบไหม

“เคสนี้เป็นเคสเฉพาะตัวจริง ๆ เพราะบริษัทดูมีความน่าเชื่อถือ ได้รางวัลจากสถาบันต่าง ๆ มีดาราหลายคนเป็นพรีเซ็นเตอร์ มองว่าเป็นแค่หนึ่งในธุรกิจทั่วไป ถ้าเป็นในอดีต อาจมีเอเจนซี่หลงเชื่อได้”

ดาราเซเลปที่เข้ามาร่วมงานกับดิ ไอคอน กรุ๊ป ในระดับมีชื่อตำแหน่งให้

ยืนยันอุตสาหกรรมโฆษณาบวกแน่นอน

แม้ภาพรวมปีนี้จะมีปัจจัยลบเยอะ โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจที่ถือว่าแย่ แต่ถือว่าอุตสาหกรรมค่อย ๆ ฟื้นมาจากหลังโควิด ดังนั้น ประเมินว่าภาพรวมทั้งปีอาจเติบโตได้ +3.3% อย่างไรก็ตาม ช่วงโค้งสุดท้าย เริ่มเห็นความร้อนแรงของตลาด อีคอมเมิร์ซ ที่อาจจะดันให้เม็ดเงินสื่อดิจิทัลเติบโตขึ้นอีก +8% ซึ่งอาจดันให้ทั้งอุตสาหกรรมเติบโตเป็น +5% 

ส่วนสื่อทีวี โดยปกติช่วงปลายปีจะเป็นช่วงที่คึกคักอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าด้วยสถานการณ์ตอนนี้อาจจะกระเตื้องแค่เล็กน้อย อาจจะซบเซาน้อยลง เพราะคนหันมาเสพสื่อมากขึ้น โดยเฉพาะ ข่าว ดังนั้น จะคล้ายกับช่วงเลือกตั้ง แต่ส่งผลไม่เยอะ และสุดท้ายมีแค่บางรายการที่เรียกกระแสได้ เช่น โหนกระแส

“ภาพรวมบวกแน่นอน แต่บวกน้อยกว่าที่คาดไว้ เพราะจากหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อ ภาวะเศรษฐกิจ เงินดิจิทัลก็ไม่ได้มาครบลูป หรือค่าครองชีพที่ยังแพง ประกอบกับปัญหาอื่น ๆ เช่น น้ำท่วม แต่ก็ทำให้ตลาดบวกที่ 3-5% เพราะได้อีคอมเมิร์ซมาดัน”

]]>
1494984
เปิด 9 อาณาจักร “บอสพอล” เจ้าของ The iCON GROUP รวยหมื่นล้านใน 5 ปี https://positioningmag.com/1493707 Thu, 10 Oct 2024 06:51:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1493707 จากกรณีกลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ต หลังหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ดารานักแสดง ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรชื่อดังออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย เพียงสั้นๆ ระบุว่า “เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดังเริ่มมีการข่มขู่ไปทั่ว กลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็ก เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียหายบ้างเหรอ?” อันเนื่องมาจากมีคนระดมติดแฮชแท็ก #Saveบอส จนติดเทรนด์

ต่อมา นายไกรภพ จันทร์ดี หรือ กบ ไมโคร นักร้องร็อกเกอร์รุ่นใหญ่ ออกมาแฉพฤติกรรมธุรกิจเครือข่ายแห่งหนึ่งที่เจ้าตัวร่วมลงทุนเพื่อหารายได้อีกทางแต่สุดท้ายสูญเงินหลายแสนบาท อีกทั้งพบข้อเท็จจริงสุดเศร้า ว่ามีผู้สูงวัยที่หลงเชื่อใช้เงินก้อนสุดท้ายของชีวิตมาลงทุนจนสิ้นเนื้อประดาตัว รวมถึงเจ้าตัวพยายามเรียกร้องกลับพบข้อกฎหมายที่ทางบริษัททำไว้รัดกุมจนคิดว่าเอาผิดเขาไม่ได้

หลายคนจับจ้องไปที่ “บอสพอล” หรือ วรัทย์พล วรัตน์วรกุล นักธุรกิจขายตรงชื่อดัง ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักร “ดิไอคอนกรุ๊ป” (The iCON GROUP)

จาการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า นายวรัทย์พล วรัตน์วรกุล เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นในบริษัทอย่างน้อย 9 แห่ง เลิกกิจการไปแล้ว 1 แห่ง ได้แก่

1. บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด

จดทะเบียนเมื่อ 1 มิ.ย. 2561 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/42-46 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทำธุรกิจการขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต “วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” เป็นกรรมการรายเดียว

รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2567 “วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ถือหุ้นใหญ่ 74.9998%, จินดา แซ่ก๊อก ถือหุ้น 21% และ ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 4.0002%

สำหรับงบการเงิน ปี 2566 มีสินทรัพย์รวม 2,402,677,947 บาท หนี้สินรวม 1,554,377,393 บาท มีรายได้รวม 1,891,032,251 บาท รายจ่ายรวม 1,862,137,799 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 3,346 บาท เสียภาษีเงินได้ 9,113,250 บาท กำไรสุทธิ 19,777,855 บาท

หากนับรวมรายได้ ย้อนหลัง 5 ปี (ปีงบ 2562-2566) พบว่ามีรายได้รวมกัน 10,613,171,865 บาท (ราว 1 หมื่นล้านบาท) ในปี 2562 มีรายได้รวม 322,679,743 บาท กำไรสุทธิ 5,947,795 บาท

  • ปี 2563 รายได้รวม 378,119,566 บาท กำไรสุทธิ 9,044,857 บาท
  • ปี 2564 รายได้รวม 4,950,055,693 บาท กำไรสุทธิ 813,444,976 บาท
  • ปีงบ 2565 รายได้รวม 3,071,284,612 บาท กำไรสุทธิ 188,084,851 บาท
  • ปี 2566 รายได้รวม 1,891,032,251 บาท กำไรสุทธิ 19,777,855 บาท

2. บริษัท ดิ ไอคอน เวลเนส จำกัด

จดทะเบียนวันที่ 3 ส.ค. 2565 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/45-46 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทำธุรกิจ คลินิกโรคเฉพาะทาง โดย “วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” เป็นกรรมการรายเดียว

โดยรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อ 30 เม.ย. 2567 บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 99.98%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือ 0.01% และ จินดา แซ่ก๊อก ถือ 0.01% ซึ่งงบการเงินปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 236,339 บาท หนี้สินรวม 13,000 บาท รายได้รวม 339 บาท รายจ่ายรวม 27,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 26,660 บาท

3. บริษัท ดิไอคอนการบัญชี จำกัด

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2565 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/43 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ การทำบัญชี การตรวจสอบบัญชี การให้คำปรึกษาด้านภาษี มี วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร วิสูตร อภิญโญวิเชียร เป็นกรรมการ

รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2567 บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 50%, วิสูตร อภิญโญวิเชียร ถือหุ้น 49%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 1% โดยงบการเงิน ปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 968,097 บาท หนี้สินรวม 631,696 บาท รายได้รวม 617,448 บาท รายจ่ายรวม 1,243,903 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 1,964 บาท ขาดทุนสุทธิ 628,419 บาท

4. บริษัท นิรมิตร โกลบอล จำกัด

จดทะเบียนเมื่อ 15 ก.ค. 2563 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/42-44 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ ขายสินค้าหรือบริการทางอินเทอร์เน็ต วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นกรรมการรายเดียว

รายชื่อผู้ถือหุ้น เมื่อ 30 เม.ย. 2567 “วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ถือหุ้นใหญ่ 94.99%, จินดา แซ่ก๊อก ถือหุ้น 5%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 0.01%

5. บริษัท เดอะไอคอน แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด

จดทะเบียนเมื่อ 14 ต.ค. 2554 แจ้งเลิกกิจการ 15 พ.ย. 2564 ตั้งอยู่ที่ 158/23 ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ เป็นนายหน้าตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เครื่องมือเครื่องใช้เสริมความงาม อาหารเสริม ทุกประเภท “วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” เป็นกรรมการ

6. บริษัท เฟรนด์ชิป ฟูลฟิลเม้นท์ จำกัด

จดทะเบียนเมื่อ 15 พ.ค. 2562 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/43 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทำธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้าทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ โดยมีนายวรัตน์พล วรัทย์วร กุล, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร และ จิระวัฒน์ แสงภักดี เป็นกรรมการ

รายชื่อผู้ถือหุ้นเมื่อ 30 เม.ย. 2567 บริษัท ดิไอคอนริช จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 34%, บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ถือหุ้น 33%, บริษัท เซิร์ฟริช จำกัด ถือหุ้น 33%

7. บริษัท ดิไอคอนริช จำกัด

ทุน 1 ล้านบาท ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร เป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่สุด 99.98% ทำธุรกิจนายหน้าจากการขายสินค้า แจ้งรายได้ปี 66 กว่า 88.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21.1 ล้านบาท

8. บริษัท เซิร์ฟริช จำกัด

ทุน 1 ล้านบาท จิระวัฒน์ แสงภักดี (ถือหุ้น 45%) วัชรา งามจัตุรัส (ถือหุ้น 45%) พรรทิพา งามจัตุรัส (ถือหุ้น 10%) เป็นกรรมการ ทำธุรกิจออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ ติดตั้งระบบเครือข่าย และให้เช่าพื้นที่เซิร์ฟแวร์

แจ้งรายได้ปี 66 กว่า 33.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.7 ล้านบาท โดยงบการเงินล่าสุดปี 2566 มีสินทรัพย์รวม 7,976,108 บาท หนี้สินรวม 2,156,548 บาท รายได้รวม 20,073,858 บาท รายจ่ายรวม 15,088,783 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 5,796 บาท เสียภาษีเงินได้ 997,117 บาท กำไรสุทธิ 3,982,160 บาท

9. บริษัท ไอคอน ซูวีเนียร์ จำกัด

จดทะเบียนเมื่อ 6 ส.ค. 2567 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 165/43 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบาง เขน กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ การขายปลีกสินค้าอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่นบนแผงลอยและตลาด วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นกรรมการรายเดียว

รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด 29 .. 2567 วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ถือหุ้นใหญ่ 99%, ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร ถือหุ้น 1% ยังไม่พบข้อมูลงบการเงิน

]]>
1493707