ปรีชา คุณธรรมสถิต หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรเพื่อความบันเทิง ประจำประเทศไทย เวียดนาม และบังกลาเทศ จาก Meta เปิดเผยว่า ผู้คนจำนวน 2 พันล้านคนทั่วโลกรับชมวิดีโอบนช่องทางออนไลน์ในแต่ละวัน และคนกว่า 720 ล้านคนทั่วโลกใช้เวลาในการรับชมวิดีโอผ่าน Facebook Watch อย่างน้อย 1 นาทีในแต่ละเดือน สำหรับประเทศไทยพบว่า
วิดีโอแบบสั้น (0-3 นาที) และวิดีโอความยาวปานกลาง (3-10 นาที) นิยมมากที่สุด
ไลฟ์สตรีมมิ่ง ก็เป็นอีกรูปแบบของวิดีโอที่คนสนใจชม เนื่องจาก รู้สึกได้เชื่อมต่อกันแบบเรียลไทม์ อีกส่วนก็คือ การช้อปปิ้ง นอกจากนี้ยัง แชร์ ไปยังกลุ่มคอมมูนิตี้ หรือเพื่อน ๆ และครอบครัวได้ง่าย ในส่วนของรูปแบบวิดีโอทั่วไปแบ่งที่ได้รับความนิยมแบ่งเป็น 3 ส่วน
นอกจากนี้ ในส่วนของโฆษณาพบว่า คนไทยจำนวนกว่าครึ่งคลิกเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าหลังเห็นโฆษณา
โดย กวิน มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอีคอมเมิร์ซยังคงเติบโต เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ยังคงเป็นตัวกระตุ้นเพราะการเดินทางไปจับจ่ายยังจำกัด ซึ่งเป็นภาพชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ครั้งแรกในเดือนเมษายน-พฤษภาคมปี 63 ขณะที่โปรโมชันสำคัญของเหล่าอีมาร์เก็ตเพลสยังคงเป็นแคมเปญดับเบิลเดย์ อาทิ 11.11, 12.12 ที่น่าจะทำโปรโมชันแรงมาก ๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค
ในส่วนของเทรนด์ที่จะเริ่มเห็นจากนี้และในระยะยาวคือ แบรนด์หันมาขายออนไลน์เองโดยไม่พึ่งอีมาร์เก็ตเพลส เนื่องจากแบรนด์ต้องการ ข้อมูล เพื่อนำไปต่อยอดทางการตลาดทั้งการทำแบรนดิ้งต่าง ๆ ดังนั้น งบการตลาดจากนี้จะลงน้ำหนักไปกับส่วนนี้ โดยกลุ่มแรกที่จะเห็นคือ กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม, แฟชั่น ดังนั้น ShopBack ก็มีแผนจะเพิ่มพันธมิตรรายใหม่แบบโดยตรงมากขึ้น
นอกจากนี้ ที่น่าจับตามองคือ วิดีโอ เพราะเป็นสื่อที่เข้าถึงได้ง่าย ดังนั้น คอนเทนต์วิดีโอน่าจะเป็นเทรนด์ของอนาคตและจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลัง ShopBack จึงร่วมมือกับครีเอเตอร์จาก TikTok กว่า 100 ราย นำคลิปวิดีโอรีวิวสินค้ามานำเสนอบนแพลตฟอร์มเพื่อให้รายละเอียดสินค้า โดยครีเอเตอร์จะได้ส่วนแบ่งรายได้ ซึ่งจากการทดลองพบว่า ผู้รับชมวิดีโอกว่าครึ่งมีการคลิกต่อเพื่อเข้าไปเลือกชมสินค้าและบริการ
จากปัจจัยจากการระบาดของ COVID-19 กลยุทธ์การนำเสนอคอนเทนต์วิดีโอ รวมถึงการทำโปรโมชันที่จูงใจ เชื่อว่าจะทำให้ ผู้ใช้งานและรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน ShopBack มียอดดาน์โหลดมากกว่า 18 ล้านครั้ง มีผู้ใช้งานกว่า 4.7 ล้านคน เป็นผู้หญิง 60% และชาย 40%
โดยกลุ่มอายุ 18-24 ปี มีสัดส่วน 11%, 24-34 ปี 42%, 34-44 ปี 29% และอายุ 45 ปีขึ้นไป 18 ผู้ใช้งานที่แอคทีฟราว 4.5 แสนราย/วัน มีอัตราการใช้ซ้ำ 50% มีการเข้าใช้งานผ่านแอนดรอยด์ 63% IOS 36% PC 1% และสำหรับกลุ่มสินค้าที่มียอดการสั่งซื้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มความงาม, เสื้อผ้าและรองเท้าผู้หญิง, อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน, ของชำ และโมบายและแท็บเล็ต
]]>โฆษกของ HOOQ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “บริษัทได้แล่นผ่านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่สำคัญ โดยเรากำลังดิ้นรนเพื่อให้ผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่นักลงทุน ขณะที่ผู้ให้บริการเนื้อหาทั่วโลกและในประเทศมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ผู้บริโภคเองมีตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ รูปแบบธุรกิจ OTT จึงกลายเป็นความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้น เป็นผลให้ HOOQ ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเพียงพอที่จะให้ผลตอบแทนที่ยั่งยืนหรือครอบคลุมต้นทุนเนื้อหา”
ปัจจุบัน HOOQ มีผู้ใช้งาน 80 ล้านคน ในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย ไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และยังสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่อง เพียงแต่รายได้ยังไม่เพียงพอต่อต้นทุนที่ต้องจ่าย
จากนี้คงต้องจับตาดู HOOQ ในประเทศไทยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปจากนี้ รวมถึงผู้เล่นรายอื่นๆ อีกด้วย เพราะตั้งเเต่เจ้าพ่อคอนเทนต์ใหญ่อย่าง Disney ทำ Disney + แถมยังให้บริการไม่ถึงฝั่งเอเชีย แต่ก็สร้างความปั่นป่วนให้ตลาดนี้อย่างเห็นได้ชัด
]]>