Wang Ning – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 19 Sep 2024 06:05:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สรุปบทสัมภาษณ์ ‘Wang Ning’ ผู้ก่อตั้ง ‘POP MART’ ที่มีวันนี้ได้เพราะเชื่อในพลัง ‘ออฟไลน์’ https://positioningmag.com/1490835 Thu, 19 Sep 2024 03:21:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1490835 เชื่อว่าตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก POP MART เพราะจากกระแส ลาบูบู้ ที่ทำให้ทุกวันนี้หน้าร้านทุกสาขาก็ยังมีคนยินดีไปเฝ้า เพื่อให้ได้จับจองเป็นเจ้าของ แต่อะไรที่ทำให้ POP MART ประสบความสำเร็จ ทาง Wang Ning ผู้ก่อตั้งก็ได้มาเปิดเผยถึงแนวคิดการทำธุรกิจในตอนนี้ที่มาเปิดสาขาใหม่ในไทย

เพราะทำให้ผู้ใหญ่ สนุกกับการซื้อของเล่นอีกครั้ง

POP MART ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 2010 จากการเป็น ร้านขายสินค้าไลฟ์สไตล์ จนมาปี 2014 ที่ Wang Ning (หวัง หนิง) ตกผลึกถึงสินค้าขายดีในร้านก็คือ อาร์ตทอย (Art Toys) โดย Wang Ning มองว่า เขาโชคดีที่ ค้นพบและเข้าถึงความต้องการที่มหาศาลซึ่งแต่เดิมถูกละเลย ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของ POP MART คือ วัยรุ่นอายุ 18-35 ปี

“เราได้เปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ค้นพบความสนุกสนานในการซื้อของเล่นอีกครั้ง สินค้าเราไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการและความรู้สึกของตัวลูกค้าเท่านั้น แต่สินค้าของเรายังทำให้เกิดคอมมูนิตี้ ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว”

ยึดความคิดบริษัทที่ช้า และเชื่อมั่นในออฟไลน์

สำหรับแนวทางในการทำธุรกิจ Wang Ning เล่าว่า เขายึดมั่นในแนวคิด บริษัทที่โตช้าแต่มั่นคง แม้ว่าภายนอกดูเหมือนว่า POP MART จะเติบโตอย่างรวดเร็วทุกปีก็ตาม โดยเขาอธิบายว่า ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจเป็นยุคของ อีคอมเมิร์ซ แต่เพราะ POP MART ต้องการจะ สร้างแบรนด์ ทำให้เขาจึงเลือกเดินในเส้นทางที่ยากอย่าง ออฟไลน์ มากกว่า แม้ในตอนนั้นจะดูเสี่ยงก็ตาม ดังนั้น อาจจะดูเชื่องช้า แต่ Wang Ning มองว่า เขาเลือกจะ เชื่อสัญชาตญาณตัวเอง มากกว่าจะเดินตามเทรนด์หรือสิ่งล่อใจอื่น ๆ

“เพราะเราเลือกที่จะเดินไปตามทางที่เราเชื่อ ทำให้เราโดดเด่นขึ้นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง เช่นเดียวกันกับในตลาดต่างประเทศ POP MART ยังคงยึดมั่นในการทำตลาดออฟไลน์ แม้จะดูช้า แต่มันคือกุญแจสู่ความสำเร็จ”

ความท้าทายคือ สร้างสมดุลของศิลปะและธุรกิจ

หน้าที่ของ POP MART คือการ ค้นหาและพัฒนา IP ผลงานที่ยอดเยี่ยมจากศิลปิน เปลี่ยนจากการบริโภคเฉพาะกลุ่มให้กลายเป็นของเล่นที่เป็นกระแสในวงกว้าง โดยทำให้ ผลงานศิลปะกลายเป็นกระแสและผลิตจำนวนมาก ซึ่งความสำคัญคือ สมดุล ในการทำให้ผลงานศิลปะเฉพาะกลุ่มมีมาตรฐานและกลายเป็นสินค้าบริโภคที่เป็นที่นิยมมากขึ้น

ดังนั้น ความท้าทายของ POP MART ทาง Wang Ning มองว่า คือการ สร้างสมดุลระหว่างศิลปะและธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั้งสองอย่างนี้มีลักษณะที่ขัดแย้งกัน ศิลปะเป็นสิ่งที่มีอารมณ์และมุ่งเน้นความเป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่ธุรกิจเป็นสิ่งที่มีเหตุผลและมุ่งเน้นความเป็นสากล นี่จึงเป็นความท้าทายสำคัญของ POP MART เพราะการเติบโตที่รวดเร็ว และมีแนวโน้มว่ากระแสจะไปสู่ตลาดโลก

“ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราได้รวบรวมศิลปินที่มีความสามารถจากทั่วโลกจำนวนมาก สะสมประสบการณ์ในการดำเนินงานอย่างครบถ้วน และสร้างทีมงานที่มีความยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มีผู้คนจำนวนมากขึ้นหลงใหลในของเล่นสุดฮิต และชื่นชอบ IP ของเรา”

คาซิง ลุง (Kasing Lung) ศิลปินเจ้าของผลงาน Labubu

ต้องมี IP สากล มีแค่งานจากศิลปินไม่ได้

อย่างไรก็ตาม Wang Ning ยอมรับว่า ไม่ใช่ผู้บริโภคทุกคนที่จะรู้จักผลงานของศิลปิน ดังนั้น การทำงานร่วมกับ IP ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Disney, Marvel หรือ Harry Potter จึงเป็นอีกส่วนสำคัญที่จะดึงให้ผู้บริโภคเข้ามาทำความรู้จักกับ POP MART และได้รู้จักกับผลงานของศิลปิน

ดังนั้น IP ที่มีลิขสิทธิ์ใหญ่มีผลต่อแฟน ๆ ที่เพิ่งเริ่มรู้จัก POP Mart แน่นอน แต่ IP หลักของธุรกิจยังคงเป็นผลงานของศิลปิน

“แน่นอนว่าลูกค้าบางกลุ่มที่เห็นผลงานของศิลปิน และมองว่ามันน่ารักก็จะซื้อทันที แต่ก็จะมีลูกค้าที่ต้องใช้ IP ที่เขารู้จักเพื่อดึงดูดให้เข้า POP MART”

เริ่มมองหาศิลปินในประเทศที่จะทำตลาด

สำหรับแนวทางการคัดเลือก ศิลปิน ที่จะมาต่อยอดเป็นสินค้า Wang Ning มองว่า ต้องมี แนวคิดการออกแบบและธีมการแสดงออกที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่ทำให้ IP ของศิลปินได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น MOLLY, LABUBU หรือ SKULL PANDA ที่ศิลปินออกแบบโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้คนยอมรับตัวเอง เปิดใจรับรู้ถึงความอบอุ่นจากผู้คน สถานการณ์ และสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา POP MART พยายามจะหา ศิลปินท้องถิ่นจากประเทศต่าง ๆ เพื่อช่วยศิลปินเหล่านี้พัฒนา IP ของตัวเองจนเป็นที่นิยมทั้งในประเทศตัวเอง และตลาดโลก อย่างในไทยก็มี CRYBABY ที่ออกแบบโดยศิลปินชาวไทย หรืออย่าง Peach Riot ที่ออกแบบโดยศิลปินชาวอเมริกัน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีมากในตลาดสหรัฐฯ

มุ่งสู่ระดับโลก

ในปี 2023 ที่ผ่านมา POP MART มีรายได้รวม 6.3 หมื่นล้านหยวน โตขึ้น 36.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมี กำไรสุทธิ ที่ 1.19 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 107.6% โดยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ ส่วนปีนี้มั่นใจว่าจะยังเติบโต เพราะ POP MART มุ่งมั่นในการวางแผนที่จะก้าวไปสู่แบรนด์ระดับโลก และเป็นวัฒนธรรมความบันเทิงกระแสหลักของโลก

ดังนั้น POP MART จะยังคงขยายสาขาเพื่อเข้าถึงตลาดทั่วโลกต่อไป โดยปัจจุบัน ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด ของ POP MART และกำลังมีแผนจะขยายไปยังอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ในอนาคต ส่วนตลาด ไทย ยังคงเป็นตลาดที่สำคัญมาก เพราะสินค้าหลายอย่างมักจะขายหมดเสมอ อย่างยอดขายของสาขาที่ 6 ที่เพิ่งเปิดก็สามารถทำยอด ทะลุ 10 ล้านหยวนในวันแรก

Globalization ไม่เพียงแต่จะทำให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์ของเราไปสู่โลก แต่ยังสามารถช่วยสนับสนุนตลาดในประเทศและผลักดันการพัฒนาแบรนด์ในประเทศให้ก้าวหน้าอีกด้วย”

เชื่ออาร์ตทอยยังไปได้ไกล เพราะศิลปะเป็นสากล

สุดท้าย Wang Ning เชื่อว่า อาร์ตทอยจะเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่กระแส เพราะมองว่าศิลปะมีความเป็น สากล และ นำความสุขมาสู่ผู้คน นอกจากนี้ ของเล่นเองก็เป็นสิ่งที่ก้าวข้ามวัฒนธรรมและภูมิภาค ดังนั้นในอนาคต อาร์ตทอยจะยิ่งได้รับความนิยมในระดับโลกมากขึ้น และยังมีพื้นที่ในการพัฒนาอีกมาก

“เรามีศิลปินที่ร่วมงานมาจากทั่วทุกมุมโลก เรายังได้ร่วมมือกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งการร่วมมือเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมในภูมิภาคต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และมีความเป็นสากล ในขณะเดียวกัน เรายังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานในท้องถิ่นอย่างมาก ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดนี้ทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น”

]]>
1490835
10 แนวคิดจากปาก Wang Ning ผู้ก่อตั้ง Pop Mart ย้อนรอยจุดเริ่มขุมทรัพย์ของเล่นในวันเปิด IPO ที่ฮ่องกงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว https://positioningmag.com/1474424 Tue, 11 Jun 2024 02:31:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1474424 Wang Ning ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Pop Mart เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนไว้ในโอกาสที่พาบริษัทไปเปิดขาย IPO ในฮ่องกงช่วงเดือนธันวาคม 2020 ด้วยมูลค่าตลาด 1 พันล้านดอลลาร์ วันนั้น Pop Mart ถูกขนานนามว่าเป็นบริษัทจีนที่จำหน่ายของเล่น-ของสะสมแนวศิลปะ (art toy) ผู้ปลุกปั้นอย่าง Wang จึงต้องพยายามเต็มที่ในการอธิบายให้โลกเข้าใจรูปแบบธุรกิจของ Pop Mart และปกป้องไม่ให้นักวิจารณ์มองว่า Pop Mart เป็นเพียงบริษัทขาย “กล่องสุ่ม” แสนธรรมดา

ในบทสัมภาษณ์ครั้งนั้น Wang Ning พยายามอธิบายว่าแท้จริงแล้ว Pop Mart เป็นบริษัทที่ขาย IP หรือทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งตอบสนองความต้องการทางจิตใจของกลุ่มผู้บริโภคอายุน้อย ด้วยการสร้างสรรค์และจำหน่ายของเล่นจากดีไซเนอร์ดาวรุ่ง เวลานั้น Wang คุยเล่าถึงวิธีที่ Pop Mart ปลูกฝังวัฒนธรรม art toy โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับศิลปินและนักออกแบบ เพื่อให้ของเล่นของ Pop Mart เป็นรูปแบบศิลปะที่ผสมผสานงานปั้น แกะสลัก และการลงสีเข้าด้วยกันโดยไม่มีฟังก์ชันใดๆ นอกจากความสวยงามที่ดึงดูดใจให้ผู้คนอยากได้มาครอง

ส่วนหนึ่งใน 10 ประโยคเด็ดของ Wang Ning สะท้อนว่าผู้ก่อตั้ง Pop Mart เข้าใจดีถึงช่องว่างระหว่างรุ่น ทั้งฐานแฟนคลับรุ่นเด็กของ Pop Mart และนักวิจารณ์รุ่นดึกที่ไม่เข้าใจกระแสความต้องการนี้ แต่ Wang เชื่อมั่นในค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการออกแบบและความงามมากขึ้น ทั้งหมดนี้ Wang แสดงความมั่นใจว่าทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นตัวทำเงินหลักของ Pop Mart เช่น Molly จะมีอายุการทำตลาดที่ยาวนาน เนื่องจากบริษัทมุ่งมั่นลงทุนและสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าที่จะทำให้ Pop Mart กลายเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นเหมือนกับ Disney ในตลาดของเล่นศิลปะ

10 หลักคิด อิสระและมั่นใจ

ต่อไปนี้คือคำพูดทรงพลัง 10 ประโยคจากบทสัมภาษณ์ของ Wang Ning โดยเก็บความจากต้นฉบับภาษาจีน ผ่านบทสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2021 กับ Ma Yue ผู้ก่อตั้ง Alphabet List ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Wang Ning พูดออกมาหลังจากการนำ Pop Mart เข้าตลาดโลก

1. “เราไม่ใช่บริษัท blind box และการประเมินมูลค่าล้านล้านหยวนไม่ใช่ฟองสบู่”

ประโยคสามารถสรุปประเด็นสำคัญที่ Wang Ning ขีดเส้นใต้เพื่อปกป้องและอธิบายรูปแบบธุรกิจ รวมถึงวิสัยทัศน์ของ Pop Mart ถือเป็นคำพูดหักล้างคำวิจารณ์ที่ว่า Pop Mart เป็นเพียงบริษัท “กล่องสุ่ม” แบบตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าการประเมินมูลค่าของบริษัทที่สูงลิ่วจนมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นเพียงฟองสบู่นั้นเป็นความเข้าใจผิด โดยปัจจุบัน Wang Ning สามารถจัดการกับอคตินั้นได้อยู่หมัด ดันมูลค่าหุ้นของ Pop Mart ให้พุ่งสูงขึ้นหลังจากที่บริษัทรายงานผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปี 2023

ท่ามกลางแรงหนุนจากความสำเร็จในการขยายธุรกิจต่างประเทศ เบ็ดเสร็จรวมปี 2023 น้องใหม่อย่าง Pop Mart สามารถทำลายสถิติ มีกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น 129% เป็น 1.1 พันล้านหยวน (150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และรายรับอยู่ที่ 6.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนหน้า รวมแล้วกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเบาๆ 61.3%

Pop Mart
Photo : Shutterstock
2. “Pop Mart ไม่ใช่แค่ขายสินค้า แต่ยังสนองความต้องการทางจิตวิญญาณของผู้ใช้ ถ้าเป็นผู้หญิง การซื้อ Molly จะเหมือนกับการที่ผู้ชายซื้อ Air Jordan”

Wang Ning เปรียบเทียบการซื้อ art toy ของ Pop Mart กับการซื้อรองเท้าผ้าใบยอดนิยม เพราะต้องการบอกว่า Pop Mart วางโพสิชั่นหรือจุดยืนให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่นอกเหนือไปกว่าประโยชน์ใช้สอยทั่วไป ซึ่งในกรณีของ Air Jordan รองเท้าอื่นอาจจะสวมสบายและราคาถูกกว่า แต่ Air Jordan ก็มีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นและเต็มใจหยิบสตางค์ออกมาซื้อรุ่นใหม่อยู่ทั่วมุมโลก

อีกอิมแพ็คของประโยคนี้ยังสะท้อนว่า Pop Mart มีความทะเยอทะยานในการเติบโตในตลาดโลก รวมถึงพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมของเล่น โดยนอกจาก art toy อาจเป็นไปได้ที่ Pop Mart จะแจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ หรือจุดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยอื่นๆ ก็ได้

3. “การออกแบบและความงามมีคุณค่า นี่คือสิ่งที่เราเชื่อมาตั้งแต่แรกเริ่ม แม้ว่าในตอนนั้นจะยังมีคนเห็นด้วยไม่มากนักก็ตาม”

ประโยคนี้ของ Wang Ning เน้นย้ำถึงความเชื่อหลักของ Pop Mart ในด้านคุณค่าที่แท้จริงของการออกแบบและความสุนทรีย์ ซึ่งทำให้ Wang Ning บริหาร Pop Mart ได้อย่างแตกต่างตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น

4. “เรากำลังเริ่มปฏิวัติอะไรสักอย่าง เหมือนกับที่แผ่นเสียงได้ปฏิวัติวงการเพลงเมื่อ 100 กว่าปีก่อน”

ผู้ก่อตั้ง Pop Mart กล่าวอย่างกล้าหาญว่า Pop Mart ได้ริเริ่มการปฏิวัติวงการศิลปะ ด้วยการจำหน่ายของเล่น art toy ที่จะพลิกโฉมทั้งโลกของคนสร้างงาน คนขายงาน และคนเสพงานศิลป์  ซึ่งหากเทียบกับผลกระทบจากแผ่นเสียงที่เปลี่ยนแปลงวงการเพลง จะพบว่าความแมส (mass) หรือความแพร่หลายและความยืดหยุ่นในการฟังเพลงนั้นผลักดันเม็ดเงินมหาศาลให้สะพัดไปทั่ววงการเพลงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการปลดล็อกตลาดต่างประเทศที่คนทำเพลงสามารถพาเพลงของตัวเองไปตีตลาดโลกได้แบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

กรณีของ Pop Mart รายได้จากฮ่องกงและไต้หวัน มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ โดยคาดว่ายอดขายจากภูมิภาคเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2024 เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งที่ผ่านมา รายได้ในต่างประเทศของ Pop Mart เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวในปี 2023 คิดเป็นเกือบ 17 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด

ล่าสุด Pop Mart ขยายหน้าร้านในตลาดต่างประเทศด้วยการเพิ่มร้านค้าใหม่ 37 แห่ง ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 39 เครื่อง และร้านโรโบ POP MART Robo Shop 159 แห่งในปี 2023 ทั้งหมดเป็นการขยายธุรกิจในต่างประเทศที่เริ่มต้นจริงจังในปี 2019 โดยเริ่มจากเกาหลีใต้ และตั้งแต่นั้นมาได้ขยายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป และออสเตรเลีย

Pop Mart
Photo : Shutterstock
5. “เราไม่ได้รับเงินลงทุนจาก Tencent หรือ Alibaba เพราะเราไม่ต้องการเลือกข้าง หากเราทำได้ดี ทุกบริษัทจะต้องการร่วมมือกับเรา”

การปฏิเสธการลงทุนจากยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตแสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระและความมั่นใจของ Pop Mart ในการสร้างเส้นทางของตัวเอง

ก่อนจะมาเป็น Pop Mart International Group หนุ่ม Wang Ning ก่อตั้ง Pop Mart ในปี 2010 โดยเป็นเจ้าของ Pop Mart มากกว่า 45% หลังจาก Pop Mart โด่งดังจากการขายตุ๊กตาขนาดเล็กราคาประมาณ 8 เหรียญสหรัฐ หรือราว 300 บาทในรูปแบบที่เรียกว่ากล่องสุ่มซึ่งไม่เปิดเผยของเล่นที่อยู่ข้างใน และเริ่มร่วมมือกับศิลปินเพื่อสร้างสรรค์ของเล่นประเภทต่างๆ ในปี 2016 ล่าสุด Wang Ning มีทรัยพ์สินรวม 3,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 112,282 ล้านบาท

การลงทุนล่าสุดที่เซอร์ไพรส์โลก คือ Pop Mart ได้เปิด Pop Land สวนสนุกขนาด 40,000 ตารางเมตรในกรุงปักกิ่งในเดือนกันยายน 2022 เพื่อขยายอิทธิพลของแบรนด์ และกระจายการลงทุนทางธุรกิจ

6. “ความสามารถในการแข่งขันหลักของ Pop Mart อยู่ที่จิตวิญญาณของเรา – ความเชื่อในพลังของการออกแบบและความงาม เช่นเดียวกับการยอมรับคุณค่าของศิลปิน”

คำพูดนี้สะท้อนความเชื่อมั่นแรงกล้าในการออกแบบ/ศิลปะ และความเคารพต่อศิลปินของ Pop Mart ซึ่งมีผลทำให้ความสามารถในการแข่งขันหลักของ Pop Mart ตกผลึก

วันนี้ ซีรีส์ที่ขายดีที่สุดของ Pop Mart คือ Dimoo เด็กชายหัวก้อนแมฆที่บางคนมองว่าเหมือนเอเลี่ยนผมปุยดูคล้ายสายไหมนี้เป็นผลงานการออกแบบของศิลปินและนักวาดภาพประกอบสาวชาวจีน Ayan Deng ผู้จบการศึกษาจากสถาบันศึกษาวิจิตรศิลป์กว่างโจว ซึ่งตามประวัติระบุว่า หลังจากเรียนจบ สาว Deng ก็เริ่มต้นเดินทางตามความฝัน โดยเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสตูดิโอชื่อว่า Mountain Studio และหลังจากนั้นจึงได้เริ่มสร้างสตูดิโอเป็นของตัวเองชื่อว่า Yan Studio และใช้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์กว่า 2 ปีในการสร้างอาณาจักร Dimoo World ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของเด็กน้อยชื่อ Dimoo ร่วมกับน้อง Candy, Snooks, Niko, Mono, Mini-Mon และ Mr.Worm ซึ่งเป็นผองเพื่อนในอาณาจักร Dimoo World ที่เคยออกแบบไว้ ปัจจุบัน ความเป็นเป็นอาร์ตทอยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ทำให้ Dimoo มีการผลิตคาแรกเตอร์ออกมาหลายร้อยแบบ ทั้งกล่องสุ่ม ฟิกเกอร์หลายคอลเล็กชั่น แอคเซสซอรี่ เช่น พินแม่เหล็ก เคสโทรศัพท์มือถือ สายห้อยคล้องคอ กระเป๋า ตุ๊กตา รวมถึงการคอลแลบส์กับธีมแบรนด์อื่น เช่น KFC และ JurassicWorld เป็นต้น

Pop Mart
Photo : Shutterstock
7. “คุณค่าของคนรุ่นใหม่มีความสมบูรณ์มากขึ้น พวกเขาแสวงหาชีวิตที่ดีมากกว่าการอยู่รอด แสวงหาการเติมเต็มทางจิตวิญญาณ”

Wang วางกรอบ Pop Mart ให้สอดคล้องกับค่านิยมคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการแสดงออกมากกว่าเดิม ความเข้าใจนี้ทำให้

Wang Ning พยายามลบหนึ่งในความท้าทายบางประการที่ Pop Mart ต้องเผชิญกับความสงสัยและขาดความเข้าใจจากคนนอกวงการ

8. “บาง IP (ทรัพย์สินทางปัญญา) อาจไม่มีเรื่องราว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า IP นั้นจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ได้ เช่นเดียวกับ ภาพวาดที่ยอดเยี่ยม”

Wang Ning แย้งว่าสินค้าที่เป็น IP หรือทรัพย์สินทางปัญญาที่ Pop Mart วางขายนั้นไม่จำเป็นต้องมีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อน แต่การประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์สามารถทำได้โดยใช้ศิลปะเป็นตัวดึงดูด

ในขณะที่ไม่ต้องเล่าเรื่องมากมาย Pop Mart ประสบความสำเร็จทั้งในระดับนานาชาติและจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Pop Mart โดยจีนคิดเป็นแหล่งทำเงินด้วยสัดส่วนมากกว่า 83 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดในปี 2023 ซึ่ง Pop Mart ยังคงเดินหน้าขยายหน้าร้านในจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มร้านค้าใหม่ 55 แห่ง และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 123 ตู้

Pop Mart
Photo : Shutterstock
9. “ผู้คนสามารถต่อต้านสิ่งต่างๆ มากมายได้เนื่องจากมีกรอบความคิดที่จำกัด แต่ (แทนที่จะต่อต้าน) การพิจารณาว่าทำไม Pop Mart ถึงประสบความสำเร็จนั้นมีคุณค่ามากกว่า”

ประโยคเจ็บๆ นี้ช่วยปกป้อง Pop Mart จากเสียงนักวิจารณ์ในช่วงแรก ซึ่งกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าการเข้าใจความสำเร็จของ Pop Mart ช่วยกระตุ้นให้นักวิจารณ์และผู้สังเกตการณ์มีกรอบความคิดที่เปิดกว้างมากขึ้น

มีการวิเคราะห์ว่าความสำเร็จของ Pop Mart ในประเทศจีนส่วนหนึ่งมาจากการปรากฏตัวบน Douyin ซึ่งเป็น TikTok เวอร์ชันจีน โดยจากช่วงเริ่มต้นธุรกิจ วันนี้ยอดขายอีคอมเมิร์ซของบริษัทพุ่งสูงถึง 283 ล้านหยวน (39.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากปี 2022

10. “ถ้าคุณต้องการเข้ากับคนรุ่นใหม่ จงเข้าใจวัฒนธรรมของพวกเขา (อย่า) แกล้งทำเป็นเฉลิมฉลองกับพวกเขา แต่คุณต้องฟังเพลงของพวกเขา”

ประโยคปิดท้ายนี้ย้ำชุดความคิดของ CEO Pop Mart ว่าไม่มีใครสามารถเข้าถึงผู้ชมอายุน้อยได้หากไม่ได้พยายามทำความเข้าใจและลงลึกไปถึงแก่นวัฒนธรรมของคนกลุ่มนี้

สรุปแล้ว ทั้ง 10 ประโยคนี้แสดงให้เห็นว่า Wang Ning วางตำแหน่ง Pop Mart ให้เป็นแบรนด์ที่ปฏิวัติวงการและมุ่งเน้นด้านการออกแบบ เพื่อรองรับค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของคนรุ่นใหม่ ผ่านวิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการที่มีความทะเยอทะยาน ปกป้องรูปแบบธุรกิจใหม่ของบริษัทอย่างเต็มที่ และตอบสนองต่อความสงสัย รวมถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมั่นใจจริง ๆ

ที่มา : Forbes 1, Forbes 2, Bastillepost, Futunn, Equalocean, Insideretail

]]>
1474424