รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2547

ประเด็นตลาดวันนี้

ดัชนีตลาดหุ้น SET ในวันพฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปจากเมื่อวันก่อน 9.79 จุด หรือ ร้อยละ 1.56 ไปปิดที่ระดับ 637.03 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศ ประกอบกับแรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มแบงก์

– ในวันนี้ เงินเยนได้แข็งค่าขึ้นถึงระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอยู่ที่ระดับ 107.96 เยน/ดอลลาร์ฯ ส่วนเงินดอลลาร์ฯแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินบาทที่ 1.2094 ยูโร/ดอลลาร์ฯ และ 40.9 บาท/ดอลลาร์ฯ ตามลำดับ

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ในวันนี้ โดยเพิ่มขึ้นถึง 163.59 จุด หรือ ร้อยละ 1.41 ไปปิดที่ระดับ 11,744.15 จุด โดยได้ปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งปรับขึ้นตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ นอกจากนั้นยังได้แรงบวกจากการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ปรับสูงขึ้น ได้แก่ ตัวเลขกิจกรรมภาคบริการของญี่ปุ่นเดือน เม.ย. และ ดัชนีการสำรวจทางธุรกิจของรัฐบาลเดือน เม.ย.- มิ.ย.

-ตลาดหุ้นDow Jones ในอังคารที่ผ่านมา ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยเพิ่มขึ้นถึง 84.5 จุดจากวันก่อน หรือร้อยละ 0.81 ไปปิดที่ 10,479.57 จุด โดยได้แรงบวกจากการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสาร ประกอบกับการลดลงของราคาน้ำมันดิบ หลังจากปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมาก

– ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เตรียมดำเนินการนำพ.ร.บ.ประกันเงินฝากเข้าสู่รัฐสภาให้พิจารณาในเดือน กรกฎาคม-สิงหาคมนี้ โดยพ.ร.บ.ดังกล่าวได้กำหนดให้สถาบันประกันเงินฝากค่อยๆทยอยลดวงเงินประกันเงินฝากลงในระยะเวลา 4 ปี โดยในต้นปีแรก ได้กำหนดให้ประกันเต็ม 100% สิ้นสุดปีแรกจะให้ค้ำประกันเงินฝากเต็มจำนวนเฉพาะเงินฝากต่อรายที่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ต่อมาสิ้นสุดปีที่สอง ให้ค้ำประกันเต็มจำนวนเฉพาะเงินฝากต่อรายที่ไม่เกิน 25 ล้านบาท ส่วนในปีที่4 จะเหลือการค้ำประกันเต็มจำนวนเฉพาะเงินฝากต่อรายที่ใม่เกิน 1ล้านบาท

– สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ค. ได้เพิ่มขึ้นมาที่ 101.8 จาก 98.2 ในเดือน เม.ย. จากการที่ยอดสั่งซื้อของภาคอุตสาหกรรมในเดือนดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น อันเป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์ภาคใต้ได้เริ่มคลี่คลาย ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในภาคใต้เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับรัฐบาลยังคงตรึงราคาน้ำมันดีเซล ทำให้ภาคอุตสาหกรรมยังคงได้ประโยชน์ในเรื่องของต้นทุน

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันก่อน 9.79 จุด หรือร้อยละ 1.56 โดยปิดที่ระดับ 637.03 จุด โดยเป็นการปรับขึ้นตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ ประกอบกับการที่มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังจากที่ บริษัทสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์(S&P) ได้ปรับเพิ่มเครดิตแบงก์ไทย 7 แห่ง อย่างไรก็ตาม แรงซื้อดังกล่าวน่าจะเป็นไปในลักษณะเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอฟังผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯในสิ้นเดือนนี้

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ในวันนี้ โดยปิดตลาดที่ระดับ 11,744.15 จุด โดยเพิ่มขึ้นถึง 163.59 จุด หรือร้อยละ 1.41 ทั้งนี้ได้ปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งปรับตัวขึ้นตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ นอกจากนั้นยังได้รับแรงบวกจากการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นในวันนี้ ได้แก่ ตัวเลขดัชนีกิจกรรมอุตสาหกรรมภาคบริการเดือน เม.ย. ที่ปรับขึ้น 2.2% จากเดือนก่อน ดัชนีอุตสาหกรรมทุกประเภทซึ่งเพิ่มขึ้น 2.3% และ ดัชนีการสำรวจทางธุรกิจของรัฐบาลเดือน เม.ย. – มิ.ย. ที่ปรับขึ้น 7.2

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน นับตั้งแต่กลางเดือน เม.ย. เป็นต้นมา โดยเพิ่มขึ้นไปถึง 84.5 จุด หรือร้อยละ 0.81 ปิดที่ระดับ 10,479.57 จุด จากการที่มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสาร โดยแผนการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีของบริษัทสปรินท์ และ เอสบีซี คอมมิวนิเคชั่น ที่ประกาศเมื่อวันอังคาร ได้ช่วยหนุนให้ความต้องการของนักลงทุนในการซื้อหุ้นกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นปัจจัยบวกอีกประการได้แก่ การปรับลงของราคาน้ำมันดิบหลังการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้น

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ในวันพุธที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.83 จุด หรือร้อยละ1.35 โดยปิดที่ระดับ 2,020.98 จุด โดยนักลงทุนได้เข้ามาทำการซื้อขายมากขึ้น จากการที่เห็นว่าตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ อีกทั้งมีปัจจัยหนุนจากการที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลง

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆ แต่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากวันก่อนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้แรงบวกจากการที่เงินเยนแข็งค่าสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ และการปรับขึ้นของตลาดหุ้นในภูมิภาคในวันนี้

Yen/USD
เงินเยนแข็งค่าขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในรอบสองเดือนในวันนี้ โดยได้รับแรงบวกจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งซึ่งประกาศในวันนี้ ซึ่งได้เป็นเครื่องยืนยันว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ฟื้นตัวขึ้น ได้แก่ ตัวเลขดัชนีกิจกรรมอุตสาหกรรมภาคบริการ ดัชนีอุตสาหกรรมทุกประเภทในเดือน เม.ย. และดัชนีการสำรวจทางธุรกิจของรัฐบาลเดือน เม.ย.-มิ.ย. นอกจากนั้นการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นในวันนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อเงินเยน คาดว่าตัวเลขการสำรวจความเชื่อมั่นในภาคเอกชนที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเผยในสัปดาห์หน้าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกมาหนุนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนได้ปรับตัวรับการคาดการณ์เกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไว้แล้ว และได้เปลี่ยนจุดสนใจไปที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯหลังจากเดือน มิ.ย.

USD/Euro
เงินยูโรอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ ทั้งนี้ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆมาหนุนค่าเงินดอลลาร์ฯ โดยนักลงทุนจะรอคอยการเปิดเผยข้อมูลยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น1.4% ในเดือน พ.ค. และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้(ตามเวลาสหรัฐฯ) เพื่อบ่งบอกทิศทางตลาด

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond 1 Year / Thai Gov. Bond 5 Years / Thai Gov. Bond 10 Years
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 12,900.94 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนถึง 6% อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ในวันนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงแคบๆเมื่อเทียบกับวันก่อน โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางปรับตัวไป –1 ถึง 1 bps. ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวแทบไม่เปลี่ยนแปลง

Us Treasury Bond 10 Years
ราคาของ US Treasuries ในวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยนักลงทุนได้คลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯอย่างรุนแรงในสิ้นเดือนนี้ ประกอบในการประมูลพันธบัตรอายุ 2 ปีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีแรงซื้อจากธนาคารกลางต่างประเทศเข้ามามากถึงเกือบ 60% ของการเสนอซื้อ ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจัยหลักที่นักลงทุนในตลาดให้ความสนใจยังคงได้แก่ ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และตัวเลขทางเศรษฐกิจ อันได้แก่ ตัวเลขการสั่งซื้อสินค้าคงทน และตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไตรมาสแรก ที่จะประกาศในวันพฤหัสนี้