นักลงทุนสถาบันมั่นใจหุ้นกู้ TK ซื้อหมด 745 ล้านบาท

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK) ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ มูลค่า 745 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 2 วงเงิน ได้แก่ หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2548 วงเงิน 545 ล้านบาท อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2550 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.2 ต่อปี และหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2548 วงเงิน 200 ล้านบาท อายุ 3 ปีครึ่ง ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2552 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.8 ต่อปี

ทั้งนี้ หุ้นกู้ทั้งสองวงเงินได้รับความสนใจจองซื้อจากนักลงทุนสถาบันหมดทั้งจำนวน 745 ล้านบาท ซึ่งเปิดให้จองซื้อไปในระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน และ 4 กรกฎาคม 2548 ที่ผ่านมา โดยหุ้นกู้จำนวนดังกล่าวมีบริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) เป็นนายทะเบียนและตัวแทนชำระหุ้นกู้

“การออกหุ้นกู้เป็นการบริหารความเสี่ยงทางด้านการเงินที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทฯสามารถลดความเสี่ยง หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดมีการปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งระยะเวลาการของหุ้นกู้ใกล้เคียงกับระยะเวลาการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์และรถยนต์อีกด้วย”นางสาวปฐมากล่าว

สำหรับหุ้นกู้วงเงิน 745 ล้านบาท จะเพิ่มสัดส่วนเงินกู้ของบริษัทฯ คิดเป็น 25% ของเงินกู้ทั้งหมดประมาณ 3,000 ล้านบาท และทำให้บริษัทฯ มีวงเงินเหลือจากสถาบันการเงินอีกกว่า 1,500 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องในการปล่อยสินเชื่อและสามารถครองความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อต่อไป

อนึ่ง บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เน้นการดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยปัจจุบันบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ในสองบริษัทลูกได้แก่ ซี.วี.เอ. ซึ่งดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก และชยภาค ซึ่งดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 30 ปี และมีเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจและเจ้าหน้าที่สินเชื่อกระจายกว่า 420 แห่งทั่วประเทศ ทำให้บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด 35% และสำหรับธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์นั้นบริษัทเน้นการให้บริการรถยนต์มือสองเกือบทั้งหมด เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า

จากการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์มาเป็นเวลานานทำให้กลุ่มบริษัทมีระบบฐานข้อมูลลูกค้าเช่าซื้อเป็นของตัวเอง โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 กลุ่มบริษัทมีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อทั้งหมดประมาณ 8,000 ล้านบาท มีลูกค้ากว่า 180,000 ราย และมีฐานข้อมูลประวัติลูกค้ากว่า 550,000 ราย