ตลาดรถจักรยานยนต์เดือนแรกของครึ่งปีหลังคึกคัก สร้างสถิติขยายตัว 16%

เริ่มต้นเดือนแรกของครึ่งปีหลัง ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงได้รับผลบวก จากภาวะความผันผวนของราคาน้ำมัน อันเป็นแรงจูงใจให้กลุ่มผู้ใช้รถโดยทั่วไปหันเปลี่ยนมาเลือกใช้รถจักรยานยนต์มากขึ้น ส่งผลตลาดขยายตัวสูงถึง 16% นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 32 เดือน รวมทั้งผลักดันยอดจดทะเบียนสะสม 7 เดือนแรกของปี ทะลุเกิน 1 ล้านคัน ทั้งนี้รถแบบครอบครัว ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจัยด้านความประหยัดน้ำมัน ทำให้เป็นกลุ่มรถประเภทเดียวที่มีสัดส่วนตลาดเพิ่มสูงขึ้น ส่วนแนวโน้มของตลาดนั้น คาดการณ์ว่าจะมีความตื่นตัวและคึกคักจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน 6 มาตรการ 6 เดือน ของภาครัฐบาล ประกอบกับค่ายผู้นำตลาด คือ ฮอนด้า ได้วางจำหน่ายรถใหม่ที่ติดตั้งระบบหัวฉีด PGM-FI ซึ่งให้ความประหยัดน้ำมันมากขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคที่ให้ความสำคัญในด้านความประหยัด

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารส่วนงานขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงยอดการจดทะเบียนป้ายวงกลมรถจักรยานยนต์ในช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีปริมาณโดยรวมทั้งสิ้น 160,357 คัน ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 137,972 คันแล้ว มียอดการจดทะเบียนเพิ่มมากขึ้น 22,385 คัน หรือมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 16% โดยนับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 32 เดือน คือตั้งแต่เดือน ต.ค. 2548ซึ่งถือได้ว่าปี 2548 เป็นปีที่มีปริมาณการจดทะเบียนสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ 2.1 ล้านคัน

โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ตลาดมีการขยายตัวสูงนั้น เนื่องมาจากภาวะความผันผวนของราคาน้ำมัน ทำให้กลุ่มผู้ใช้รถโดยทั่วไปหันมาให้ความสำคัญกับความประหยัด และรถจักรยานยนต์เป็นหนึ่งในทางเลือกที่สร้างความประหยัดให้กับกลุ่มผู้ใช้รถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์ในรูปแบบรถครอบครัว ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในด้านความประหยัดน้ำมันเป็นอย่างมากนั้น ได้รับความนิยมและมีกลุ่มผู้บริโภคหันมาเลือกใช้เป็นจำนวนมาก อันเป็นผลทำให้รถจักรยานยนต์ประเภทนี้มีสัดส่วนตลาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 53% จากที่ในช่วงปีก่อนหน้านี้มีสัดส่วนตลาดเพียง 50% เท่านั้น โดยในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา รถแบบครอบครัวมีปริมาณการจดทะเบียน 84,570 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวของปีที่แล้ว 19%

ในขณะที่กลุ่มรถจักรยานยนต์ประเภทอื่นๆ คือ รถแบบ เอ.ที. (Automatic Transmission) หรือแบบเกียร์อัตโนมัติ มีปริมาณการจดทะเบียน 69,741 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 43% เติบโตเพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 13% รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 4,304 คัน สัดส่วนตลาด 3% เติบโตเพิ่มขึ้น 2% รถแบบสปอร์ต 1,008 คัน สัดส่วนตลาด 1% เติบโตเพิ่มขึ้น 16% และรถประเภทอื่นๆ 734 คัน

ส่วนแนวโน้มของตลาดในช่วงต่อจากนี้ไป แม้ว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูการขาย แต่จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและฝ่าวิกฤตเงินเฟ้อของภาครัฐบาล ผ่านทาง 6 มาตรการ 6 เดือน ที่ส่งผลจิตวิทยาในเชิงบวก ทำให้ผ่อนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะค่าครองชีพให้กับกลุ่มผู้บริโภคโดยทั่วไปนั้น จะมีส่วนช่วยให้ตลาดมีความตื่นตัวและคึกคัก รวมถึงจากการที่ทางค่ายผู้นำตลาด คือ ฮอนด้า ได้วางจำหน่ายรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดถึงสองรุ่นด้วยกัน ได้แก่ CZ-i 110 และ Click-i ที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI (Programmed Fuel Injection) ทำให้มีความประหยัดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มผู้ใช้รถในปัจจุบันที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญในด้านความประหยัด

สำหรับปริมาณการจดทะเบียนสะสมในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ คือ ตั้งแต่เดือน ม.ค. – ก.ค. นั้น มีจำนวนโดยรวมทั้งสิ้น 1,033,001 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาแล้ว มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 5%