ยิ่งใกล้ปี ค.ศ.2020 ซึ่งเป็นปีที่มีการคาดหมายว่า รถอัจฉริยะไร้คนขับจะได้ฤกษ์ออกวิ่งบนท้องถนนก็ยิ่งมีความเคลื่อนไหวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ล่าสุด กูเกิล (Google) ฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) และอูเบอร์ (Uber) ได้ออกมาประกาศความร่วมมือในการผลักดันกระบวนการต่างๆ สำหรับรองรับการออกสู่ตลาดของรถอัจฉริยะให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้นแล้ว
โดยการจับมือกันครั้งนี้ ยังได้ มร.David Strickland อดีตผู้บริหารระดับสูงของ the U.S. National Highway Traffic Safety Administration หรือ NHTSA มาเป็นที่ปรึกษาด้วย โดย David Strickland ซึ่งเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ และตอบข้อซักถามต่างๆ ด้วยตัวเอง เผยว่า
“สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเห็นคือ กฎการใช้ถนนที่ชัดเจนสำหรับรถอัจฉริยะไร้คนขับในการวิ่งบนถนนสาธารณะ” และกล่าวย้ำด้วยว่า บริษัทผู้พัฒนาต้องให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยแก่ประชาชนมาเป็นอันดับ 1
มร.Strickland ยังได้นำสถิติการเกิดอุบัติเหตุของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ.2014 มาเปิดเผยด้วยว่า มีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนถึง 32,675 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2.3 ล้านคน จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด 6.1 ล้านครั้งบนถนนในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง NHTSA ระบุว่า 94 เปอร์เซ็นต์ของอุบัติเหตุดังกล่าวมาจากความผิดพลาดของมนุษย์เองด้วย
ด้านตัวแทนจากฟอร์ด เผยว่า กลุ่มที่จัดตั้งขึ้นนี้จะทำงานร่วมกันในการสนับสนุน และหานโยบายที่สามารถรองรับการใช้งานยานยนต์อัตโนมัติให้เกิดขึ้นได้จริง ส่วน NHTSA หวังว่า จะสามารถเสนอแนะแนวทางปฏิบัติแก่รัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านนโยบาย รวมถึงบริษัทที่พัฒนารถอัจฉริยะไร้คนขับได้ภายในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
ด้านคู่แข่งของอูเบอร์อย่างค่าย Lyft ก็มีการจับมือกับค่ายวอลโว่ (Volvo) ทำโครงการถนนปลอดภัยด้วยรถอัจฉริยะไร้คนขับด้วยเช่นกัน ซึ่งโครงการนี้มีการทำงานโดยผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่าย ทั้งนักกฎหมาย เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บริโภค เพื่อให้มั่นใจว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะปลอดภัย และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000042960