เมื่อเร็วๆ นี้ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (แอลจี) เดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ “นวัตกรรมที่เปิดกว้าง หรือ open innovation” มุ่งสร้างสร้างนวัตกรรมหลากหลาย ด้วยการแตกธุรกิจสตาร์ทอัพ 2 บริษัท ได้แก่ อะแคนวาส (Acanvas) และ อินฟิท แอนด์ คอมพานี อิงค์ (Infit & Company Inc.)ที่นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีของแอลจีมาใช้ ทั้งสองบริษัทดำเนินการบริหารโดยอดีตพนักงานแอลจี ซึ่งพวกเขาต้องรับผิดชอบในการระดมทุนและด้านกลยุทธ์
อะแคนวาส (Acanvas) มุ่งพัฒนา อาร์ท สตรีมมิ่ง แพลทฟอร์ม (art streaming platform) หรือกรอบรูปภาพดิจิตอลที่สามารถเปลี่ยนกรอบและภาพศิลปะผ่านสัญญานไวไฟ ซึ่งในปัจจุบัน มีผลงานที่ศิลปะที่ถูกรวบรวมอยู่ในโลกออนไลน์ให้ผู้ใช้งานเลือกเปลี่ยนภาพและกรอบได้อย่างตามต้องการกว่า 1 ล้านผลงาน ล่าสุดอะแคนวาส เปิดตัวแคมเปญ “คิกส์สตาร์ทเตอร์” (http://bit.ly/1rYG7vj)เพื่อระดมทุนในการพัฒนา พร้อมมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายในทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปอื่นในปีต่อๆ ไป
ในขณะที่ อินฟิท แอนด์ คอมพานี อิงค์ (Infit & Company Inc.) เป็นบริษัทที่สร้างขึ้นสำหรับคิดค้นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยระบบประมวลผลภาพสำหรับการตรวจสอบอาการต่างๆ ภายในร่างกาย อาทิ โรคไขข้ออักเสบแทนการฉายรังสี ซึ่งบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะสามารถยกระดับของการรักษาพยาบาลไปอีกขั้น
เพื่อแสดงการสนับสนุนในแง่ของการลงทุน รวมการถึงลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจสตาร์ทอัพทั้ง 2 รายนี้ แอลจีมอบความเชื่อมั่นแก่พนักงานทุกคนที่สนใจเข้าทำงานในบริษัทก่อตั้งใหม่ทั้ง 2 แห่ง ด้วยการรักษาตำแหน่งพนักงานในบริษัทแอลจี และอนุญาตให้พนักงานสามารถกลับมาทำงานกับแอลจีอีกครั้ง ภายในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่เข้าร่วม นอกจากนี้ แอลจีจะยังคงขยายธุรกิจใหม่นี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมและเฟ้นหาความหลากหลายทางความคิดเพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจในรูปแบบของอะแคนวาสและอินฟิทให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยโครงการ แอลจี ไอเดีย พาวเวอร์ แพลนท์ (LG Idea Power Plant) เป็นอีกหนึ่งโครงการที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหา พร้อมสนับสนุนเงินทุนกว่า 10 ล้านวอนให้แก่ไอเดียที่ดีที่สุดพนักงานที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นธุรกิจได้จริงภายในระยะเวลา 5 เดือน
“สำหรับแอลจีแล้ว “โอเพ่น อินโนเวชั่น” ไม่ใช่แค่เพียงแนวคิดเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่สามารถปฏิบัติได้จริง” ดร. สก็อตต์ อันห์ ประธานบริหาร และประธานฝ่ายไอที บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ กล่าว “การให้อิสระแก่ 2 บริษัทสตาร์ทอัพในการบริหารจัดการโดยไม่ผ่านความคิดเห็นจากสำนักงานใหญ่นั้น เป็นการส่งสัญญานให้แก่นักพัฒนาและแก่สาธารณะว่า แอลจีจะไม่ยึดติดในสถานะเดิมๆ อีกต่อไป”