สถิติการจ้างงานโปรแกรมเมอร์ในอินเดียลดฮวบ หลังโลกเทคโนโลยียุคใหม่ก้าวสู่ยุคของ AI เข้ามาทำงานแทน ส่งผลให้ความต้องการโปรแกรมเมอร์น้อยลงอย่างมาก
จากที่เคยเป็นที่ต้องการของบริษัทเทคโนโลยีจากซีกโลกตะวันตก มาในวันนี้ บริษัทไอทีอินเดียอาจถึงคราวต้องปรับกลยุทธ์กันใหม่เสียแล้ว เพราะโปรแกรมเมอร์ราคาถูกที่เคยเป็นตัวชูโรงให้บริษัทไอทีหันมาลงทุนในอินเดีย กลายเป็นสินค้าตกยุค ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดอีกต่อไป โดยบริษัทที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากในครั้งนี้ คือ Tata Consultancy Services ของอินเดีย ซึ่งมีสถิติการจ้างงานลดลง 10.7 เปอร์เซ็นต์ในปีการเงินนี้ (สิ้นสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา) ปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานทั้งสิ้น 353,843 คน และมีกำไรลดลงเหลือเพียง 7.1 เปอร์เซ็นต์ จากที่เคยมีสูงถึง 29 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2011
บริษัทที่ได้รับผลกระทบมากเป็นอันดับ 2 คือ ค่าย Infosys ซึ่งเคยมีการจ้างงานถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ก็ลดลงเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา และรายได้ของบริษัทก็ลดลงจาก 26 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 9.1 เปอร์เซ็นต์ด้วย
แม้ว่าในภาพรวมมูลค่าของธุรกิจเอาต์ซอร์สด้านเขียนโปรแกรม และดูแลรักษาระบบของอินเดียยังคงสูงมากถึง 143 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีการจ้างงานโปรแกรมเมอร์ไว้มากกว่า 3 ล้านคน แต่การมาถึงของคลาวด์คอมพิวติ้ง, Big Data และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ก็เริ่มส่งผลกระทบต่ออาชีพโปรแกรมเมอร์ในอินเดียกันพอสมควร เพราะงานบางอย่างที่เคยจ้างโปรแกรมเมอร์ชาวอินเดียทำ ปัจจุบัน สามารถทำงานได้โดยระบบอัตโนมัติ แถมมีประสิทธิภาพมากกว่าเสียด้วย ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทไอทีอินเดียยังเจอการแข่งขันด้านราคา ทั้งจากคู่แข่งของตัวเอง และราคาที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับการพัฒนาระบบอัตโนมัติแทนแรงงานคนอีกต่างหาก
หลังจากนี้ ภาพที่อาจเกิดขึ้นต่อตลาดไอทีอินเดียคงหนีไม่พ้นการปลดพนักงานออก เหลือไว้แต่ตำแหน่งสำคัญ ๆ ส่วนงานที่ไม่สำคัญก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสัญญาจ้างแทนนั่นเอง ส่วนนักศึกษาจบใหม่ที่ต้องการหางานทำจะใช้ใบปริญญาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ก็อาจไม่การันตีว่าจะได้งานในอินเดียแล้ว โดยเทรนด์ในการหางานได้เปลี่ยนไปสู่การมีทักษะด้าน Big Data หรือ Cloud Computing ติดตัว หรือไม่ก็ต้องสามารถพัฒนา AI ได้แทน
คงต้องยอมรับว่า ตลาดไอทีนี้หากเปลี่ยนแปลงไม่ทันก็อาจกลายเป็นกบต้มสุกโดยไม่รู้ตัว ซึ่งตลาดไอทีอินเดียเป็นตัวอย่างได้ดีถึงแนวโน้มดังกล่าว
ที่มา: http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000056817