- ร้อยละ 69 ยอมรับว่ากลิ่นเหงื่อและกลิ่นกายเป็นกลิ่นที่พบเจอมากที่สุดในชีวิตประจำวัน
- ขณะที่ ร้อยละ 55 สูญเสียความมั่นใจทุกครั้งที่ได้กลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้าตนเอง จนนำไปสู่การหลีกเลี่ยงที่จะใกล้ชิดคนรอบข้าง
ดาวน์นี่ ผู้นำผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น เผยผลวิจัย 10 ปัญหากลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้าที่ผู้หญิงไทยพบเจอและเป็นกังวลมากที่สุดระหว่างวัน พบว่า 3 อันดับกลิ่นยอดฮิต คือ กลิ่นเหงื่อและกลิ่นกาย กลิ่นเหม็นจากอาหาร และกลิ่นควันรถ ตามลำดับ ขณะที่ร้อยละ 55 ต่างรู้สึกสูญเสียความมั่นใจทุกครั้งที่ได้กลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้าตนเอง
“ในฐานะผู้นำผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลก* ดาวน์นี่เข้าใจถึงความต้องการของ ผู้หญิงไทยเป็นอย่างดีว่าความสะอาด และกลิ่นหอมบนเสื้อผ้าของสมาชิกทุกคนในครอบครัว ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างไรก็ตาม บางคนก็อาจจะลืมสังเกตไปว่าในบางครั้งเราก็ไม่สามารถที่จะหลบเลี่ยงไม่เผิชญกับสถานการณ์ที่มาพร้อมกลิ่นเหม็นได้ เพื่อให้รู้ถึงที่มาของกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่มักพบเจอระหว่างวันมากที่สุด รวมถึงวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ผู้หญิงไทยมักกระทำ ดาวน์นี่จึงได้ทำการสำรวจกับกลุ่มผู้หญิงทั้งหมด 400 คน ทั้งกลุ่มแม่บ้านที่มีลูกอายุระหว่าง 5-15 ปี และกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานอายุระหว่าง 25-45 ปี พบว่า”
10 กลิ่นสุดทนที่สร้างความหงุดหงิดใจมากที่สุด
เมื่อถามถึงปัญหากลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้า 10 อันดับที่สร้างความหงุดหงิดมากที่สุดได้แก่ กลิ่นเหงื่อ กลิ่นอาหารปิ้งย่าง กลิ่นควันรถยนต์ กลิ่นบุหรี่ กลิ่นเหม็นอับชื้นบนเสื้อผ้าหลังจากฝนตก กลิ่นอาหารทอด กลิ่นสุกี้ยากี้ กลิ่นชาบู กลิ่นเหม็นจากศูนย์อาหาร และกลิ่นควันธูป
ร้อยละ 69 ยอมรับว่ากลิ่นเหงื่อและกลิ่นกายเป็นปัญหายอดฮิตอันดับ 1 ที่คนไทยพบเจอมากที่สุดในแต่ละวัน
จากผลสำรวจพบว่า กว่าร้อยละ 69 ยอมรับว่ากลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นกายถือเป็นปัญหากลิ่นเหม็นยอดฮิตที่มักติดอยู่บนเสื้อผ้าในระหว่างวันมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นจากอาหาร และกลิ่นควันรถ
กว่าร้อยละ 55 ให้ความเห็นว่ากลิ่นเหม็นที่ติดบนเสื้อผ้าคือตัวการสำคัญที่ทำสูญเสียความมั่นใจระหว่างวัน จนนำไปสู่การหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมใกล้ชิดกับคนในครอบครัว หรือคนรอบข้าง
เมื่อถามถึงความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมายหลังจากที่ได้กลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้าของตนเองในระหว่างวัน พบว่า ร้อยละ 55 รู้สึกสูญเสียความมั่นใจ ไม่สดชื่น และหงุดหงิดรำคาญใจ ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ทำให้กว่า ร้อยละ 24 ไม่กล้าที่จะทำกิจกรรมใดๆ กับคนรอบข้าง เนื่องจากกลัวคนรอบข้างจะได้กลิ่นเหม็นที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าของตนเอง ขณะที่ ร้อยละ 12 ไม่มั่นใจที่จะเข้าประชุมหรือพบเจอลูกค้า และร้อยละ 9 หลีกเลี่ยงการสวมกอดกับคนใกล้ชิด
ทิปส์แอนด์ทริคสุดฮิตในการกำจัดและหลบเลี่ยงกลิ่นเหม็นไม่ให้ติดบนเสื้อผ้า
และเมื่อถามถึงวิธีการที่คุณผู้หญิงมักใช้เพื่อให้เสื้อผ้าของตนมีกลิ่นหอมสดชื่นตลอดทั้งวัน พบว่า ร้อยละ 73 ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่เยอะกว่ากำหนดในขั้นตอนการซัก เพื่อให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมสดชื่นตลอดทั้งวัน และในบางครั้งเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเดินผ่าน หรือเข้าใกล้บริเวณที่อาจส่งผลให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ติดบนเสื้อผ้าในระหว่างวันได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเสื้อผ้ามีกลิ่นเหม็นติดแล้ว ผู้หญิงกว่า ร้อยละ 66 ทั้งในกลุ่มแม่บ้านและวัยทำงานเลือกที่จะพกขวดสเปรย์น้ำหอมไว้ในกระเป๋า เพื่อฉีดดับกลิ่นเหม็นระหว่างวัน หรือใช้วิธีการนั่งตากลมหรือเครื่องปรับอากาศให้กลิ่นเหม็นเบาบางลง และ บางครั้งถึงกับต้องนำเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยนในระหว่างวันทำงาน
จากผลสำรวจดังกล่าว ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่า ปัญหากลิ่นอันไม่พึงประสงค์บนเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นกลิ่นประเภทไหน ล้วนทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่รู้สึกสูญเสียความมั่นใจ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ถึงแม้จะมีวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากมายที่ผู้หญิงไทยเลือกใช้ แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดกลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้าให้หายไปได้จริง ซึ่งต่อไปนี้ ทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวล และไม่ต้องสรรหาวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอีกต่อไป เพราะผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มดาวน์นี่มาพร้อมสูตรใหม่ล่าสุดที่ถูกคิดค้นและพัฒนาเพื่อการแก้ปัญหากลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้าระหว่างวัน ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของดาวน์นี่ให้พลังต่อต้านที่สุดของ 10 กลิ่นเหม็นบนเสื้อผ้าให้จางหายไป หลงเหลือไว้แต่ความหอมสดชื่นที่ยาวนานกว่าเดิม เพื่อความมั่นใจของทุกคนในครอบครัวตลอดทั้งวัน