- นำหน้าด้วยปรัชญาการทำงาน “AP – The Differentiator” เอพีผู้สร้างความแตกต่างให้วงการอสังหาฯ กับบริบทใหม่ คุณภาพสูงสุดด้านการออกแบบพื้นที่ใช้สอยเพื่อการอยู่อาศัย
- นำหน้าด้วยศักยภาพครบรอบด้าน ทั้ง “ผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ” “ทีมงานคุณภาพ” และ “พันธมิตรคุณภาพ”
- เดินเกมส์ครึ่งปีหลัง นำหน้าทางธุรกิจ ด้วยแผนเปิดโครงการใหม่ 13 โครงการคุณภาพ มูลค่า 26,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมรับรู้รายได้ก้อนใหญ่ช่วงสิ้นปีกับแผนการส่งมอบคอนโดบิ๊กแพคมากถึง 8 โครงการ
- นำหน้าด้วยการเสริมแกร่งคุณภาพทุกระดับด้วย ‘AP Academy’ สถาบันอสังหาฯ คุณภาพ แห่งแรกในไทย ล่าสุดเตรียมพัฒนา ‘AP Checklist’ โดยร่วมกับ ‘MEC’ จัดทำคู่มือควบคุมและตรวจสอบคุณภาพการก่อสร้างในทุกขั้นตอน เพื่อการส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพ
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองที่เชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการดีไซน์ เพื่อพื้นที่ใช้สอยที่ไม่จำกัด โดยคุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยวิสัยทัศน์สู่การเติบโตในปีที่ 26 ของเอพี มุ่งสู่การเป็น 1 ใน 3 บริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่อยู่ในใจผู้บริโภค ด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มุ่ง “สร้างความแตกต่างด้วยคุณภาพ” ภายใต้หลักปรัชญาการทำงาน “AP – The Differentiator” ย้ำต้องเป็นรายแรกในการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ด้วยจุดแข็งศักยภาพความพร้อม ทั้ง “ผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ” “ทีมงานคุณภาพ” และ “พันธมิตรคุณภาพ” เตรียมเดินเกมส์รุกครึ่งปีหลังเปิดตัว 13 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมรับรู้รายได้ช่วงสิ้นปีกับแผนการส่งมอบคอนโดบิ๊กแพคมากถึง 8 โครงการ
คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “กลยุทธ์สู่ความสำเร็จในปีที่ 26 และต่อๆ ไป เอพี ไทยแลนด์ท้าทายตนเองไปอีกขั้น ด้วยเป้าหมายการมุ่งก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 บริษัท อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่อยู่ในใจผู้บริโภค โดยเรามีกลยุทธ์สู่ชัยชนะคือ ‘การมอบความแตกต่างด้วยคุณภาพ’ ด้วยหลักปรัชญาการทำงาน ‘AP – The Differentiator’ หรือเอพีผู้สร้างความแตกต่างให้วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ผ่านทั้งตัวสินค้าและบริการ ภายใต้ 4 แนวคิดหลัก 1) SPACE OPTIMIZATION แตกต่างในการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อพื้นที่ใช้สอยที่ไม่จำกัด 2) CONVENIENT แตกต่างในวิธีคิดที่ทุกพื้นที่ต้องเอื้อให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายทั้งในบ้านและนอกบ้าน และเชื่อมต่อทุกรูปแบบการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับคนเมือง 3) QUALITY มุ่งยกระดับคุณภาพสินค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้ผสานความร่วมมือกับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) พันธมิตรทางธุรกิจในการร่วมกันสร้าง AP CHECK LIST ขึ้น ซึ่งจะเป็นคู่มือสำคัญในการควบคุมการพัฒนาโครงการที่เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการออกแบบที่มีคุณภาพ ไปจนถึงขั้นตอนการก่อสร้างและกระบวน การตรวจสอบงานที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้จากทางญี่ปุ่น 4) HUMAN DEVELOPMENT มุ่งสร้างความแตกต่างทั้งระบบความคิดและการบริหารจัดการให้กับคนเอพีอย่างต่อเนื่อง ผ่าน AP ACADEMY สถาบันเพื่อการเรียนรู้ครบวงจรด้านอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกของไทย”
“เอพี (ไทยแลนด์) มีความพร้อมด้านศักยภาพในทุกๆ ด้านทั้งบุคลากรคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพที่ครบทุกความต้องการด้านการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมีเนียม บ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮม ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เรามีพันธมิตรทางธุรกิจที่มีคุณภาพ คือ ‘มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป’ (MEC) ที่มีอุดมการณ์เดียวกันในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าของการจับมือเป็นพันธมิตร มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มองภาพการร่วมทุนมากกว่าเรื่องของผลกำไรตอบแทน แต่คือความยินดีที่จะร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้กับทีมงานเอพีอย่างจริงใจ ตั้งแต่ความรู้ในเรื่องการออกแบบพื้นที่ใช้สอย กระบวนการก่อสร้างและการตรวจสอบคุณภาพงาน รวมไปถึงการขยายต่อองค์ความรู้ไปยังสถาบัน AP Academy และสิ่งหนึ่งที่การันตีถึงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาวได้อย่างชัดเจนคือ ทางมิตซูบิชิ เอสเตท ส่งพนักงานซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นของทางมิตซูบิชิ เอสเตทเองมานั่งประจำ ณ สำนักงานใหญ่เอพี จำนวน 4 คน เพื่อให้การทำงานและอำนาจการตัดสินใจสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าความร่วมมือดังกล่าวไม่เพียงจะช่วยส่งเสริมด้านการสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์อสังหาฯ ของ เอพีเท่านั้น แต่ยังจะมีส่วนช่วยเสริมยกระดับมาตรฐานอสังหาริม-ทรัพย์ไทยในภาพรวมอีกด้วย” คุณอนุพงษ์ กล่าว
สำหรับยอดขาย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 บริษัทฯ มียอดขายรวมเท่ากับ 13,200 ล้านบาท และในช่วงไตรมาส 3-4 บริษัทฯ มีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 26,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแนวราบมากถึง 10 โครงการ ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการ และทาวน์โฮม 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,800 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 15,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยเปิดตัวตามแผนงานที่วางไว้ และเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
นอกจากนั้นแล้วในช่วงไตรมาส 3-4 ยังถือเป็นช่วงที่เอพีมีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างพร้อมกันมากถึง 8 โครงการ ได้แก่ 1) Aspire งามวงศ์วาน มูลค่า 2,680 ล้านบาท 2) Vittorio มูลค่า 3,500 ล้านบาท 3) RHYTHM สุขุมวิท 42 มูลค่า 3,500 ล้านบาท 4) RHYTHM อโศก มูลค่า 1,500 ล้านบาท 5) Aspire วุฒากาศ มูลค่า 390 ล้านบาท 6) RHYTHM สุขุมวิท 36-38 มูลค่า 2,900 ล้านบาท 7) Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง มูลค่า 2,850 ล้านบาท และ 8) Aspire สาทร-ท่าพระ มูลค่า 3,500 ล้านบาท โดย 3 โครงการหลังเป็นคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับทาง MEC ซึ่งคาดว่าจะเริ่มพร้อมเปิดให้ลูกค้าเข้าตรวจรับห้องชุดและชมความสมบูรณ์ของโครงการได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม และพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ย้ายเข้าอยู่ได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกรฎาคม บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มากถึง 12,834 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแนวราบ มูลค่า 3,210 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 9,624 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้มูลค่าประมาณ 4,633 ล้านบาท และส่วนที่เหลือในปี 2560-2561 สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 8,602 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 981 ล้านบาท
“ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา เราภาคภูมิใจที่ได้เห็นลูกค้ามีความสุข ในทุกๆ วันเอพีได้สร้างให้อย่างน้อยหนึ่งครอบครัว มีความสุขกับการเป็นเจ้าของบ้านหลังใหม่ ซึ่งบ้านใหม่ที่ขายได้ในเมืองมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นของเอพี เรายึดมั่นในจุดยืนที่จะสร้างความแตกต่างให้กับวงการอสังหาฯ มาตั้งแต่เริ่มต้น กับการเป็นรายแรกที่ผู้บุกเบิกการทำ ‘ทาวน์โฮม’ ในเมือง หรือการเป็นรายแรกที่สร้างเทรนด์การอยู่อาศัยในคอนโดติดแนวรถไฟฟ้า”
“ผมเชื่อมั่นว่าเอพี ไทยแลนด์จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะเรามีทีมงานที่เก่ง และมี passion ในการทำงาน เรามีระบบที่ยอดเยี่ยมที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และเรายังมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเราไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาด้านคุณภาพ ศักยภาพ รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี ด้วยประสบการณ์ ความมั่นคงและวินัยทางการเงินที่เข้มงวด” คุณอนุพงษ์กล่าว
“เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย”