เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้เกือบ 1 ปีเต็มแล้ว สำหรับ “บ๊าวซ์” อาณาจักรแทรมโพลีนจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นเหมือนการออกกำลังกายประเภทหนึ่ง ได้รับความนิยมในต่างประเทศ แต่พอเข้ามาในเมืองไทยด้วยจังหวะที่เหมาะเจาะ ทำให้บ๊าวซ์ และแทรมโพลีนเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทย
“บ๊าวซ์ ประเทศไทย” เริ่มเปิดสาขาแรกเมื่อปลายปี 2558 ที่ห้างเดอะสตรีท รัชดาฯ ด้วยพื้นที่ 5,600 ตารางเมตร ใช้งบลงทุนพร้อมค่าไลเซนส์รวม 300 ล้านบาท วางจุดยืนเป็นแทรมโพลีน พาร์คระดับพรีเมียม ซึ่งจัดอยู่ในธุรกิจสปอร์ตเทนเมนต์ เป็นการออกกำลังกายเพื่อความสนุกสนาน ถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ในประเทศไทย ยังไม่มีมูลค่าตลาดที่ชัดเจน
อย่างที่กล่าวไปว่าเนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ การเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยจึงเลือกเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงเรียนนานาชาติ เพราะจะมีความคุ้นเคยและรู้จักกับแทรมโพลีนอยู่แล้ว ซึ่งลูกค้ากลุ่มหลักของบ๊าวซ์เป็นกลุ่มเด็กราว 80%
จากนั้นก็เริ่มทำให้บ๊าวซ์เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วยการ “สร้างกระแส” โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดีย และเซเลบริตี้ เพื่อให้คนที่ไม่เคยรู้จัก ได้รู้จักบ๊าวซ์ และแทรมโพลีนมากขึ้น ประกอบกับการเลือกโลเคชั่นที่อยู่ในศูนย์การค้า เพราะพฤติกรรมคนไทยมักใช้เวลาว่างในการเดินศูนย์การค้า และเดินทางสะดวกด้วย
ถ้ามองอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ๊าวซ์เป็นที่นิยมขึ้นมาก็เป็นเรื่องของกระแสสุขภาพด้วย ทาง “มาร์ค จอบบลิงค์” ประธานบริษัท เบ๊าซ์อิงค์ (ไทยแลนด์) จำกัด ถึงกับบอกว่า “ตอนที่บ๊าวซ์เข้ามาทำตลาดในไทยเป็นช่วงเวลาที่เหมาะด้วย เพราะคนไทยสนใจสุขภาพมากขึ้น และหันมาเล่นกีฬาแบบเอ็กซ์ตรีมมากขึ้น รวมถึงในยุคดิจิทัลที่เด็กๆ อาจจะติดเกมหรือโซเชียลมีเดีย ทำให้พ่อแม่ต้องหากิจกรรมอื่นๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ”
จากสาขาแรกที่เดอะสตรีทสามารถทำรายได้ถึงเดือนละ 13-15 ล้านบาท ในไตรมาสแรกของปี 2559 มีรายได้แล้ว 40 ล้านบาท ทำให้บ๊าวซ์ต้องรีบรุกตลาดมากขึ้นในขณะที่เหล็กยังร้อน เล็งที่จะเปิดอีก 2 สาขาในปีนี้ที่ ดิ เอ็มควอเทียร์ในเดือนกันยายน และเซ็นทรัลบางนาในเดือนธันวาคม พร้อมโซนกิจกรรมใหม่ด้วยงบลงทุน 250 ล้านบาท
สาขาดิเอ็มควอเทียร์มีพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 80 ล้านบาท และที่เซ็นทรัลบางนาพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 150 ล้านบาท และเปิดโซนกิจกรรมสนาม “เอ็กซ์พาร์ค” ที่สาขาเดอะสตรีทเพิ่มเติม เพื่อเป็นโซนสำหรับดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ คือกลุ่มวัยรุ่น และเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้เวลาอยู่ในบ๊าวซ์นานขึ้น ใช้งบลงทุน 20 ล้านบาท
จากนั้นในปี 2560 หรือปีหน้าค่อยขยายไปยังต่างจังหวัด สาขาแรกที่ได้เห็นจะเป็นที่เซ็นทรัลโคราช พื้นที่ 2,000 ตารางมเตร เปิดในช่วงเดือนกันยายน และมองทำเลต่อไปก็คือราชพฤกษ์ เจริญนคร และขอนแก่น กำลังอยู่ในช่วงกำลังพูดคุยกันอยู่
ส่วนในเรื่องของการแข่งขันในธุรกิจของแทรมโพลีนนั้น “สมพร นาคซื่อตรง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบ๊าซ์อิงค์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ประเมินว่า “ตอนนี้ในประเทศไทยมีผู้เล่นในตลาดนี้หลักๆ อีก 2 รายได้แก่ Rockin’ Jump และ Amped แต่จะอยู่ในโมเดลสแตนอโลน และบ๊าวซ์เองก็วางจุดยืนที่พรีเมียมกว่า ยึดในโลเคชั่นที่เป็นศูนย์การค้าเพื่อส่งเสริมแบรนด์”
ปัจจุบันบ๊าวซ์มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 25,000-30,000 คน/เดือน หรือถ้าคิดต่อวัน 600-800 คนในวันธรรมดา และ 1,200-2,000 คนในวันเสาร์–อาทิตย์ ซึ่งที่สาขาเดอะสตรีทจะรองรับลูกค้าได้ 240 คน/ชั่วโมง เอ็มควอเทียร์ 100 คน/ชั่วโมง และเซ็นทรัลบางนา 200 คน/ชั่วโมง
บ๊าวซ์ตั้งเป้ารายได้รวมในปีหน้า 400 ล้านบาท แบ่งเป็นสาขาเดอะสตรีท 200 ล้านบาท เอ็มควอเทียร์ 100 ล้านบาท และเซ็นทรัลบางนา 100 ล้านบาท และต้องมีการเติบโตเฉลี่ย 20% ในทุกปี