อะโดบีเผยโฉมนวัตกรรมด้านเวอร์ช่วลเรียลลิตี้, แอนิเมชั่น และ 3D ที่งาน IBC 2016

อะโดบี (Nasdaq:ADBE) เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ใน Adobe Creative Cloud และ Adobe Marketing Cloud ในงาน IBC ที่นครอัมสเตอร์ดัม  เพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับเนื้อหาคอนเทนต์ความเร็วสูงบนแพลตฟอร์มรุ่นใหม่และรุ่นเก่า อะโดบีจะนำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี VR, 3D, โมชั่นกราฟิก และแอนิเมชั่น ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้วยเครื่องมือต่างๆ เพื่อนำเสนอ ตรวจวัด และสร้างรายได้จากคอนเทนต์บนทีวีและภาพยนตร์บนหน้าจอที่หลากหลาย  ที่งาน IBC อะโดบีจะสาธิตความก้าวหน้าเหล่านี้ที่สแตนด์ 7.G27 ในศูนย์ประชุม RAI Amsterdam Convention Center และที่บูธของพันธมิตรกว่า 107 ราย ระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน

นาย บิล โรเบิร์ต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ของอะโดบี กล่าวว่า “อะโดบีให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สร้างวิดีโอทุกประเภท ตั้งแต่สถานีโทรทัศน์และสตูดิโอภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ ไปจนถึงผู้เผยแพร่วิดีโอบนยูทูบ และแบรนด์ต่างๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยม ในขั้นตอนของการสร้างเรื่องราวในวิดีโอ แนวคิดมากมายจะต้องเปลี่ยนย้ายไปมาระหว่างเครื่องมือ เทคโนโลยี และทีมงานต่างๆ อย่างไร้รอยต่อ  โซลูชั่นแบบหลายหน้าจอ (Adobe’s multiscreen solution) ของอะโดบีช่วยให้บริษัทต่างๆ เชื่อมต่อกับผู้ชมได้ในลักษณะที่สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละบุคคล ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและปรับใช้เทคโนโลยีที่น่าประทับใจ เช่น 3D, VR และ AR”

บริษัทตัดต่อวิดีโอ ตั้งแต่ฮอลลีวูด ไปจนถึงซันแดนซ์ (Sundance) และยูทูบ (YouTube) ใช้ประโยชน์จากAdobe Creative Cloud ในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ โดยผลงานล่าสุดคือภาพยนตร์เรื่อง Pete’s Dragonของดิสนีย์ รวมไปถึงผลงานของผู้สร้างรุ่นใหม่ๆ เช่น SmoshRocketJump และ SoKrispyMedia  ขณะที่สถานีโทรทัศน์สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการใช้โปรแกรม Character Animator เพื่อเพิ่มชีวิตชีวาให้กับตัวการ์ตูนในเรื่อง The Simpsons และ Cartoon Donald Trump ในรายการโทรทัศน์ The Late Show with Stephen Colbert

นอกจากนี้ NBC Sports ยังได้ใช้โซลูชั่น Adobe Marketing Cloud เพื่อรองรับการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส์ ริโอ 2016 ผ่านช่องทางดิจิตอลอีกด้วย

นายเดวิด โลเวรี ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Pete’s Dragon ของดิสนีย์ กล่าวว่า “ผมชอบที่เราสามารถรวมทุกสิ่งไว้บนแพลตฟอร์มเดียวกัน โดยโปรแกรมต่างๆ ทั้งหมดภายใน Adobe Creative Cloud สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารถึงกันได้อย่างกลมกลืน และสำหรับโปรเจ็กต์ในอนาคตทั้งหมด ผมตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากเวิร์กโฟลว์ดังกล่าว ซึ่งจะช่วยรองรับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ขับเคลื่อนอนาคตของ VR, 3D และแอนิเมชั่น

ด้วยการพัฒนาต่อยอดฟีเจอร์ VR ซึ่งเปิดตัวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดอะโดบีเตรียมนำเสนอนวัตกรรมเพิ่มเติมใน Premiere Pro CC รุ่นถัดไป รวมถึง VR ที่มีการรับรู้โดยอัตโนมัติ ซึ่งตรวจจับและปรับใช้การตั้งค่าที่ถูกต้องอย่างกลมกลืนสำหรับสื่อที่เป็นภาพสเตอริโอ (Stereoscopic) และภาพโมโน (Monoscopic)  ความสามารถต่างๆ ใน Adobe Primetime ช่วยให้บริษัทสื่อสามารถใช้ประโยชน์จาก VR ได้อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน และนำเสนอประสบการณ์การรับชมระดับพรีเมียม  ความสามารถที่ว่านี้หมายรวมถึงการสนับสนุนการเล่นวิดีโอ การใส่โฆษณาแบบไดนามิก และการปกป้องเนื้อหาคอนเทนต์ผ่านทาง Virtual Reality Digital Rights Management (VRDRM) ของอะโดบี

เพื่อเร่งการสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ 3 มิติ อะโดบีจะนำเสนอเอนจิ้นการแสดงผล 3 มิติที่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการสร้างคอนเทนต์ 3 มิติ  นอกจากนี้ ศิลปินยังสามารถสร้างองค์ประกอบ 3 มิติที่แก้ไขได้ เช่น เลเยอร์ข้อความและรูปทรง จากภายใน After Effects CC ด้วยเทคโนโลยีใหม่ Cinerender จากMAXON  การสร้างหุ่นและทำให้เคลื่อนไหวด้วยโปรแกรม Character Animator ซึ่งเป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับการบันทึกความเคลื่อนไหวจากอะโดบี จะปรับปรุงดีขึ้นด้วยการเรียกใช้ฟังก์ชั่นที่รวดเร็วและง่ายดายมากขึ้นระหว่างโปรแกรม Adobe Photoshop CC และ Adobe Illustrator CC

เวิร์กโฟลว์แบบครบวงจรที่ทรงพลังและการปรับปรุงประสิทธิภาพ

ด้วย Adobe Creative Cloud ทีมงานฝ่ายตัดต่อจะสามารถย้ายไปมาระหว่างแอพพลิเคชั่นได้อย่างอิสระ โดยไม่ก่อให้เกิดการหยุดชะงักต่อเวิร์กโฟลว์งานสร้างสรรค์  ฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน Creative Cloud และ Marketing Cloud ช่วยให้บริษัทสื่อและผู้สร้างคอนเทนต์ดึงดูดผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นบนทุกหน้าจอ:

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก (เร็วขึ้นถึง 6 เท่า) ด้วยวิดีโอ Adobe Stock ตามผลการศึกษาฉบับล่าสุดของ Pfeiffer Consulting ซึ่งเปรียบเทียบการใช้วิดีโอกับ Adobe Stockและบริการสต็อกอื่นๆ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยการเล่นแบบเรียลไทม์ในสถาปัตยกรรมตัวอย่างวิดีโอ After Effects ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เล่นวิดีโอ Raw ในแบบเรียลไทม์ จึงไม่จำเป็นต้องแคชข้อมูลก่อนที่จะดูตัวอย่างวิดีโอ  เอฟเฟ็กต์ที่เร่งความเร็วด้วย GPU จะช่วยให้เรนเดอร์องค์ประกอบต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น
  • เครื่องมือ Lumetri Color ที่ละเอียดมากขึ้นใน Premiere Pro CC รองรับคำอธิบายข้อมูลHDR10 สำหรับการตัดต่อและนำเสนอ HDR10 สำหรับทีวีและจอแสดงผลรุ่นใหม่ที่รองรับ HDRพร้อมทั้งขยายการสนับสนุนสำหรับคำอธิบายข้อมูลสี จึงเพิ่มความแม่นยำในการแสดงผลภาพที่สดใส
  • คำอธิบายภาพและซับไตเติลที่ปรับปรุงดีขึ้นใน Premiere Pro CC ช่วยให้ผู้ใช้สร้างและปรับแต่งคำอธิบายภาพ เพื่อเพิ่มชีวิตชีวาให้กับตัวอย่างวิดีโอที่เล่นโดยอัตโนมัติบน Facebook ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ภาษาแตกต่างกัน หรือปรับปรุงความสะดวกในการเข้าถึงสำหรับผู้ชมที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
  • ข้อมูลวิเคราะห์ที่ใช้งานได้จริงใน Adobe Analytics for Video ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจวัดสตรีมวิดีโอ แทนที่จะตรวจวัดได้เพียงแค่การเริ่มและหยุดวิดีโอเท่านั้น จึงให้ข้อมูลที่รอบด้านเกี่ยวกับการรับชมวิดีโอ
  • การรับชมที่รองรับโฆษณาบนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้รับการสนับสนุนใน Adobe Primetime ช่วยให้บริษัทสื่อสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ราบรื่นและเปี่ยมด้วยคุณภาพ ด้วยการผสานรวมคอนเทนต์และโฆษณาเข้าไว้ด้วยกันในสตรีมเดียว

การประสานงานร่วมกันสำหรับทีมงานที่เชื่อมต่อถึงกัน

อะโดบีจะจัดแสดงบริการใหม่สำหรับการทำงานร่วมกันภายใต้ชื่อบริการ Team Projects ซึ่งจะแก้ไขปัญหาท้าทายในการทำงานร่วมกับผู้ตัดต่อและนักออกแบบคนอื่นๆ สำหรับโครงการและเครื่องมือที่หลากหลาย บริการ Team Projects พัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยี Adobe Anywhere โดยผสานรวมฟีเจอร์ด้านการทำงานร่วมกัน เช่น การควบคุมเวอร์ชั่น และการแก้ไขข้อขัดแย้งอย่างชาญฉลาด และช่วยให้ผู้ตัดต่อและศิลปินด้านโมชั่นกราฟิกทำงานไปพร้อมๆ กันภายใน Adobe Premiere Pro CC, After Effects CC และ Adobe Prelude CC  นอกจากนั้น ข้อมูลใน Team Projects จะถูกโฮสต์ไว้อย่างปลอดภัยในระบบคลาวด์ และไฟล์สื่อที่ Team Projects อ้างอิงอาจเป็นไฟล์ต้นฉบับที่เก็บไว้ในเครื่องหรือบนพร็อกซี่ที่ใช้งานร่วมกัน

วิดีโอ

ลิงค์ที่มีประโยชน์

เกี่ยวกับบริษัทอะโดบี ซีสเต็มส์ อินคอร์เปอร์เรทเต็ต

อะโดบีเปลี่ยนโลกผ่านประสบการณ์ด้านดิจิตอล รายละเอียดเพิ่มเติม www.adobe.com/sea