ในวันนี้ที่งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของสนามเด็กเล่นในร่ม Funarium Zpell ที่ศูนย์การค้า Zpell @ Future Park “คุณแม่โบว์ แวนด้า” ควงคู่มาพร้อม “น้องมะลิ” แจกความน่ารักสดใส ให้พี่ๆ นักข่าวและบรรดาแฟนคลับได้เซลฟี่กันด้วยบรรยากาศของความสนุกสนาน ทำให้หลายคนนึกอยากย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกสักครั้ง
แม้ช่วงเวลาของการเป็นเด็กจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยลืมเลือนรสชาติความสนุกของชีวิตในวัยนั้น ทุกครั้งที่ได้ออกไปวิ่งเล่น กระโดดน้ำ ขี่จักรยาน ฯลฯ ก็รู้สึกมีความสุขจนแทบไม่ต้องกินไม่ต้องนอน
วันนี้ผมได้รับอนุญาตให้ย้อนเวลาเหล่านั้นให้กลับคืนมาอีกครั้ง ด้วยการทดลองเล่นเครื่องเล่นทุกอย่างภายใน Funarium ได้อย่างเต็มที่ จนกว่าจะหมดแรง เอาที่สบายใจ เลยถือวิสาสะใช้โอกาสนี้เขียนมินิรีวิวมาให้อ่านกัน
Funarium เปิดให้บริการครั้งแรก เมื่อปี 2552 ที่สุขุมวิท ถือเป็นสนามเด็กเล่นในร่มและศูนย์พัฒนาพหุปัญญาเด็กที่ใหญ่ที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ หลากหลายครอบครัวได้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ด้วยสถานที่ที่มีการดูแลความสะอาดและระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอย่างสูงสุด ทำให้ Funarium กลายเป็นเดสติเนชั่นที่หลายครอบครัวชื่นชอบ และพากันมาทำกิจกรรมในวันว่างอยู่ตลอด จนได้รับรางวัลสถานที่สันทนาการสำหรับครอบครัวยอดเยี่ยมจาก tripadvisor.com ในปี 2558 และ 2559
จากความสำเร็จดังกล่าวทางศูนย์การค้าฯ Zpell จึงไม่รอช้า จัดสรรพื้นที่ในโซน PlayZene กว่า 1,600 ตารางเมตรเพื่อให้ชาวกรุงเทพตอนเหนือ ได้เข้ามาใช้บริการ Funarium ที่ Zpell กันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
โดยสั่งตรงเครื่องเล่นนำเข้ามาจากอังกฤษ พร้อมการติดตั้งที่ได้มาตรฐานยุโรป มีโซนการเล่น 2 ส่วนคือโซนสำหรับเด็กเล็ก หัดคลานหรือเดินบนพื้นนุ่มๆ สะอาดปลอดภัย และโซนเด็กโตตั้งแต่ 4-13 ปี ซึ่งมีขนาดใหญ่เพียงพอ ที่สามารถให้ผู้ปกครองเข้าไปปีนป่าย วิ่ง กระโดด ใช้เวลาแห่งความสนุกไปพร้อมๆ กับลูกหลานได้ด้วย
ก่อนจะเข้าไปในโซนเครื่องเล่น ก็ต้องปฏิบัติตนเพื่อรักษาความสะอาดตามกฎระเบียบกันก่อน ด้วยการสวมถุงเท้าก่อนเข้าไปในโซนเครื่องเล่น และฝากสัมภาระกระเป๋า ไว้ในตู้ล็อกเกอร์ที่ทาง Funarium ได้จัดไว้ให้ใช้ฟรี โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม
ด่านแรกที่เข้าไปลองก็คือโซนกระโดดเด้งดึ๋งบนแทรมโบลีน แค่เด้งไปเด้งมาก็ว่าสนุกแล้ว ภายในส่วนนี้ยังติดตั้งแป้นบาสเอาไว้ให้กระโดดชู๊ตทดลองความแม่นยำกันอีกด้วย แน่นอนอยู่แล้วว่า ชายที่ได้รับการขนานนามว่าไมเคิล จอร์แดนแห่ง SEA อย่างผม (มโนเองล้วนๆ) ต้องไม่พลาดการกระโดดสแลมดังค์เกาะห่วงทำแต้มสุดเท่ ได้ฟีลลิ่งแบบนักบาส NBA มากๆ
ด่านสองก็คือเก๋ไก๋สไลเดอร์ ความสูง 5 เมตร ระดับความสนุกอันนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะด้วยอายุอานามของชีวิตผมที่ผ่านมาไกลขนาดนี้ พูดเลยว่าเคยผ่านเครื่องเล่นที่เสียวกว่านี้มามากกว่าสิบครั้ง สำหรับผมจึงไถลจากบนลงล่างด้วยอารมณ์เนิบช้าและสุนทรีย์
อันต่อมาเป็น Ball Shower ที่ให้เด็กๆ แข่งกันนำลูกบอลหลากสีเข้าไปในท่อดูดขึ้นไปเก็บไว้ด้านบน พอเต็มได้ที่แล้วก็กดปล่อยลูกบอลให้ตกลงมาใส่หัวพวกเรา สร้างความสนุกสนานเฮฮากันยกใหญ่
มาถึงเครื่องเล่นที่ผมชื่นชอบที่สุด (ความเห็นส่วนตัว) นั่นก็คือสไปเดอร์สไลเดอร์ ไม่รู้ว่าเรียกชื่อถูกรึเปล่า จำไม่ค่อยได้ ลักษณะการเล่นคือต้องมุดปีนป่าย ดึงตัวผ่านชั้นไยแมงมุมจากล่างขึ้นบน เมื่อถึงจุดสูงสุดก็ทิ้งตัวผ่านท่อสไลเดอร์ลงสู่ด้านล่าง เล่นอันนี้เสร็จถึงกับหอบแฮ่ก ต้องขอตัวออกไปนั่งพักตรงโซน Fun Cafe เลยทีเดียว
ไหนๆ ก็พักแล้วเลยสั่งน้ำกะของกินมานั่งเคี้ยวเล่นฆ่าเวลาไปพลางๆ เมนูอาหารก็มีอยู่หลากหลาย มีทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ พนักงานก็แต่งกายรัดกุม ดูสะอาดสะอ้าน ถูกสุขอนามัยมากๆ ที่นี่ให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก
นอกเหนือจากโซนเครื่องเล่นแล้ว ภายใน Funarium Zpell ยังมีกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆให้ได้ทำกันทั้งครอบครัวด้วย เช่นการนำวัสดุเหลือใช้ มาประดิษฐ์เป็นงานฝีมือต่างๆ Cooking Class เรียนรู้การทำอาหารแบบง่ายๆ กิจกรรมวาดภาพระบายสี ที่จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการและสานสัมพันธ์ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี
พูดถึงเรื่องพัฒนาการในเด็กและทฤษฎีพหุปัญญา ดร.เฮาเวิร์ด การ์ดเนอร์ จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้เผยแพร่แนวคิดที่ว่า เชาวน์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่มีอยู่อย่างหลากหลายถึง 8 ประเภทด้วยกัน (จริงๆ อาจจะมีมากกว่านี้) คนแต่ละคนจะมีความสามารถเฉพาะด้านที่แตกต่างไปจากคนอื่น และมีความสามารถในด้านต่างๆ ไม่เท่ากัน ความสามารถที่ผสมผสานกันออกมา ทำให้บุคคลแต่ละคนมีแบบแผนซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลนี้จะไม่อยู่คงที่ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม ซึ่งเชาวน์ปัญญาทั้ง 8 ด้าน ตามแนวคิดของการ์ดเนอร์ มีดังนี้
1.เชาวน์ปัญญาด้านภาษา (linguistic intelligence) เชาวน์ปัญญาด้านนี้ถูกควบคุมโดยสมองส่วนที่เรียกว่า “broca’s area” สติปัญญาด้านนี้แสดงออกทางความสามารถในการอ่าน การเขียน การพูดอภิปราย การสื่อสารกับผู้อื่น การใช้คำศัพท์ การแสดงออกของความคิด การประพันธ์ การแต่งเรื่อง
2.เชาวน์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการให้เหตุผลเชิงตรรกะ (logical mathematical intelligence) ผู้ที่มีอัจฉริยภาพด้านการให้เหตุผลเชิงตรรกะ มักจะคิดโดยใช้สัญลักษณ์ มีระบบระเบียบในการคิด ชอบคิดวิเคราะห์ แยกแยะสิ่งต่างๆ ให้เหตุผล ชอบและทำคณิตศาสตร์ได้ดี
3.สติปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (spatial intelligence) เชาวน์ปัญญาด้านนี้ถูกควบคุมโดยสมองซีกขวา และแสดงออกทางความสามารถด้านศิลปะ การวาดภาพ การสร้างภาพ การคิดเป็นภาพ การใช้สีการสร้างสรรค์งานต่างๆ และมักจะเป็นผู้มองเห็นวิธีแก้ปัญหาในมโนภาพ
4.เชาวน์ปัญญาด้านดนตรี (musical intelligence) เชาวน์ปัญญาด้านนี้ถูกควบคุมโดยสมองซีกขวา แต่ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้ บุคคลที่มีสติปัญญาทางด้านนี้ จะแสดงออกทางความสามารถในด้านจังหวะ การร้องเพลง การฟังเพลงและดนตรี
5.เชาวน์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ (bodily–kines-thetic intelligence) เชาวน์ปัญญาด้านนี้ถูกควบคุมโดยสมองส่วนที่เรียนว่าคอร์เท็กซ์ โดยด้านซ้ายควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายซีกขวา และด้านขวาควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายซีกซ้าย สติปัญญาทางด้านนี้สังเกตได้จากความสามารถในการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น ในการเล่นกีฬา และเกมต่างๆ การใช้ภาษาท่าทาง การเต้นรำ
6.เชาวน์ปัญญาด้านการสัมพันธ์กับผู้อื่น (interpersonal intelligence) เชาวน์ปัญญาทางด้านนี้ ถูกควบคุมโดยสมองส่วนหน้า ความสามารถที่แสดงออกทางด้านนี้ เห็นได้จากการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การทำงานกับผู้อื่น การเข้าใจและเคารพผู้อื่น
7.เชาวน์ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (intrapersonal intelligence) บุคคลที่มีความสามารถในการเข้าใจตนเอง มักเป็นคนที่ชอบคิด พิจารณา ไตร่ตรอง มองคนเอง และทำความเข้าใจถึงความรู้สึกและพฤติกรรมของตนเอง มักเป็นคนที่มั่นคงในความคิดความเชื่อต่างๆ จะทำอะไรมักต้องการเวลาในการคิดไตร่ตรอง
8.เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ (naturalist intelligence) เชาวน์ปัญญาด้านนี้ เป็นความสามารถในการสังเกตสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ การจำแนกแยกแยะ จัดหมวดหมู่ สิ่งต่างๆ รอบตัว บุคคลที่มีความสามารถทางด้านนี้ มักเป็นผู้รักธรรมชาติ เข้าใจธรรมชาติ ตระหนักในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมรอบตัว และมักจะชอบและสนใจสัตว์
ซึ่งกิจกรรมทั้งหลายภายใน Funarium นี้ สามารถส่งเสริมเชาวน์ปัญญาของเด็กๆ ได้ในหลากหลายด้าน พลังของการ “เล่น” ที่ถูกต้องเหมาะสมนั้น นอกจากจะนำมาซึ่งความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยหล่อหลอมให้ลูกหลานของเราเติบโตไปเป็นคนที่มีคุณภาพได้ในอนาคต วันหยุดที่จะถึงนี้อย่าลืมให้ความสำคัญกับช่วงเวลาของการ “เล่น” ของลูกหลานท่านด้วยนะครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/FunariumZpell