“อาร์เอส” เปิดความสำเร็จปี 59 รับอานิสงค์วางโพซิชั่นนิ่งช่อง 8 ชัดเจน ดัน “ผู้ชม-ลูกค้า” ชัดเจนไปด้วย ชี้ “ข่าว-มวย” พระเอกชูโรงดันเรตติ้งอันดับหนึ่งของกลุ่มรายการนั้นๆ ล่าสุด ส่ง “ปากท้องต้องรู้” เจาะกลุ่มชาวบ้านร้านตลาด พร้อมคืนผังปกติยิงสดมวยแล้ว
นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) มองว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนใหญ่ที่เข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มทีวีดิจิตอลบางช่องเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ส่งผลให้บริษัทต่างๆ ต้องใช้งบประมาณด้านตลาดด้วยความระมัดระวัง สวนทางกับภาพรวมการแข่งขันธุรกิจดิจิตอลทีวีที่รุนแรง ดูได้จากหลายช่องใส่คอนเทนต์รัวๆ หวังดึงดูดสายตาคนดูดันเรตติ้งเพิ่มขึ้น แต่กลับกลายเป็นแบกภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งหากช่องใดไม่มีความพร้อมทางด้านเงินทุนและคอนเทนต์ก็จะอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากมีค่าใบอนุญาตและค่าเช่าโครงข่ายฯ แล้ว ยังมีค่าบุคลากร ค่าผลิตรายการหรือค่าลิขสิทธิ์ที่ซื้อรายการอีกด้วย ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากเม็ดเงินโฆษณากลับยังไม่ฟื้นเต็มที่ ยืนยันได้จากการรายงานตัวเลขการใช้งบผ่านสื่อของ เอจีบี นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ระบุว่า ภาพรวมโฆษณา 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปีนี้ติดลบ 9.36% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งแม้สื่อทีวีจะครองส่วนแบ่งการตลาดงบโฆษณาสูงสุด ก็ยังลดลงถึง 14.4% แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าแนวโน้มไตรมาสแรกของปี 2560 จะดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านโครงการต่างๆ และการผ่อนคลายของสถานการณ์บ้านเมือง ทำให้บริษัทต่างๆ กลับมาใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้น
“เราบอกไม่ได้ว่าช่องไหนมีกำลังพร้อมจะสู้ พร้อมจะขาดทุนได้เท่าไหร่ หรือช่องไหนพร้อมจะยอมแพ้ พร้อมจะถอดใจเมื่อไหร่ เราไม่รู้ สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพทุนของแต่ละช่อง บางช่องยอมขาดทุนก็ว่ากันไป ซึ่งการขาดทุนบนหน้ากระดาษย่อมต่างจากการเห็นกระแสเงินสดของตนเองไหลออกไปทุกเดือนแบบไม่เหลือสินทรัพย์ใดๆ ไว้ให้ดูต่างหน้า เพราะแต่ละเดือนที่ผ่านไปก็เหมือนการเผาเงินทิ้งไปในอากาศ แล้วการลงทุนในธุรกิจสื่อส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน แต่ถ้ามองในมุมผลประกอบการอย่างเดียวพอจะได้คำตอบอยู่ เพราะเม็ดเงินโฆษณาส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่กับผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่สามารถทำเรตติ้งติดอันดับต้นๆ
ในส่วนของอาร์เอสมีการวางแนวทางทำธุรกิจชัดเจน เรามองว่าเรตติ้งระหว่างทางไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จ แต่การบริหารต้นทุนควบคู่ไปกับการสร้างรายได้น่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญกว่า โดยตั้งโจทย์การทำธุรกิจอยู่ที่การแข่งขันทางด้านคอนเทนต์เป็นหลัก เพื่อดึงให้ผู้ชมใช้เวลารับชมรายการของช่องนานขึ้น ทำให้ในปี 2559 ได้เห็นภาพช่อง 8 วางโพซิชันนิ่งตัวเองชัดเจน “เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์” เพื่อตอกย้ำคาแร็กเตอร์จัดจ้าน เนื้อหาเข้าใจง่าย ส่งผลให้มีกลุ่มผู้ชมและลูกค้าสามารถเลือกสินค้าที่เข้ามาซื้อเวลาโฆษณาชัดเจนตามไปด้วย ส่งผลให้มีเรตติ้งอยู่อันดับเบอร์ต้นๆ เป็นตำแหน่งที่สามารถช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณาจากตลาดได้แล้ว โดยในรอบปีที่ผ่านมาคอนเทนต์ “ข่าว” และ “มวย” เป็นกลุ่มรายการที่โดดเด่นของทางสถานี วัดได้จากสามารถทำเรตติ้งทะยานสู่อันดับ 1 ของกลุ่มคอนเทนต์นั้นๆ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ล่าสุด ได้เติมคอนเทนต์ข่าวเพิ่มหนึ่งรายการ คือ “ปากท้องต้องรู้” ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 16.00 น. เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายชาวบ้านร้านตลาด เพราะเป็นรายการข่าวที่เน้เรื่องเศรษฐกิจให้ดูง่าย เข้าใจง่ายสไตล์คุยข่าวเล่าสาระเรื่องราวปากท้องพร้อมวางคอนเซปต์การนำเสนอข่าวที่ชัดเจนในแต่ละวัน ได้แก่ วันจันทร์จะบุกทุกตลาดตั้งแต่ตลาดสดจนถึงตลาดนัด พร้อมรายงานราคาข้าว ทอง หุ้น ส่วนวันอังคารเน้นเรื่องแนะนำอาชีพหนทางทำกำไร สำหรับวันพุธรับเรื่องราวการร้องทุกข์ของชาวบ้าน ขณะที่วันพฤหัสบดีจะสอดส่องเรื่องของกินแนะนำของอร่อยทั่วทุกทิศ และสุดสัปดาห์วันศุกร์จะพาไปเจาะสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจพร้อมประเพณีท้องถิ่น โดยมี “ทิฆัมพร อยู่กำเหนิด” และ “ภัคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์” รับหน้าที่ดำเนินรายการ
นอกจากนี้ ได้กลับมาถ่ายทอดสดรายการมวยตามผังปกติแล้ว เพื่อเอาใจคอมวยต่อเนื่องต่อไป ได้แก่ 8 MAX มวยไทย ทุกวันอาทิตย์ เวลา 19.20น. มีกระแสตอบรับดีเกินคาดทั้งจากคอมวยและคนทั่วไปที่ไม่ชอบมวยแต่ก็ติดใจตามดู เพราะเป็นโลคอลคอนเทนต์คุณภาพที่สร้างคาแรกเตอร์ชัดเจนไม่ซ้ำแบบใคร เนื่องจากนำนักมวยไทยมาชกกับคนต่างชาติเพียง 3 ยกพร้อมแต่งเติมสีสัน แสง เสียงเต็มรูปแบบ, เดอะแชมเปี้ยน มวยไทยตัดเชือก ทุกวันเสาร์ เวลา 19.20น., มวยไทยแบทเทิล ค่ายชนค่าย ทุกวันศุกร์ เวลา 18.00น.รวมไปถึงรายการมวยระดับโลกที่ได้ลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสดๆ เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง อย่างมวยโลก ช่อง 8 HBO Boxing และ UFC มวยกรง 8 เหลี่ยม
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้เติมคอนเทนต์วาไรตี้เพิ่มอีกหนึ่งรายการ คือ “English (อิงลิช) สะกิดต่อมฮา” ทุกวันเสาร์เวลา 13.00น. เพื่อจับกลุ่มครอบครัวดูได้ทุกเพศทุกวัยในวันหยุดของสัปดาห์ ถือเป็นเกมโชว์ภาษารายการแรกของเมืองไทย โดยได้ติวเตอร์สุดฮอตอย่าง “อาจารย์อดัม แบรดชอว์” มารับหน้าที่พิธีกรคู่กับ “พล่ากุ้ง-วรชาติ ธรรมวิจินต์