บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ว่าที่ประชุม มีมติที่เกี่ยวเนื่องกับการเข้าลงทุนในธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด จำนวน 4.9 แสนหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 70% จากบริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ จำกัด จำนวน 2.45 แสนหุ้น และบริษัท ธนวรินทร์ จำกัด จำนวน 2.45 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 630 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 308.7 ล้านบาท
บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสิ่งพิมพ์และสื่อโฆษณา โดยเนื้อหาของสื่อจะเน้นความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ และบุคคลที่น่าสนใจในสังคม โดยมีคอลัมน์ main course เป็นสกู๊ปหลักที่มีเนื้อหาแตกต่างกันในแต่ละเดือน หยิบเอาเรื่องในสังคมที่กำลังเป็นที่นิยม มาสื่อสารด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์และเข้าถึงง่าย นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาอัพเดตวงการความคิดสร้างสรรค์ของโลก สัมภาษณ์บุคคลที่น่าสนใจในวงการศิลปะและครีเอทีฟ โดยมีหนังสือและนิตยสารที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ a day, a day bulletin, Hamburger และ a book เป็นต้น
อีกทั้ง บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด ยังเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น a day BIKE FEST เทศกาลจักรยานสำหรับคนรักจักรยานประจำปี โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นเทศกาลจักรยานแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต และรายการ Human Run มหกรรมวิ่งประจำปี ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้น
บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด ยังถือหุ้น 60% ใน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เน็ก แอนด์ เดอะ ซิตี้ จำกัด และบริษัท อีส แอม อาร์ ดอทเน็ท จำกัด โดยบริษัท เน็ก แอนด์ เดอะ ซิตี้ จำกัด ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ รับจัดงานอีเวนต์ และงานเปิดตัวสินค้าทุกชนิด โดยมีนายเกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หรือที่รู้จักในนามว่า “น้าเน็ก” เป็นพิธีกรในการดำเนินรายการ เช่น รายการ Tonight’s the Night รายการโจ๊ะ และรายการโคตรตอแหล เป็นต้น ขณะที่บริษัท อีส แอม อาร์ ดอทเน็ท จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการวางแผนงานด้านโฆษณาทางสื่อออนไลน์ทุกประเภท
POLAR ได้ว่าจ้างบริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด ประเมินมูลค่าหุ้นสามัญของบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสดอยู่ที่ 373.63 ล้านบาท ขณะที่การเข้าซื้อหุ้นในบริษัทดังกล่าว จะทำให้สามารถรับรู้รายได้และผลกำไรทันที โดยบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด ยังมีกำไรสะสมที่สามารถนำมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่บริษัทได้ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถได้รับผลตอบแทนจากากรลงทุนในระยะเวลาอันใกล้
คณะกรรมการบริษัท เห็นว่าการเข้าลงทุนครั้งนี้มีความสมเหตุสมผล และเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้น อีกทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และมีการแข่งขันสูง และต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาโครงการที่ค่อนข้างนานกว่าที่จะสามารถรับรู้รายได้จากการประกอบกิจการได้