งานแสดงเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค Consumer Electronics Show หรือ CES ถือเป็นงานประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับปี 2017 เป็นงานครั้งที่ 50 ที่จะปรากฏสู่สายตาผู้ร่วมชมงานกว่า 165,000 คน ทั้งหมดจะไม่ใช่คนที่ได้มีโอกาสสัมผัสสินค้าใหม่ก่อนใครเท่านั้น แต่จะเป็นคนที่ได้สัมผัสความเป็นไปของไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต เพราะงานนี้ถูกยกระดับว่าเป็นงานที่จะบอกใบ้ก้าวต่อไปของโลกใบนี้
CES ปีนี้อุดมไปด้วยระบบอัจฉริยะที่จะทำให้ชาวดิจิตอลใช้ชีวิตได้ง่ายและมีสุขภาพดีกว่าเดิม แทนที่จะใช้นิ้วกด วันนี้ชาวดิจิตอลสามารถเอ่ยปากสั่งให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานด้วยเสียงพูด แน่นอนว่าไม่ใช่คำพูดซ้ำเดิมเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ระบบปัญญาประดิษฐ์ในเครื่อง (artificial intelligence) จะช่วยให้คำพูดตอบโต้ระหว่างเครื่องและผู้ใช้เกิดขึ้นได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น
เบื้องต้น ชาวน์ ดับราวัค (Shawn Dubravac) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งสมาคมผู้พัฒนาเทคโนโลยีสินค้าสำหรับผู้บริโภค Consumer Technology Association (CTA) ประเมินว่าสินค้ากลุ่มควบคุมด้วยเสียงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นชัดเจนในปี 2017 คาดว่าจำนวนเครื่องที่รองรับคำสั่งเสียงหรือ Voice-activated systems จะแพร่หลายในตลาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านเครื่องตลอดปี
โตหลักที่ตลาดอเมริกา
การศึกษาแนวโน้มตลาด ‘สินค้าสั่งการด้วยเสียง’ ของไทยในนาทีนี้อาจต้องอ้างอิงการเติบโตของสหรัฐอเมริกา จากสถานการณ์ Brexit และการชนะเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ สมาคม CTA ผู้จัดงาน CES เชื่อว่าตลาดสินค้ากลุ่ม consumer-tech หรือสินค้าเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคจะเติบโตแตะระดับ 2.92 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ (เฉพาะตลาดค้าปลีก) ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ราว 1.5%
จุดนี้การประเมินของ CTA พบว่าในตลาดสินค้าเพื่อความบันเทิง เทคโนโลยีเสมือนจริงทั้ง virtual และ augmented reality จะมีบทบาทสำคัญในปี 2017 โดยยอดจำหน่ายสินค้ากลุ่ม VR (อุปกรณ์สวมศีรษะขนาดใหญ่ที่ผู้ใช้จะมองไม่เห็นภาพวิวจริงขณะใช้งาน) จะทะลุ 2.5 ล้านเครื่อง ทำรายได้ทะลุ 660 ล้านเหรียญสหรัฐ
CTA ยังเชื่อว่าทีวีความละเอียดสูงกลุ่ม 4K Ultra HD TV จะเป็นส่วนตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดของอุตสาหกรรมนี้ คาดว่ายอดจัดส่งสินค้ากลุ่มหน้าจอ 4K UHD จะเพิ่มเป็น 15.6 ล้านเครื่องในช่วง 12 เดือนนับจากนี้ ทำเงินมากกว่า 1.46 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ยังมีตลาดโดรนหรือเครื่องร่อนเอนกประสงค์ที่คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นชัดเจนในปีนี้ โดย CTA เชื่อว่ายอดขายโดรนจะแตะระดับเกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐได้เป็นปีแรก ขณะที่สินค้าไอทีกลุ่มสวมใส่หรือ wearable จะทำเงิน 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ที่น่าจับตาคือสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่รองรับระบบผู้ช่วยดิจิตอลของแอมะซอน (Amazon) อย่างเอคโค (Echo) และกูเกิลโฮม (Google Home) มีความเป็นไปได้ที่สินค้ากลุ่มนี้จะทำยอดขายมากกว่า 608 ล้านเหรียญสหรัฐ
ระเบิดศึกแพลตฟอร์ม
ในบรรดากองทัพสินค้าที่ยกพลมาอวดสายตาผู้ร่วมชมงาน CES 2017 นอกจากการจัดเต็มเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ เทรนด์สินค้าไอทีที่สำคัญที่สุดจากงานนี้คือการระเบิดศึกแพลตฟอร์มผู้ช่วยเสียงและอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT)
สงครามฟอร์แมตในโลกไอทีนั้นมีมาตลอดหน้าประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ยุควิดีโอเทปที่วีเอชเอส (VHS) ต้องแข่งกับเบต้า (Beta), เอชดีดีวีดี (HD DVD) ที่แข่งกับบลูเรย์ (Blu-ray), วินโดวส์ (Windows) ที่แข่งกับแมคอินทอช (Mac) และไอโฟน (iPhone) ที่แข่งกับแอนดรอยด์ (Android) วันนี้ถึงคิวแพลตฟอร์มของ Amazon อย่างอเล็กซา (Alexa) ที่เริ่มโชว์ตัวผ่านผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายอื่น แสดงจุดยืนเป็นคู่แข่งกับระบบสิริ (Siri) ของแอปเปิล (Apple) และ Google Home รวมถึงระบบของไมโครซอฟท์ (Microsoft) อย่างคอร์ทานา (Cortana) และซัมซุง (Samsung) ที่กำลังปลุกปั้นผู้ช่วยชื่อวีฟ (Viv) ด้วย
นอกจากแพลตฟอร์มผู้ช่วยส่วนตัว แพลตฟอร์มรถไฟฟ้าขับเคลื่อนตัวเองได้ก็แข่งขันกันโชว์ตัวในงานอย่างดุเดือดยิ่งขึ้น แม้ว่าจะมีงานมหกรรมยานยนต์ The North American International Auto Show ต่อคิวจัดงานในวันที่ 8 มกราคม แต่ CES กลับขโมยซีนไปได้เพราะค่ายรถยักษ์ใหญ่พร้อมใจจองบูธแสดงรถอัจฉริยะในงาน โดยยังมีการแสดงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบควบคุมจากบริษัทชิปรายอื่นมาร่วมโชว์ด้วย
แลปท็อปรุ่นใหม่ยังครองพื้นที่งาน CES ปีนี้ด้วยภาพลักษณ์คอมพิวเตอร์พกพารุ่นใหม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกผสมทูอินวัน เรียกว่าซื้อเครื่องเดียวได้ทั้งคอมพ์วางตักและแท็บเล็ตไปใช้งานในเครื่องเดียว
แม้สินค้าทั้งหมดนี้ยังต้องใช้เวลาพัฒนาอีกมาก เพื่อให้รองรับภาษาไทยและวิถีการใช้งานของคนไทย แต่เชื่อได้เลยว่าคนไทยจะรออีกไม่นาน เช่นเดียวกับคนทั่วโลกที่จะได้ใช้ชีวิตดิจิตอลที่สะดวกสบายกว่าเดิม
ที่มา : http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000001261