เนื่องด้วยรัฐบาลมีนโยบายในการผลักดันประเทศไปสู่ยุค “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ซึ่งเป็นแนวคิดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบใหม่ที่มีกระบวนการนำเอาวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีมารวมเข้าด้วยกัน เพื่อก่อให้เกิดอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์มาเป็นกลไกสำคัญในการบริหารประเทศ ได้ส่งผลกระทบเชิงบวกจากทุกภาคส่วนอย่างชัดเจน
ในปี 2559 นี้ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและธนาคารได้อย่างแนบแน่น ได้สานต่อเจตนารมณ์ชัดเจนตามพันธกิจของธนาคารที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาคุณภาพสินค้าของคนไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล หนึ่งในนั้น คือ การสนับสนุนศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการฯ และยังเป็นการผลักดันอาชีพงานหัตถกรรมชุมชนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ รวมถึงเป็นการร่วมอนุรักษ์และเชิดชูวัฒนธรรมสืบสานงานช่างไทยจากรุ่นสู่รุ่น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของไทยสู่ความเป็นเลิศและเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนเชิงพาณิชย์ เพื่อการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนในท้ายที่สุด
สำหรับศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นหน่วยงานหลักในด้าน Creative Economy on Culture ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการขยายเครือข่ายกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อทำงานบูรณาการร่วมกันกับทุกภาคส่วน เพื่อร่วมผลักดันให้งานหัตถกรรมไทยเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศให้เป็นรูปธรรม โดยมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภูมิปัญญาไทย โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นส่วนประกอบสำคัญในการเพิ่มมูลค่า และนำเสนอคุณค่างานศิลปหัตถกรรมที่ผ่านความคิดสร้างสรรค์สู่การเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตปัจจุบัน
ตัวอย่างงานศิลปหัตถกรรมที่ทรงคุณค่าโดย SACICT ได้แก่
ภาพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงผนวช เป็นภาพมหามงคลศิลปะลายรดน้ำ หนึ่งในประณีตศิลป์แห่งศิลปะช่างสิบหมู่ ประกอบด้วยลวดลายอันวิจิตร ปิดด้วยทองคำเปลวโดยขั้นตอนสุดท้ายคือการรดน้ำให้ปรากฏเป็นลวดลายทอง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปะประจำชาติไทยมาแต่ครั้งโบราณ โดยระยะเวลาในการทำงานลายรดน้ำแล้วเสร็จภายใน 14 วัน พร้อมด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ภาพมหามงคลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนี้ จึงเป็นภาพที่ทรงคุณค่าทางจิตใจและควรค่าแก่การเก็บรักษาอย่างหาที่สุดมิได้
นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าอเนกประสง
ชุดกาน้ำชา Melayu Tea Kettle งานหัตถกรรมเซรามิกฝีมือช่างท้องถิ่นในจังหวัดปัตตานี ที่มีทักษะเชิงช่างงานศิลป์อันประณีตและละเอียดอ่อนโดยสืบทอดฝีมือจากรุ่นสู่รุ่น โดยได้แนวคิดการออกแบบจากเสื้อทรงผู้หญิงมลายูไทยในภาคใต้ผสานกับที่จับทำจากไม้ โดยสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพและความผูกพันที่ยั่งยืนในวิถีพื้นเมืองมลายู รวมถึงความรู้และปรัชญาที่มักเกิดขึ้นในวงน้ำชา
คุณกนกวรรณ ศุภนันตฤกษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารความมั่งคั่งและลูกค้ากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ กล่าวว่า “ด้วยผลิตภัณฑ์จาก SACICT ที่ล้วนมีความพิเศษและเปี่ยมด้วยคุณค่า ทั้งคุณภาพ ไอเดีย ผ่านการออกแบบที่ทันสมัย ทำให้ทุกชิ้นงานจึงยิ่งมีความเอ็กซ์คลูซีฟในตัวเอง จึงเป็นเหตุผลที่ทางกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนับสนุน เพื่อร่วมพัฒนาสังคมด้วยวัตถุประสงค์ที่หลากหลายมิติทั้งทางตรงและทางอ้อม”
ด้าน คุณอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) กล่าวว่า “ที่ผ่านมา SACICT ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์รักษาภูมิปัญญาด้านงานหัตถกรรมไทยในหลายๆ ด้าน อีกทั้งกรุงศรี ยังมีส่วนสำคัญในการเป็นผู้สืบสาน สนับสนุนงานหัตถกรรมไทยให้คงอยู่คู่กับสังคมไทยอย่างต่อเนื่องด้วยดีตลอดมา และยังได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการงานหัตถกรรม เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความรู้เพิ่มเติมในด้านการเงินและบัญชี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่ได้นำความรู้เหล่านี้เป็นแนวทางในการวางแผนการทำธุรกิจต่อไปในอนาคตได้เป็นอย่างดี”
ในอนาคต กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสมดุลและเกื้อกูลประโยชน์ให้ชุมชนอยู่ดีกินดีสืบไป