วิกฤตวงการสื่อในปีที่ผ่านมาได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปยัง Traditional Media ในหลากหลายที่ ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือสื่อวิทยุ ต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้าจนถึงขั้นต้องปิดตัวลง แต่ก็ยังมีหลายรายเดินหน้าฝ่ามรสุมเม็ดเงินโฆษณาหดตัวด้วยผลประกอบการที่ยังเป็นบวกได้ สวนทางกับสื่อดั้งเดิมที่อยู่ในช่วงขาลง และยังคงไปต่อได้แบบแข็งแรง
คำถามว่าในขณะที่สื่อหลักหลายรายมีอาการซวนเซในยุคดิจิตอล แต่ทำไมวิทยุบางรายกลับสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิตอลได้อย่างดีเยี่ยม นั่นก็เพราะการพัฒนาของสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบัน ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างวิทยุกับดิจิตอลมีเดียได้แบบลงตัว ATIME มองเห็นความได้เปรียบในจุดนี้จะทำให้ผู้ฟังสามารถฟังวิทยุได้จากทุกที่ทุกเวลา พกพาติดตัวไปได้ตลอด ข้อจำกัดเดิมๆ ที่เคยมีก็หมดไป จากที่ฟังได้แค่เฉพาะกลุ่มในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็ขยายสู่กลุ่มผู้ฟังทั่วไทยและทุกมุมโลกผ่านการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ความผูกพันระหว่างกลุ่มเป้าหมายก็ใกล้ชิดและแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทำให้การรับสื่อมากขึ้นเป็นทวีคูณ มีมิติในการสื่อสารมากขึ้นอีกด้วย แถมข้อดีในตัวของสื่อวิทยุยังคงคุณสมบัติของความเป็นสื่อที่รวดเร็วที่สุด เป็นสื่อเดียวที่ออกอากาศสดตลอดเวลา ไม่ต้องอาศัยขั้นตอนการทำงานเบื้องหลังที่ซับซ้อนมากนัก จึงทำให้วันนี้สื่อวิทยุยังเป็นสื่อที่มีอิทธิพลและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี
เอ–ไทม์ มีเดีย เป็นหนึ่งในค่ายวิทยุรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจและเป็นเจ้าตลาดในสื่อวิทยุมานานกว่า 25 ปี และมีถึง 3 คลื่นในมือ (GreenWave106.5 FM, Chill 104.5 FM, 94 EFM) แต่ละคลื่นแยก Segmentation ของกลุ่มคนฟัง และมี Brand Character ที่ชัดเจนทำให้ปัจจุบันมีฐานผู้ฟังคนฟังจำนวนมหาศาลทั้งออนแอร์และออนไลน์แพลตฟอร์มถือเป็นผู้มีอิทธิพลขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสื่อวิทยุให้มีความเคลื่อนไหวสร้างปรากฏการณ์ในแวดวงสื่ออยู่ตลอดเวลา
ปี 2560 นี้ เอ–ไทม์ มีเดีย จึงวางแผนการตลาดโดยใช้กลยุทธ์ A-Time Link ดึงทุกหน่วยธุรกิจที่ปัจจุบันมีความแข็งแกร่งภายใต้แบรนด์ A-Time Media ได้แก่ 3 คลื่นวิทยุ, Atime Online และ A-Time Showbiz มาเชื่อมโยงกันเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการใช้งบการตลาดของลูกค้ารวมถึงสร้างคอนเทนต์ที่มีมูลค่าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ฟังและผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
เอ–ไทม์ มีเดีย นั้นได้พัฒนารูปแบบการฟังวิทยุมาโดยตลอด ตั้งแต่การออกอากาศบนเว็บไซต์ผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นรายแรก และปัจจุบันพัฒนาให้สามารถฟังเพลงพร้อมดูดีเจขณะจัดรายการได้ แชทคุยขอเพลงกับดีเจได้ ถ่ายรูปพร้อมลูกเล่นสติ๊กเกอร์แชร์กันได้ โหวตเพลงได้ เล่นเกมส์ร่วมสนุกกันได้ ยังสามารถกดไลค์เพลงที่ชอบ เพื่อเก็บเป็นคะแนนโชว์อันดับเพลงที่คนฟังชอบแบบเรียลไทม์อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ยอดคนฟังของ เอ–ไทม์ มีเดีย ผ่านแอปพลิเคชั่น Atime Online เติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีคนฟังเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 15 ล้านไอดี ต่อเดือน และยอดดาวน์โหลด App Atime Online ก็เติบโตอย่างรวดเร็วมีฐานผู้ฟังดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นมากที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตรายการวิทยุถึง 4.5 ล้าน
โดยเฉพาะ คลื่นกรีนเวฟ 106.5 FM ถือเป็นคลื่นที่มีอิทธิพลอย่างมากในตลาดวิทยุ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการสร้าง Brand Loyalty กับผู้ฟัง โมเดลที่ชัดเจนที่สุดคือ Club Friday ที่ถือเป็นแรงกระเพื่อมสำคัญของสื่อวิทยุ ทำให้เกิดกระแส Talk of the town จนเกิด Club Friday Fever ในโลกโซเชี่ยลมาแล้วหลายระลอก เป็น Content ที่คอนเฟิร์มความสำเร็จของคลื่นกรีนเวฟได้อย่างชัดเจน จากเรื่องเล่าที่แฟนรายการโทร.มาปรึกษาดีเจพี่ฉอดพี่อ้อย สามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจหลากหลายรูปแบบ ทั้งเพลง, พ็อกเก็ตบุ๊ค, ละครซีรี่ส์ พร้อมการเข้าถึงได้หลายช่องทางทั้ง Mobile Application, Line TV, Facebook Fanpage, Digital TV, YouTube กับสถิติการติดตามที่ถล่มทลาย
หรือการกวาดเม็ดเงินจากแบรนด์สินค้า ซึ่งในปีที่ผ่านมีมากกว่า 400 แบรนด์ มาลงโฆษณาที่กรีนเวฟ นับเป็นหนึ่งในสื่อหลักไม่กี่ราย ที่แทบไม่ได้รับผลกระทบในยุคที่สื่อดิจิตอลมาเบียดสื่อหลักหกล้ม หากวิเคราะห์กลยุทธ์ทางการตลาดของคลื่นกรีนเวฟกว่า 25 ปีที่ผ่านมาจะพบว่าเป็น White Marketing ที่ให้ความสำคัญกับผู้ฟังของตัวเองที่มีความโลยัลตี้สูง ตามสโลแกนคลื่น “เพลงดีดี กับความรู้สึกดีดี” ที่นอกจากจะเปิดเพลงเพราะต่อเนื่องที่เป็นหัวใจหลักของการฟังวิทยุแล้ว ยังเพิ่มเติม Topping ทั้งกิจกรรม CSR ที่คลื่นนี้ชวนผู้ฟังร่วมส่งต่อความช่วยเหลือให้กับมูลนิธิและโครงการต่างๆ มากกว่า 60 แห่ง ด้วยยอดเงินรวมกว่า 30 ล้านบาท
อีกทั้งยังสร้างความผูกพันกับกลุ่มเป้าหมายด้วยกิจกรรมต่างๆ ซึ่งในปีนี้ กรีนเวฟยังเป็นคลื่นวิทยุที่จัดกิจกรรมมากที่สุดในประเทศไทยถึง 35 กิจกรรมตลอดทั้งปี ตอบสนองไลฟ์สไตล์แฟนรายการได้หลากหลาย ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็นที่ต้องการของทั้งผู้ฟังและเป็นที่พอใจของผู้สนับสนุน อย่างเช่น Green Trip ที่พาเดินทางท่องเที่ยวรอบโลกแบบสุด Exclusive ที่เดินทางมาถึงกรีนทริปหมายเลข 81 แล้ว หรือ Green Concert ที่สร้างกระแสขายบัตรหมดภายใน 7 วันต่อเนื่องมาถึง 3 ปีไม่แปลกใจที่คลื่นนี้จะได้ใจจากทั้งผู้ฟังและผู้สนับสนุนไปพร้อมๆ กัน
อีกหนึ่งคลื่นที่จับกลุ่มเป้าหมายคนทำงานรุ่นใหม่เพิ่งย้ายเลขความถี่ใหม่เป็น CHILL104.5 FM พร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ “เพลงเพราะร้องตามได้ทั้งวัน” คลื่นนี้โดดเด่นทั้ง ON AIR ONLINE และ ON GROUND เพลงคลื่นนี้เน้นการคัดสรรเฉพาะเพลงเพราะผ่านการร้อยเรียงอย่างมีเอกลักษณ์โดยดีเจ.ชื่อดังระดับมือออาชีพ เกือบทุกคนมีประสบการณ์ในการจัดรายการวิทยุมานานมีชื่อเสียงระดับเซเล็บฯ แถมมีรางวัลติดมือมาการันตี เช่น ดีเจอ้อม–สุนิสา, ดีเจเป้–วิศวะ, ดีเจพีเค–ปิยะวัฒน์, ดีเจเอก กฤษณาวารินทร์, ดีเจพุฒ–พุฒิชัย ฉะนั้นเพลงในแต่ละช่วงดีเจที่คลื่นชิลจึงมี MOOD AND TONE ที่แตกต่างจากรายการเพลงอื่นๆ
สิ่งที่ทำให้ CHILL ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ก็คือ คอนเทนต์ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะการนำเสนอไลฟ์สไตล์เรื่อง กิน เที่ยว ช้อป CHILL เป็นรายการเพลงรายการแรก ที่มี Chill Reporter ผู้สื่อข่าวไลฟ์สไตล์ ออกไปทำหน้าที่ รีวิว แหล่ง กิน เที่ยว และ ช้อปปิ้ง ถึงสถานที่จริง แล้วนำประสบการณ์จริงนั้น มาบอกเล่าผ่านทุกช่องทาง On air Online และ โซเชี่ยลมีเดีย ที่จะสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมาย จนมีหลายๆ สินค้าประสบความสำเร็จจากการรีวิวโดย Chill Reporter (เช่น การสร้างเทรนด์การกินบุฟเฟ่ต์ทุเรียน กลายเป็นกระแสนิยม / รีวิวร้านชาบูหน้าหม้อ ผ่านไปเพียงปีกว่า ชาบูหน้าหม้อขยายกิจการมีสาขาเพิ่มถึง 10 สาขา / โรงแรมในเครือ U HOTEL เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นว่า CHECK IN ในเวลาไหน สามารถ CHECK OUT ได้ในเวลาเดียวกับเวลา CHECK IN / งานเซลของ CMG ทุกครั้ง ต้องเชิญ ชิล รีพอร์ตเตอร์ ไปทำการรีวิว ภาพสินค้าที่นำมาลงในเฟซบุ๊คถูกแชร์ออกไปจนกลายเป็น ไวรัลทุกครั้ง) และอีกหนึ่งอย่างที่การันตีความสำเร็จของ CHILL ในการจัด ON GROUND Activities Chill เป็นวิทยุรายการแรกที่เริ่มจัด MUSIC FESTIVAL ในต่างจังหวัดมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ไม่ว่าจะเป็น Chill Music On The Beach, Chill On The Hill, Gannes Film and Music Festival ทุกครั้งที่จัดประสบความสำเร็จมีคนเข้าร่วมงานนับหมื่นคนทุกครั้ง ความแข็งแรงในข้อนี้สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้สนับสนุนกล้าที่จะใช้งบโฆษณาเพื่อทำการตลาดกับ CHILL ในทุกๆ กิจกรรม
มาที่คลื่น 94 EFM คลื่นนี้มี Brand Charactor ที่ชัดเจนไม่เหมือนใคร คลื่นนี้รวมตัวดีเจที่มีชื่อเสียงระดับประเทศไว้มากที่สุด ยอด follow IG, Facebook ของแต่ละคนมีตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน จนถึงหลักล้าน อาทิ ดีเจมดดำ ดีเจบุ๊คโกะ ดีเจต้นหอม ดีเจเชาเชา ดีเจโป้ง ดีเจเผือก ดีเจดาด้า ดีเจอ๋อง ดีเจมะตูม ดีเจโบ ดีเจเจม ดีเจอาร์ต ดีเจบอล ดีเจแนน ดีเจจอมจิ เรียกว่าไม่มีคนไหนที่ไม่เป็นที่รู้จัก รวมถึง 94 EFM เป็นคลื่นเดียวบนหน้าปัดวิทยุเมืองไทยที่มีรายการทอล์คโชว์ที่ดังที่สุด จากความสำเร็จการเป็นผู้นำด้านทอล์คโชว์บนหน้าปัดวิทยุ ช่วง “แฉแต่เช้า” สร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้สื่อวิทยุในช่วงเช้า 08.00-10.00 น. ทุกวันจันทร์–ศุกร์ มีอิทธิพลสูงมาก มีผู้ฟังมากที่สุด สร้างความตื่นตัวให้กับวงการข่าวบันเทิงไทยเป็นอย่างมาก ดีเจที่มารับหน้าที่จัดในช่วงนี้มีชื่อเสียงและกลายเป็นผู้มีอิทธพลในวงการบันเทิง ความสำเร็จของ แฉแต่เช้า ต่อยอดไปสู่รายการ แฉ ทางช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ที่โด่งดังเช่นกัน
และในปีที่ผ่านมา 94EFM ยังมีรายการทอล์คโชว์ บุกมาสร้างเรตติ้งในช่วงเวลาไพร์มไทม์ตอนกลางคืน คือ พุธทอล์ค พุธโทร ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. รูปแบบเปิดรับสายผู้ฟังทุกรุ่น ทุกวัย ทุกเพศ ให้มาพูดคุย ปรับทุกข์ แชร์ประสบการณ์ให้คำปรึกษา โดย 3 ดีเจ 3 บุคลิก ดีเจ.ต้นหอม, ดีเจ.เผือก และ ดีเจ.ลูกกอล์ฟ และเพิ่มช่องทางการรับฟังและรับชมทาง Youtube Live และ Facebook Live/efm Station อีกด้วย ทำให้มีการนับจำนวนผู้ฟังผู้ชมที่จับต้องได้จริง โดยปีที่ผ่านมามีผู้ชมผ่าน 2 ช่องทางนี้รวมถึง 2 ล้านวิว ยอดผู้ฟังที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ ปี 60 นี้ 94 อีเอฟเอ็ม จึงแกะกล่องประเดิม 2 ช่วงใหม่ ในเวลาไพร์มไทม์กลางคืน ทุกวันจันทร์กับ จันทร์ช็อคโลก เดอะรีเทิร์น ที่ได้ ดีเจอาร์ต มารุต นั่งทอล์คกับดีเจโอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน, วันอังคารเอาใจคนชอบดูดวงกับ อังคารเช็คดวง โดย ดีเจ.มดดำ และหมอดูชื่อดังที่จะรวมทุกศาสตร์เอาไว้ที่นี่ที่เดียว เรียกว่าตั้งเป้าครองบรรลังก์เวลาไพร์มไทม์ช่วงกลางคืนเลยทีเดียว
www.facebook.com/GreenwaveFanpage
www.facebook.com/efmstation
www.facebook.com/chillfmfanpage