5 ยุคสมัยของดิจิทัล ประเทศไทยอยู่ไหน? ต่างประเทศอยู่ไหน?

กว่า 30 ปีมาแล้ว ที่ดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของคนเรา ตั้งแต่เมื่อประมาณปี 1984 ที่โลกได้ทำความรู้จักกับ World Wide Web และการเชื่อมต่อแบบ TCP/IP ที่ทำให้โลกของเราใกล้กันมากขึ้น และกว้างมากขึ้น เมื่อเป็นยุคที่ข้อมูลจำนวนมหาศาลถูกจัดเก็บ เรียบเรียง และนำเสนอแก่โลกให้เราได้เข้าถึงกันมากขึ้น จากนั้นอีก 30 ปีถัดมา โลกเราหมุนเร็วกว่าที่เคย มีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกจนคนแทบจะจำไม่ได้แล้วว่า เราเคยใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร? ดิจิทัลเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาเรื่อยๆ จนมีสิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นมาต่างๆ มากมายที่อยู่กับเราต่อ เรามาดูกันว่ายุคสมัยต่างๆ ของดิจิทัลนั้นอยู่ตรงไหนกัน

1. ยุค Desktop & Internet Era (ตั้งแต่ปี 1984)

marketing

ยุครุ่งเรืองของอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เป็นยุคที่คนเริ่มเปลี่ยนจากการทำงานแบบ Manual มาใช้คอมพิวเตอร์แทน สมัยนั้นองค์กรทุกองค์กรต่างก็ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ในการทำงานกันทั้งนั้น และสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อให้ข่าวสาร จุดเด่นของยุคนี้คือการกำเนิดขึ้นของ e-mail เมื่อช่วงปี 1994 และ Hotmail คือสุดยอด e-mail ในสมัยนั้น จากนั้นก็เป็นคราวของ Amazon และ e-bay ที่ถูกค้นพบในปีถัดมา เข้ามาเขย่าวงการ e-commerce และ e-auction รวมไปถึงยุครุ่งเรืองของ search engine ยักษ์ใหญ่อย่าง yahoo.com ในยุคนั้นเองถ้าจำได้เป็นยุคที่เราเริ่มติด Chat กัน และมือถือจอขาวดำกลายเป็นของติดมือทุกคน การทำการตลาดดิจิทัลขององค์ต่างๆ ก็ยึดกับ e-mail marketing, banner, SMS และ direct marketing

2. ยุค Mobile & Social (ตั้งแต่ปี 2000)

ภาพจาก : Internet
ภาพจาก : Internet

ยุคนี้เริ่มต้นพร้อมๆ กับการพัฒนาที่มากขึ้นของ Smartphone และ Smartphone เครื่องแรกที่ผมคิดว่าเปลี่ยนโลกจริงๆ คือ Nokia 7650 ที่เป็นมือถือเครื่องแรกที่เอากล้องใส่เข้าไป จากนั้นไม่นาน hi5, myspace และ facebook ก็ถือกำเนิดขึ้น เป็นยุครุ่งเรืองที่มนุษย์เริ่มเปิดเข้าหาความสัมพันธ์แบบโลกเสมือนมากขึ้น รวมไปถึงวัฒนธรรม Blog ที่รุ่งเรืองสุดๆ ในยุคนี้จาก myspace ก่อให้เกิด blogger รุ่นแรกๆ ขึ้นมากมาย และเป็นยุคของ Mobile Website และ Voice interaction สิ่งที่การตลาดดิจิทัลทำกันในสมัยนั้นหลังจากยุคแบนเนอร์ คือ Telesales, Voice Services, Social Media Marketing (ไม่ใช่ซื้อ Ad แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้คนเข้ามา) และการทำการตลาดผ่านบริการพิเศษต่างๆ ของมือถือ

3. ยุค Content & Data (ตั้งแต่ปี 2004)

ยุคนี้เริ่มต้นขึ้นมาในยุครุ่งเรืองของ Devices ที่เอื้อต่อการผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ เช่น กล้องมือถือที่ละเอียดขึ้นหลักล้านพิกเซล กล่องถ่ายวิดีโอดิจิทัล Smartphone พลิกโลกอย่าง iPhone พร้อมกับการถือกำเนิดของ Content Platform ที่ปัจจุบันยิ่งใหญ่ที่สุดท็อปๆ ของโลกอย่าง youtube, pinterest, Instagram การถือกำเนิดขึ้นมาของ ระบบ Streaming Content ที่ทำให้เราสามารถดู Content ได้ทันทีได้ไม่ต้องดาวน์โหลดมาจนครบ เหล่านี้ล้วนเป็นยุคสมัยของการสร้างสรรค์ Content ต่างๆ ให้ผู้ชมติดตามกันผ่าน Platform ใหม่ๆ รวมไปถึงเทคโนโลยีการจัดเก็บ database ที่ดีขึ้น จนสามารถพัฒนาเป็น data mining ที่เราสามารถมาประยุกต์ใช้ในองค์กรได้ และการทำตลาดในสมัยนี้ก็ไม่ใช่อะไรอื่น คือ Content Marketing, Social Media Marketing, Data driven Marketing และการทำไวรัลวีดีโอจำนวนมากก็เกิดในยุคนี้

4. ยุค Digital Experience (ตั้งแต่ปี 2013)

ภาพจาก : Internet
ภาพจาก : Internet

เป็นยุคที่หยิบนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาทำให้มนุษย์สามารถสัมผัสได้ทางกายภาพกันมากขึ้น มีการผลิต Smart Devices ที่นอกเหนือจาก Smartphone มากขึ้น อาทิ Smart Glasses, Wearable technology อย่าง fit bit, Drone, Virtual reality, Augmented Reality ที่เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างละมีการทำตลาดกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น การทำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใกล้มนุษย์มากขึ้น จะทำให้มนุษย์มีความสะดวกสบายและได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่าที่ดิจิทัลสามารถมอบให้ได้ การทำตลาดยุคนี้จะเน้นไปที่ Utility Marketing หรือการทำตลาดเชิงอรรถประโยชน์ของแบรนด์ และ Experiential Marketing หรือการสร้างประสบการณ์การรับรู้ร่วมกับลูกค้าที่มากกว่าการสื่อสารทางเดียวในโลกเสมือน

5. ยุค Artificial Intelligence (ตั้งแต่ปี 2016)

เป็นยุคของการประกาศศักดาของมนุษยชาติที่สามารถทำให้เรื่องที่น่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เห็นในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ให้เข้ามาใกล้กับตัวเรามากขึ้น โดยการสร้างปัญญาประดิษฐ์ หรือหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานยากๆ หรือวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากที่เก็บมาตั้งแต่สมัยยุค Content & Data เมื่อความสามารถและศักยภาพของคอมพิวเตอร์ปัจจุบันล้ำหน้าไปไกลมากทำให้การโปรแกรมการประมวลผลข้อมูลที่ยากและซับซ้อนนี้ทำได้ง่ายนิดเดียว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งการใช้ปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์เข้ามาทำงานหรือช่วยเหลืองานแทนมนุษย์อย่าง Deep Learning ของ google หรือ Watson ของ IBM ซึ่งน่าสนใจมากว่าการทำตลาดในอนาคต ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จะมีส่วนช่วยอย่างมากในการเข้าใจรูปแบบผู้บริโภค และเลือกการเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย

และนี่คือยุคสมัยต่างๆ ของดิจิทัลที่เกิดขึ้น อาจจะมีคลาดเคลื่อนไป บวกลบไม่เกินปีสองปี แต่เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าการพัฒนาของเทคโนโลยีนั่นมีมากมายมหาศาลจริงๆ โดยต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ในวันนี้ต่างประเทศอย่างประเทศที่พัฒนาแล้วแบบอเมริกา หรือประเทศแถบยุโรปนั้น ได้เข้าสู้ยุคแห่ง Digital Experience และกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุค AI ไม่นานเกินรอแน่นอน พวกเขากำลังเร่งพัฒนาอยู่อย่างสุดความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ ในการทำงานการตลาดนั้นทุกๆ แบรนด์สินค้าได้ทำ Content Marketing, Social Media Marketing และ Data Marketing เป็นพื้นฐานกันหมดแล้ว และกำลังจะมองหาการสร้างประสบการร่วมกับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีต่างๆ

ส่วนประเทศไทยเอง พวกเรากำลังอยู่ในยุคของ Content & Data ครับ ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างทางด้านความพร้อมของบุคลากรเอง ระบบ Infrastructure ของประเทศเองก็ดี ว่าด้วยเรื่องของ Connectivity และเทคโนโลยีต่างๆ ยังเข้าถึงไม่ทุกภาคส่วน และการปรับตัวขององค์กรใหญ่ๆ ที่กำลังพยายามอย่างมากที่จะเซตอัพองค์กรใหม่ให้ตามทันโลก ซึ่งยังต้องอาศัยเวลาทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเร่งทำให้ Digital Technology และ Data ต่างๆ สามารถทำงานและนำมาใช้งานได้อย่างดีขึ้น ซึ่งเราเองก็ต้องพัฒนาตัวเองต่อไปให้เข้ากับยุค และอย่าลืมมองไปข้างหน้าว่าต่อไปเราจะเข้าสู่อะไรครับ

pic_saroj_new2

Profile
สโรจ เลาหศิริ
นักการตลาดไฟแรง ที่ปัจจุบันสวมหมวกเป็นผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์และความคิดสร้างสรรค์แห่ง แรบบิทส์ ดิจิทัล กรุ๊ป (Rabbit’s Tale & Moonshot)

เติบโตมาในยุคดิจิทัล และหลงใหลในการตลาดตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ตั้งเป้าจะยกระดับการทำการตลาดในเมืองไทยให้ทัดเทียมสู่เวทีระดับโลกให้ได้

Digital Marketing by Saroj Laohasiri
สงวนลิขสิทธิ์ทางบทความให้ใช้เผยแพร่ที่นิตยสาร Positioning เท่านั้น