คิดใหม่ได้เลยสำหรับใครที่เคยมองว่าไอโฟน 7 (iPhone 7) มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยมากจนแทบไม่ต่างจาก iPhone 6s เพราะยอดขายคึกคักแสดงว่าตลาดโลกไม่ได้มองแบบนี้ แถมความสำเร็จของรุ่นใหญ่ iPhone 7 Plus ยังบอกใบ้ว่าไอโฟนรุ่นหน้าอย่าง iPhone 8 จะมีคุณสมบัติใหม่ที่สงวนไว้เฉพาะรุ่นจอใหญ่ บนราคาที่ตั้งให้ใหญ่ตามไปด้วย โดยอาจมีรุ่นจอใหญ่พิเศษเพื่อเอาใจกลุ่มคนชอบของใหญ่โตเต็มตายิ่งขึ้น
31 มกราคม 2017 เป็นวันที่แอปเปิล (Apple) ประกาศผลประกอบการที่บริษัททำได้ช่วงตุลาคม-ธันวาคม 2016 (ไตรมาส 1 ปีการเงิน 2017) โดยระบุว่าสามารถขาย iPhone ได้มากกว่า 78.3 ล้านเครื่อง ถือเป็นยอดขาย iPhone ที่สูงที่สุดในทุกไตรมาส หักลบแล้วขายได้เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านเครื่องจากปลายปี 2015 คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 5%
iPhone สามารถโกยเงินให้ Apple มากกว่า 5.44 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เรียกว่าธุรกิจ iPhone สามารถทำเงิน 69% จากรายได้รวมทั้งหมดของ Apple มูลค่า 7.84 หมื่นล้านเหรียญ
จุดที่น่าสนใจจากสถิติยอดขาย Apple ครั้งล่าสุด คือความสำเร็จของรุ่นใหญ่ iPhone 7 Plus ที่ผ่านมา Apple ไม่เคยเปิดเผยยอดขายของ iPhone แบบละเอียดเป็นรายรุ่น แต่ครั้งนี้ซีอีโอทิม คุก (Tim Cook) โชว์ตัวเลขว่า iPhone หน้าจอใหญ่ 5.5 นิ้ว นั้นทำเงินได้มากเป็นประวัติการณ์ พร้อมชูธงรุ่น 7 Plus ในฐานะแชมป์ที่ทำยอดขายมากที่สุดเมื่อเทียบกับ iPhone ตระกูล Plus รุ่นอื่นในประวัติศาสตร์
‘นี่คือรุ่น Plus ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเท่าที่เรามีมา’ ซีอีโอ Apple ระบุ
แม้ Apple จะไม่ให้รายละเอียดว่าเหตุใด iPhone 7 Plus จึงได้รับความนิยมถล่มทลาย แต่เรื่องนี้สามารถอธิบายได้ผิวเผินว่าเป็นเพราะ iPhone 7 มีภาพลักษณ์น่าใช้น่าซื้อมากกว่ารุ่น Plus อื่นๆ รวมถึง iPhone รุ่นเดียวกันที่มีหน้าจอเล็กกว่า ที่ผ่านมา 7 Plus ไม่ได้ถูกวางจุดขายเรื่องหน้าจอใหญ่กว่าเท่านั้น แต่ยังมีจุดเด่นที่กล้องหลังคู่ที่ทำให้มีความต่างจาก iPhone 7 ธรรมดา ซึ่งนี่เองที่ทำให้ iPhone 7 ด้อยกว่า iPhone 7 Plus
หากมองเรื่องราคา iPhone 7 Plus ถูกตั้งราคาไว้สูงลิ่วเกินราคาเริ่มต้นของ iPhone ทุกรุ่นที่ Apple เคยขายมา ราคาเริ่มต้นที่เกิน 3 หมื่นบาทนั้นสูงกว่า iPhone 7 ที่มีราคาเริ่มต้นราว 26,000 บาท ส่วนต่างเกิน 5 พันบาทนี้กว้างกว่า iPhone ทุกรุ่นที่มักต่างกันราว 4,000 บาท สิ่งที่เกิดขึ้นหมายความว่า สาวก iPhone 7 Plus ไม่แคร์ว่าราคา iPhone ในดวงใจจะสูงเพียงใด
ความสำเร็จจากรุ่น 7 Plus ทำให้มีการวิเคราะห์ว่า Apple จะเปิดตัว iPhone หน้าจอใหญ่พิเศษเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ ข่าวลือขณะนี้ระบุว่า Apple อาจเทคุณสมบัติจัดเต็มในรุ่น 4.7 และ 5.5 นิ้ว (อาจจะเรียกรุ่นเหล่านี้ว่า iPhone 7s และ 7s Plus) แต่จะเปิดตัวรุ่นเรือธงที่มีหน้าจอใหญ่ 5.8 นิ้วซึ่งเป็นเทคโนโลยี OLED ที่เหนือกว่าจอ iPhone ปัจจุบันที่เป็น LCD
เรือธงรุ่นใหญ่พิเศษนี้อาจเป็น iPhone 8 ของจริง ที่จะวางขายพร้อมอุปกรณ์เสริม Smart Connector ซึ่งสงวนไว้เฉพาะ iPad Pro ในขณะนี้
แน่นอนว่าราคาของ iPhone 8 ย่อมไม่ธรรมดา ซึ่งก็ไม่มีผลใดเพราะสาวกไม่แคร์อยู่แล้ว
ไม่ว่า Apple จะวางแผนอะไรไว้ แต่เชื่อว่า iPhone จะมีพัฒนาการอีกมากเพื่อให้สามารถเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของทุกคนในอนาคต จุดนี้ซีอีโอ Apple เปิดเผยเพียงว่า iPhone จะยังเป็นธุรกิจหลักของบริษัทต่อไป และจะมีการเพิ่มเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะลงไปในระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) มากขึ้น รวมถึงแพลตฟอร์มคาร์เพลย์ (CarPlay) เพื่อการใช้งานบนรถที่สะดวกขึ้น
คำยืนยันของซีอีโอ Apple ไม่ใช่เรื่องประหลาดใจ เพราะ iPhone เป็นสินค้าที่ทำเงินให้ Apple มากกว่า 2 ใน 3 ของรายได้รวมบริษัท การต่อยอดธุรกิจ iPhone ย่อมเป็นภารกิจสำคัญอันดับ 1 ของบริษัท จุดนี้ซีอีโอ Apple สาธิตวิธีการสั่งให้ระบบ Siri เปิดไฟและเปิดเครื่องทำกาแฟตอนเช้า ระหว่างแถลงผลประกอบการด้วย
อานิสงส์วิกฤติซัมซุง?
หากมองในมุมตลาดสมาร์ทโฟนโลก รายงานล่าสุดระบุว่ายอดจัดส่งสมาร์ทโฟนตลอดปี 2016 ที่ผ่านมาประเมินได้เกิน 1.5 พันล้านเครื่องแล้ว โดยไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมามียอดจำหน่ายราว 440 ล้านเครื่อง หรือ เติบโตราว 9%
เรือธงรุ่นใหญ่พิเศษนี้อาจเป็น iPhone 8 ของจริง ที่จะวางขายพร้อมอุปกรณ์เสริม Smart Connector ซึ่งสงวนไว้เฉพาะ iPad Pro ในขณะนี้
แน่นอนว่าราคาของ iPhone 8 ย่อมไม่ธรรมดา ซึ่งก็ไม่มีผลใดเพราะสาวกไม่แคร์อยู่แล้ว
ในขณะที่ 78.3 ล้านเครื่องเป็นยอดขาย iPhone ราว 77.5 ล้านเครื่องกลับเป็นยอดขายของแชมป์เก่าซัมซุง (Samsung) จุดนี้มีการวิเคราะห์กันว่าวิกฤติโน้ต 7 (Note 7) ระเบิดที่ทำให้ซัมซุงต้องยกเลิกงดขายไปนั้นเป็นบันไดปูพรมแดงที่ทำให้ Apple ขึ้นแชมป์ไปได้ในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจาก Apple ไม่มีคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟนใหญ่หรูดูแพง
ไม่ว่าอย่างไร การสำรวจในภาพรวมทั้งปี 2016 จากบริษัทวิจัยเคาท์เตอร์พอยต์รีเสิร์ช (Counterpoint Research) พบว่า ซัมซุง ยังเป็นผู้นำตลาดทั้งปีโดยครองส่วนแบ่ง 21% ลดลง 4% เหลือ 310 ล้านเครื่องตลอดปีที่ผ่านมา ขณะที่หัวเว่ย (Huawei) เติบโตราว 28% ทำยอดรวม 139 ล้านเครื่อง และแบรนด์อย่างออปโป้ (Oppo) หรือวีโว่ (Vivo) ก็เติบโตกว่า 112% และ 78% ทำยอดทั้งปีที่ 93 และ 72 ล้านเครื่องตามลำดับ
อีกจุดที่น่าสนใจของการสำรวจตลาดสมาร์ทโฟนโลก คือราว 4 ใน 5 ของสมาร์ทโฟน 1.5 พันล้านเครื่องที่ขายได้นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G LTE สะท้อนว่าทุกอย่างกำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุค 5G ที่อาจจุดพลุก่อนปี 2022
สมกับที่ซีอีโอ Apple แสดงความเชื่อมั่นระหว่างประกาศผลประกอบการครั้งนี้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น และจะมีพัฒนาการใหม่ออกมาช็อกโลกยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
ที่มา : http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000011613
