ฟูจิ ซีร็อกซ์ เปิดตัวแนวคิด Smart Work Gateway สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน พร้อมเปิดตัวเครื่องมัลติฟังก์ชัน ApeosPort-VI C / DocuCentre-VI C ซีรีส์ พร้อมชู Cloud Service Hub แพลตฟอร์มใหม่เพื่อการเชื่อมต่อกับบริการคลาวด์ในหลายรูปแบบรองรับการทำงานขององค์กรในยุคดิจิทัล
มร.โคจิ เทสึกะ ประธาน บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าปี 2560 นี้ ฟูจิ ซีร็อกซ์ ฉลองครบรอบ 50 ปีในประเทศไทย เดินหน้าขยายฐานลูกค้า ด้วยการเปิดตัวแนวคิด “Smart Work Gateway” เพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย ที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้ทุกภาคส่วนปรับการดำเนินธุรกิจให้ก้าวทันกระแสโลก ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจให้พร้อมแข่งขันและสร้างรายได้ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นภายใต้แนวคิด Smart Work Gateway ของ ฟูจิ ซีร็อกซ์ สามารถสนับสนุนรูปแบบการทำงานขององค์กรในยุคดิจิทัลที่ต้องการความยืดหยุ่น ด้วยเครื่องมือการสื่อสารที่หลากหลาย และสามารถปรับให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคลของลูกค้าได้
แนวคิด Smart Work Gateway ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของลูกค้า เนื่องจากอุปกรณ์มัลติฟังก์ชันแบบเดิมเพียงอย่างเดียวไม่อาจตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้ ฟูจิ ซีร็อกซ์จึงเร่งพัฒนาธุรกิจ ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตร เพื่อยกระดับบทบาทของอุปกรณ์มัลติฟังก์ชันให้กลายเป็นพอร์ทัลการสื่อสารในที่สุด ด้วยการเชื่อมโยงอุปกรณ์มัลติฟังก์ชันเข้ากับบริการคลาวด์ต่างๆ ซึ่งเป็นระบบการสื่อสารแบบเปิดที่ปลอดภัยและสามารถปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายได้ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน และยกระดับการทำงานของผู้ใช้ภายในองค์กรธุรกิจ และกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และเพื่อเสริมสร้างแนวคิด Smart Work Gateway ให้สมบูรณ์แบบ ฟูจิ ซีร็อกซ์ จึงได้เปิดตัวเครื่องมัลติฟังก์ชัน ApeosPort-VI C / DocuCentre-VI C ซีรีส์ ที่สามารถรองรับการทำงานบนระบบคลาวด์จำนวน 14 รุ่น อีกด้วย
นอกจากนั้น ฟูจิ ซีร็อกซ์จะมีการจัดกิจกรรมแนะนำโซลูชั่นใหม่ๆให้ลูกค้ารู้จักอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรม งานสัมมนาให้ความรู้ต่างๆ ร่วมกับพันธมิตรทางการค้า รวมทั้งจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ทดลองใช้เครื่องมัลติฟังก์ชั่น และโซลูชั่นใหม่ๆ ตามจุดให้บริการ อาทิ ร้านคาเฟ่ใจกลางเมือง และพื้นที่สำนักงานให้เช่าต่างๆ เพื่อการปรับเปลี่ยนกระบวนการ และรูปแบบการทำงานใหม่ๆ ที่ง่าย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยโซลูชั่นที่สามารถรองรับการทำงานในทุกที่ ทุกเวลา ในรูปแบบที่ต้องการ เพื่อสร้างสมดุลในการทำงาน และการดำเนินชีวิต
นางสาวโลจนันท์ ชลลัมพี Head of Product Marketing บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ ApeosPort-VI C / DocuCentre-VI C ซีรีส์ ใหม่นี้ จะสร้างระบบสื่อสารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในสถานที่ทำงานด้วย Cloud Service Hub หรือแพลตฟอร์มใหม่ที่เชื่อมโยงเครื่องมัลติฟังก์ชัน เข้าด้วยกันกับบริการคลาวด์มาตรฐานที่เปิดให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก โดยผู้ใช้จะสามารถเข้าสู่ระบบคลาวด์ดังกล่าวได้โดยการลงชื่อเข้าใช้เพียงครั้งเดียว และสามารถสแกนหรือบันทึกเอกสารไปยังระบบคลาวด์และสั่งพิมพ์เอกสารจากระบบคลาวด์ได้โดยตรง นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาเอกสารข้ามบริการคลาวด์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับ Cloud Service Hub ได้ ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนให้กระบวนการทางธุรกิจมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ Cloud Service Hub จะทำงานร่วมกับ Fuji Xerox Direct Management Console ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ฟรีที่จะแสดงเนื้อหาของ Fuji Xerox Direct ซึ่งเป็นเว็บไซต์พอร์ทัลที่รวบรวมบริการอินเทอร์เน็ตต่างๆ ของฟูจิ ซีร็อกซ์ บนเครื่องพีซีของลูกค้า ด้วยซอฟต์แวร์ดังกล่าวนี้ ลูกค้าสามารถ ซื้อ ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชันสำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชันผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดายจากศูนย์กลาง ด้วยการลากแล้ววาง (dragging and dropping) และยังสามารถแสดงสถานะของสิทธิ์การใช้งานแอพพลิเคชัน เพื่อการตรวจสอบที่รวดเร็วอีกด้วย ด้วยการการใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวผ่านเครื่องพีซี ผู้ใช้สามารถจัดการ และตั้งค่าอุปกรณ์มัลติฟังก์ชันจำนวนมากได้พร้อมกัน จึงดำเนินปรับเปลี่ยนได้รวดเร็วในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหันในกระบวนการทำงาน ซึ่งส่งผลให้ระบบการทำงานมีความยืดหยุ่น และเสริมสร้างประสบการณ์การใช้งานแบบใหม่ให้กับผู้ใช้ในยุคนี้เป็นอย่างดี
“โดยอุปกรณ์มัลติฟังก์ชันรุ่นใหม่นี้ใช้หมึก Super EA Eco ซึ่งเป็นหมึกแบบใหม่ที่มีอนุภาคเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นเดียวกันในตลาด จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างภาพพิมพ์แบบฮาล์ฟโทน (Half Tone) ทั้งยังสามารถรวมตัวกันได้ดีที่อุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียสซึ่งต่ำกว่าหมึกทั่วไป สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมาก และสำหรับรุ่น ApeosPort-VI C7771/C6671, DocuCentre-VI C7771/C6671 ได้เพิ่มประสิทธิภาพการสแกนมากขึ้น โดยสามารถสแกนแบบสองหน้า (Duplex) ที่ความเร็ว 270 หน้าต่อนาที ซึ่งถือว่าเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นเดียวกันในตลาด จึงสามารถสแกนเอกสารจำนวนมากด้วยการสแกนเอกสารด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกันในการสแกนครั้งเดียว นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานด้วยข้อมูลช่วยเหลือและวิธีใช้บนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ เพื่อเข้าถึงข้อมูลล่าสุดในการใช้งานที่แสดงบนแผงควบคุมของเครื่องมัลติฟังก์ชันหรืออุปกรณ์เคลื่อน ที่ได้ตามต้องการ” นางสาวโลจนันท์ กล่าวทิ้งท้าย