จัตุจักร กรีน ยืนยันบริหารงานบนความถูกต้อง พร้อมเผยทุกข้อมูล หวังลดผลกระทบต่อผู้ค้าในพื้น

นางสาว ปิยะดา สุดตานนท์ ผู้จัดการทั่วไป โครงการจัตุจักร กรีน กล่าวว่า เนื่องจากกรณีพิพาท ที่เกิดขึ้นระหว่าง พื้นที่โครงการจัตุจักร กรีน และสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร  และกองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร ในเรื่องสัญญาเช่าพื้นที่ อีกทั้งข้อเท็จจริงในการบริหารงานพื้นที่ลานจอดรถยนต์ (โครงการจตุจักรกรีน) จนก่อให้เกิดเหตุการณ์ การบุกเข้าพื้นที่ (ในวันที่เสาร์ 28 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา) ซึ่งเหตุดังกล่าว สร้างความไม่มั่นใจ ให้กับผู้ค้าในตลาด ผู้ประกอบการกว่า 1,000 รายในพื้นที่ อีกทั้งผลกระทบทั้งภายใน และภายนอกโครงการ รวมไปถึงภาพลักษณ์ในการบริหารงานของโครงการ ทำให้ปริมาณจำนวนคนที่มาเดินในตลาดลดลงกว่าร้อยละ 20 –  30 โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา พื้นที่ฯ ทำการบริหารงานด้วยหลักการทำงานถูกต้อง ตามข้อตกลง ข้อกฎหมายเสมอ โดยสามารถลำดับเหตุการณ์ ดังนี้

–          วันที่ 8 เมษายน 2559 โครงการฯ มีการทำหนังสือ ขอต่อสัญญาเช่า พื้นที่ จัตุจักร กรีน

–          กนก. (ชุดเดิม) ได้ทำการออกหนังสือตอบรับการต่อสัญญาให้อีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2559 – 12 สิงหาคม 2560 (ซึ่งเป็นปกติธรรมเนียม ปฏิบัติเช่นนี้ มาเป็นเวลา 5 ปี)

–          กนก. (ชุดเดิม) ทำการยืนยันนิติกรรม ต่อสัญญาให้ โดยอยู่ในระหว่างการจัดทำสัญญา ระหว่าง กทม.ฯ กับมูลนิธิสวนสมเด็จฯ (สัญญาประธาน) โดยมีข้อกำหนดในสัญญา ตามสัญญาปี 58 ทุกประการ

–          วันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 ผอ. กนก. (คนใหม่) และคณะผู้บริหารกองอำนวยการตลาดนัด กทม.ฯ ชุดใหม่เข้ามารับตำแหน่ง แทนชุดเดิม

–          วันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 ผอ. กนก. (คนใหม่) ออกหนังสือถึงโครงการฯ โดยอ้างว่าได้มีการเปลี่ยนผู้ว่ากทม.ฯ และเข้ามาแทนตำแหน่ง ผอ. เดิม กนก.จึงขอยกเลิกหนังสือที่ต่อสัญญาฯ ทั้งหมด

–          หนังสือสัญญา ระหว่าง กทม.ฯ กับมูลนิธิสวนสมเด็จฯ (สัญญาประธาน) ได้มีการลงนามกัน ตามธรรมเนียนปฏิบัติเป็นที่เรียบร้อย

–          กนก. (ชุดใหม่) ออกหนังสือยืนยันยกเลิกมติ กนก.ชุดเดิม และอ้างสิทธิในการเป็นผู้ให้เช่า โดยให้โครงการฯ อยู่ต่อได้ถึงวันที่ 12 มกราคม 2560 (เป็นเวลา 5 เดือนเท่านั้น) อ้างว่าสิทธิของโครงการฯ ได้หมดลงตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2559

–          วันที่ 5 มกราคา 2560 โครงการฯ ได้ขอให้ทบทวนการต่อสิทธิ เนื่องจากได้สอบถามทางมูลนิธิสวนสมเด็จฯ พร้อมได้รับคำตาอบว่า มีการต่อสัญญาให้ 1 ปีต่อ ดังนั้นการที่ กนก. (ชุดใหม่) ได้ทำการให้ต่อสัญญา เพียง 5 เดือน ถือเป็นการขัดต่อมตาของมูลนิธิสวนสมเด็จฯ และคณะ กนก. (ชุดเดิม) ซึ่งมีอำนาจครอบถ้วนในขณะนั้น และทางบริษัทฯ พร้อมชำระค่าเช่า

–          กนก. (ชุดใหม่) ออกหนังสือยืนยันให้โครงการฯ ชำระค่าเช่า 5 เดือน เป็นเงินรวม 3.8 ล้าน และค่าประกันสัญญา 5% ของวงเงินค่าเช่า เป็นเงิน 1.9 แสนบาท โดยคิดแค่การเช่าใช้พื้นที่แบบสิ้นสุดการเช่าเพียง 5 เดือน เท่านั้น

–          กนก. (ชุดใหม่) ได้ออกหนังสือเชิญโครงการฯ ไปประชุม เพื่อเจรจาให้บริษัทฯ ยอมรับเงื่อนไขต่างๆ โดยทางโครงการฯ ได้ส่งตัวแทน และผู้มีอำนาจตัดสินใจไปประชุมที่ศาลาว่าการ กทม. ในวันที่ 19 มกราคม 2560

–          วันที่ 19 มกราคม 2560 กนก. (ชุดใหม่) ได้ขอให้โครงการฯ ทบทวนเรืองค่าตอบแทน  (ค่าเช่า) ต่อกนก. (ชุดใหม่) หากเป็นที่น่าพอใจทาง กนก. (ชุดใหม่) จะทำการต่อสัญญาให้ 2 ปี

–          วันที่ 26 มกราคม 2560 โครงการฯ ออกหนังสือยืนยันสิทธิการครอบครองพื้นที่ ตามมติเติม 12 เดือน และพร้อมชำระค่าเช่า หากได้รับสัญญาที่เป็นธรรม ตามที่เคยปฏิบัติมาตลอด 5 ปี แต่ทั้งนี้ ก็มิได้ปฏิเสธการเพิ่มค่าเช่าอีก 10 % ในปีถัดไป (13 สิงหาคม 2560 – 12 สิงหาคม 2561) เพื่อถือเป็นการประนีประนอม และช่วยกนก. (ชุดใหม่ และขอให้เร่งจัดทำสัญญาเช่า เพื่อโครงการฯ ทำการชำระค่าเช่าคงค้างต่อไป

–          กนก. ชุดใหม่ ออกหนังสือขับไล่ แจ้งให้ออกจากสถานที่ และชำระค่าเสียหายโดย อ้างในใจความดังนี้ คือ โครงการฯ ละเมิดอยู่ในพื้นที่ โดยมิได้ส่งมอบพื้นที่คืน ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2559 จึงคิดอัตราปรับเป็นเงินวันละ 25,534 บาท รวมเป็นเงินค่าปรับ พร้อมค่าเช่า จำนวน 7.3 ล้านบาท และยังอ้างว่าโครงการฯ มิได้ทำการปรับปรุงพื้นที่ศูนย์อาหาร ร้านค้า ให้ดีพอ จึงได้ยกเลิกกระทำใดๆ ที่ ผอ.กนก. (ชุดเก่า) ได้ทำไว้ หรือการมีนิติสัมพันธ์ ใดๆ กับทางโครงการฯ โดยให้ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 และชำระค่าเช่า พร้อมค่าปรับดังกล่าว ภายในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560

 

“โครงการฯ ขอปกป้องสิทธิที่ตนเองควรมี และผู้ค้ากว่า 1,000 ชีวิต เพราะตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา โครงการฯ ทำงานอย่างหนัก มุ่งเน้นให้ผู้เช่าทุกราย ได้รับรายได้มากขึ้น โดยพยามยามปรับให้มีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง หรือเท่าเดิม เพื่อให้ตลาด และโครงการฯ เป็นที่พึ่งของผู้ค้าทุกราย  ทั้งนี้โครงการฯ ยืนยันว่าข้อเท็จจริงดังกล่าว เป็นความจริง และมีหลักฐานต่างๆ ในการโต้แย้ง ทุกกรณี เพราะเราเชื่อในการบริหารงาน แบบโปรงใส และสุจริตที่โครงการยืดถือ และมีมาเสมอ” นางสาวปิยะดากล่าวสรุป