กูเกิล-ไมโครซอฟท์เอาจริง ฟันเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ให้แสดงผลในลำดับแรก ๆ แล้ว

ต่อจากนี้ไป ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องการเสิร์ชหาภาพยนตร์ เพลง หรือไลฟ์สดการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ แบบละเมิดลิขสิทธิ์อาจหาได้ยากหน่อยแล้ว เพราะกูเกิล (Google) ได้ตัดสินใจจับมือกับ Bing เสิร์ชเอนจินจากไมโครซอฟท์ (Microsoft) พัฒนาซอร์สโค้ดร่วมกันที่จะช่วยไม่ให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเสิร์ชหาคอนเทนต์ในลักษณะนั้นได้อีก

โดยการพัฒนาร่วมกันครั้งนี้จะส่งผลต่อการเสิร์ชเว็บไซต์ผิดกฎหมายให้ไม่สามารถแสดงผลในลำดับแรก ๆ ของผลการเสิร์ชได้อีกต่อไป อีกทั้งยังจะแสดงผลของเว็บไซต์เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริงให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตแทนด้วย

ซึ่งในกรณีนี้ยังมีประเด็นด้านความปลอดภัยที่กูเกิลและไมโครซอฟท์ต่างมองว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการเข้าชมคอนเทนต์ผิดกฎหมายบนเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายนั้นอาจมีมัลแวร์หรือไวรัสต่าง ๆ ส่งเข้ามาเล่นงานคอมพิวเตอร์ – สมาร์ทโฟนของผู้ใช้ได้เช่นกัน ดังนั้น การจับมือกันครั้งนี้จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

สำหรับประเทศที่ได้รับสิทธินี้ก่อนใครคืออังกฤษ เนื่องจากผู้ที่ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้นได้ก็คือ The Intellectual Property Office (IPO) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์นั่นเอง โดยผู้บริโภคคาดว่าจะเริ่มได้เห็นความเปลี่ยนแปลงกันในวันที่ 1 มิถุนายน 2017 นี้

Stan McCoy ตัวแทนจาก the Motion Picture Association ของยุโรปเผยว่า โดยทั่วไปแล้ว เว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้ สามารถค้นหาได้ง่ายผ่านบริการเสิร์ช เราจึงรู้สึกดีใจมากที่มีการจับมือกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์การละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อผู้บริโภคต้องการค้นหาเพลง หนังสือ ภาพ ภาพยนตร์ และอีกหลากหลายคอนเทนต์ ผู้บริโภคจะมุ่งหน้ามาที่โลกออนไลน์ ในขณะที่รายได้ที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์อาจไม่ได้ตกถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริงอย่างที่ควรจะเป็น แต่อาจตกอยู่กับบรรดาแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น YouTube, Facebook ฯลฯ

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ Bing และกูเกิลได้มีความพยายามที่จะหาทางออกให้กับปัญหานี้เช่นกัน โดยกูเกิลให้ความร่วมมือกับบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ในการถอด Link ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากฐานข้อมูลไปแล้ว 915 ล้านชิ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่วน Bing นั้นก็ถอด Link ออกไปกว่า 91 ล้านชิ้นในช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2016 เช่นกัน
ที่มา : http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000017792