ช่อง 3 เผยกำไรสุทธิปี 59 กว่า 1.2 พัน ต่ำกว่าปีก่อนเกือบ 1.8 พันล้านบาท เหตุปัญหารายได้หลักค่าโฆษณาช่อง 3 ลดฮวบ เหลือ 11,151 ล้านบาท ร่วงลง 21.5% รายได้จากทีวีดิจิทัลเพิ่มไม่ทันรายได้จากช่องหลักลดลง
บริษัทบีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC แจ้งผลการดำเนินงานประจำปี 2559 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559) ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,218.29 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 2,982.71 ล้านบาท มีกำไรสุทธิลดลงกว่า 1,764.42 ล้านบาท คิดเป็น 59.15%
แม้ว่าจะทำรายได้จากการขยายช่องทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่เนื่องรายได้ค่าโฆษณาจากช่อง 3 ซึ่งเป็นธุรกิจหลักลดลงต่ำกว่าปีก่อนในอัตราสูง ทั้งจากความต้องการเวลาโฆษณาในช่วงกลางวันลดลงต่อเนื่องจากปีก่อน และธุรกิจหยุดชะงักไปกว่าเดือนตั้งแต่ 13 ตุลาคม
แม้ว่าจะมีการควบคุมให้ต้นทุนและค่าใช้จ่ายลดลงได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอกับรายได้หลักที่ลดลง
รายโฆษณา 11,151 ล้านบาด ลดลง 21.5%
สำหรับรายได้โฆษณาของช่อง 3 ทำไปได้เพียง 11,151 ล้านบาท น้อยกว่าที่เคยทำได้ในปีก่อนหน้า (2558) 3,045.5 ล้านบาท ลดลง 21.5% แม้จะมีผู้โฆษณารายใหม่มากขึ้นกว่า 100 ราย แต่จากการที่ผู้โฆษณาเดิมหยุดใช้เงินมีจำนวนมากกว่าผู้ที่เข้ามาใหม่ จึงส่งผลกระทบต่อรายได้
แจงปี 59 สื่อโฆษณาทีวีลดฮวบ
จากข้อมูลของนีลเส็น ได้รายงานถึงการใช้เงินโฆษณาผ่านสื่อปี 2559 ได้ทรุดตัวลดลง แม้จะฟื้นตัว เติบโตขึ้นในไตรมาส 2 และทรงตัวในไตรมาส 3 แต่กลับมาทรุดหนักในไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะเหตุการณ์วันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจสื่อและบันเทิงหยุดชะงักไปนานกว่าเดือน ส่งผลให้อุตสาหกรรมโฆษณาลดลง 12% โดยที่สื่อทีวีมีอัตราการหดตัวในอัตราสูงกว่าอุตสาหกรรม แต่สื่อทีวียังมีสัดส่วนสูงเป็นสื่อหลักอยู่เช่นเคย
นอกจากนี้ผู้โฆษณารายใหญ่ใช้เงินโฆษณาในปี 2559 ลดลง โดยรายใหญ่ที่สุดใช้เงินลดลงมากกว่า 40% แม้จะมีบางรายใช้เพิ่มขึ้น แต่ก็มีอัตราเพิ่มไม่สูง
แต่งตั้งบอร์ด
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2560 ได้อนุมัติแต่งตั้งนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และแต่งตั้งนายประชุม มาลีนนท์ เป็นรองประธานกรรมการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป
ช่องดิจิทัลโตเบียด
ก่อนหน้านี้ บริษัท มายด์แชร์ มีเดียเอเยนซี่รายใหญ่ ได้เปิดเผยถึง สัดส่วนการใช้งบโฆษณาทีวีดิจิตอล จะเพิ่มจาก 19% ในปี 2559 เป็น 25% ในปี 2560 สาเหตุมาจาก ผู้ชมทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้น สวนทางกับทีวีอนาล็อก (ช่อง 3,5,7,9) ยอดผู้ชมลดลงคนดูต่อเนื่อง เมื่อดูจากยอดคนดูทีวี 33 ล้านคน/วัน จะเห็นได้ว่า ในปี 2016 คนดูทีวีอนาล็อก (free to air) ลดลงมา 27 ล้านคน/วัน ในขณะที่ทีวีดิจิทัล คนดูเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 24 ล้านคน/วัน เนื่องมาจากความกหลายหลายของคอนเทนต์ในทีวีดิจิทัล จากเดิมละครต้องดูช่อง 3 และช่อง 7 เวลานี้ช่องดิจิทัลก็ทำละครได้ไม่แตกต่างกัน และไพรม์ไทม์ของทีวีดิจิทัล มีได้ทุกช่วงเวลาไม่จำกัดเหมือนสมัยที่เป็นอนาล็อก