แม้เพิ่งเสียแชมป์ยอดขายทั่วโลกให้โฟล์คสวาเกนไปสดๆ ร้อนๆ ในปีที่ผ่านมา แต่หากวัดกันด้วยมูลค่าแบรนด์ โตโยต้ายังทิ้งห่างค่ายรถเมืองเบียร์หลายช่วงตัว และสามารถคว้าตำแหน่งแบรนด์รถยนต์มูลค่าสูงสุดในโลกมาครองได้อีกครั้งในปี 2017 ขณะที่เฟอร์รารีได้ที่ 1 แบรนด์ทรงพลังประเภทยานยนต์
แบรนด์ ไฟแนนซ์ บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการประเมินมูลค่าชั้นนำ ได้เปิดเผยรายงานการจัดอันดับแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกประจำปี 2017 โดยคำนวณมูลค่าแบรนด์ในแต่ละกลุ่มจากค่าสิทธิ ซึ่งโดยพื้นฐานคือการประเมินแนวโน้มยอดขายในอนาคตที่จะเกิดขึ้นจากแบรนด์ และคำนวณค่าสิทธิที่จะได้รับจากการใช้แบรนด์ ตัวอย่างเช่น มูลค่าที่เจ้าของต้องจ่ายสำหรับการใช้แบรนด์ภายใต้สมมติฐานที่ว่า บุคคลนั้นยังไม่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์
สำหรับแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกประจำปีนี้ได้แก่
1. โตโยต้า
แม้ถูกโฟล์คสวาเกน กรุ๊ปแย่งตำแหน่งแชมป์ยอดขายทั่วโลกประจำปี 2016 ไปสดๆ ร้อนๆ แต่ค่ายรถเบอร์หนึ่งของญี่ปุ่นแห่งนี้สามารถกลับมารั้งตำแหน่งแบรนด์รถที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกได้อีกครั้ง ด้วยมูลค่าแบรนด์ที่เพิ่มจาก 43,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 46,300 ล้านดอลลาร์
แบรนด์ ไฟแนนซ์ระบุว่า ศักยภาพในการทำกำไรของโตโยต้ายังคงแข็งแกร่ง ณ วันที่ทำการประเมิน ส่วนรายได้ที่รายงานล่าสุดเพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
รายงานยังแจงว่า แม้ปีที่ผ่านมา โตโยต้าเสียแชมป์ยอดขายให้โฟล์คสวาเกน โดยบริษัทรถแดนปลาดิบทำยอดขายได้ทั้งหมด 10,175,000 คัน ส่วนบริษัทรถเมืองเบียร์ทำได้ 10,213,486 คัน ทว่ายอดขายของโฟล์คสวาเกนเป็นตัวเลขรวมจากหลากหลายแบรนด์ในเครือ ได้แก่ โฟล์คสวาเกน ออดี้ ลัมโบร์กินี สโกดา เซียท ปอร์เช่ เบนท์ลีย์ บูกัตติ และมอเตอร์ไซค์ดูคาติ ขณะที่การผลิตของโตโยต้าเน้นหนักที่แบรนด์หลักมากกว่า โดยมีฮีโน่ เลกซัส ไดฮัทสุ และแรนซ์ เป็นสัดส่วนเล็กๆ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ มูลค่าแบรนด์โตโยต้าจึงยังมากกว่าแบรนด์โฟล์คสวาเกนเกือบสองเท่า
2. บีเอ็มดับเบิลยู
ช่องว่างระหว่างบีเอ็มดับเบิลยูกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการประเมินของแบรนด์ ไฟแนนซ์หดแคบลงมากขึ้น ปี 2016 แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูมีมูลค่า 35,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนปีนี้ขยับขึ้นมาเป็น 37,100 ล้านดอลลาร์
3. เมอร์เซเดส-เบนซ์
3 อันดับแรกในตารางนี้ยังคงเดิมจากปีที่ผ่านมา โดยเมอร์เซเดสเข้ามาเป็นอันดับ 3 อีกหน ด้วยมูลค่าแบรนด์ 35,500 ล้านดอลลาร์ จาก 32,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2016
4. โฟล์คสวาเกน
แบรนด์โฟล์คสวาเกนเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 32% อยู่ที่ 25,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ จาก 18,900 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้วที่ค่ายรถเมืองเบียร์แห่งนี้เพิ่งเฆี่ยนหนีโตโยต้า คว้าแชมป์ยอดขายโลกมาครองสำเร็จ แม้ว่ายังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากกรณีฉาวเรื่องโกงค่าไอเสียก็ตาม
5. นิสสัน
นิสสันไต่จากอันดับ 7 ในปี 2016 มาอยู่ที่ 5 ด้วยมูลค่าแบรนด์ 24,800 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 17,800 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
6. ฟอร์ด
ฟอร์ด ผู้ผลิตรถเมืองลุงแซม มีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นจาก 19,800 ล้านดอลลาร์ เป็น 22,400 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่อันดับกลับร่วงลงสองขั้นจากปีที่แล้ว
7. ฮอนด้า
อันดับของฮอนด้าร่วงลง 2 ขั้นเช่นเดียวกัน แม้มีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นจาก 19,300 ล้านดอลลาร์ เป็น 21,300 ล้านดอลลาร์ก็ตาม
8. ออดี้
ออดี้รั้งตำแหน่งนี้ไว้ได้อีกครั้ง โดยมีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นเป็น 12,500 ล้านดอลลาร์ จาก 9,800 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
9. ปอร์เช่
ปอร์เช่กระโจนขึ้นมาถึง 9 ขั้นจากอันดับ 18 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยมูลค่าแบรนด์ปัจจุบัน 12,400 ล้านดอลลาร์ เทียบกับมูลค่าในปีที่ผ่านมาที่ต่ำต้อยเพียง 4,500 ล้านดอลลาร์
10. เชฟโรเลต
มูลค่าแบรนด์เชฟโรเลตในปีนี้อยู่ที่ 11,500 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 8,900 ล้านดอลลาร์ในปี 2016 กระนั้น อันดับของค่ายรถอเมริกันแห่งนี้ลดลงหนึ่งขั้น
นอกจากการจัดอันดับแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกแล้ว แบรนด์ ไฟแนนซ์ยังจัดอันดับแบรนด์ทรงพลังของโลก โดยมีเฟอร์รารีเข้าป้ายในประเภทรถยนต์
สำหรับตารางที่รวมผู้เล่นจากทุกอุตสาหกรรมนั้น ค่ายรถแดนมักกะโรนีแห่งนี้คว้าอันดับ 4 เป็นรองเพียงเลโก้ กูเกิล และไนกี้
การจัดอันดับนี้สำรวจจากแบรนด์นับพันทั่วโลก โดยแต่ละแบรนด์จะถูกประเมินเพื่อพิจารณาพลัง/ความแข็งแกร่ง อิงกับปัจจัยต่างๆ อาทิ การลงทุนทางการตลาด ความคุ้นเคย ความจงรักภักดี ความพึงพอใจของพนักงาน และชื่อเสียงองค์กร ซึ่งมีคะแนนสูงสุดคือ AAA+
แบรนด์ ไฟแนนซ์ระบุว่า ความแข็งแกร่งของแบรนด์เฟอร์รารี่ขยับขึ้น 3 จุดเป็น 92 จึงได้รับการอัพเกรดไปอยู่ที่ระดับสูงสุดคือ AAA+
เดวิด เฮก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) แบรนด์ ไฟแนนซ์สำทับว่า ข้อเท็จจริงที่ว่า เฟอร์รารีสร้างรายได้เพิ่มโดยที่ความแข็งแกร่งของแบรนด์ไม่ได้ลดถอยลง บ่งชี้ว่า บริษัทค้นพบสูตรสมบูรณ์แบบในการใช้ประโยชน์จากคุณค่าของแบรนด์อย่างยั่งยืนเพื่อเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น
อันดับ 2 ในประเภทยานยนต์คือปอร์เช่ที่ทำคะแนนได้ 86 โดยมีโฟล์คสวาเกนและเซียทครองอันดับ 3 ร่วมกันด้วยคะแนน 84.9 ตามด้วยบีเอ็มดับเบิลยู (84.5), เรโนลต์ (84.2), ฟอร์ด (83.8), โตโยต้า (83.1), โรลส์รอยซ์ (83.0) และลัมโบร์กินี (82.3)
ที่มา : http://manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9600000019228