ไทคอน ประกาศผลการดำเนินงานปี 2559 รายได้รวม 1,872.51 ล้านบาท กำไรสุทธิ 278.10 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกำไรจากค่าเช่าและค่าบริการของโรงงานและคลังสินค้า เผยคณะกรรมการและทีมบริหารชุดปัจจุบันเร่งผลักดันนโยบายและทิศทางการดำเนินงาน เพื่อรุกตลาดและกรุยทางสู่ความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมแบบครบวงจรในประเทศไทย และอาเซียน
นายวีรพันธ์ พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูงในประเทศไทย รายงานผลการดำเนินงานปี 2559 ของไทคอน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,872.51 ล้านบาท กำไรสุทธิ 278.10 ล้านบาท โดยมีรายได้หลักมาจากรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ จำนวน 1,172.12 ล้านบาท รายได้จากค่าบริหารจัดการ 201.12 ล้านบาท และกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน
103.62 ล้านบาท
สำหรับอัตราการเติบโตด้านพื้นที่โรงงานและคลังสินค้า กลุ่มไทคอนสามารถเพิ่มพื้นที่เช่าใหม่ได้321,888 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่โรงงานของ TICON 107,390 ตารางเมตร พื้นที่คลังสินค้าของ TPARK 214,498 ตารางเมตร
“ผลการดำเนินงานของกลุ่มไทคอนในปีที่ผ่านมานับว่าเติบโตเป็นที่น่าพอใจตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากตลาดภายในประเทศยังคงมีความต้องการโรงงานและคลังสินค้าสูงขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 ที่มีสัญญาณเป็นบวกจากปัจจัยส่งเสริมด้านนโยบายการลงทุนของภาครัฐ และจำนวนนักลงทุนจากต่างประเทศที่เข้าขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอที่ยังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการขยายพื้นที่คลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซียยังเติบโตได้ตามแผนอีกด้วย
นอกจากนี้ การเพิ่มทุนของ บริษัท เฟรเซอร์ เซ็นเตอร์พอยต์ ลิมิเต็ด เมื่อต้นปี
ที่ผ่านมายังนับเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยส่งผลดีให้กับกลุ่มไทคอนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้ฐานะการเงินของกลุ่มไทคอนมีสถานะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังสามารถนำ Know-how ของกลุ่มเฟรเซอร์สมาต่อยอดเชิงธุรกิจได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังมีฐานลูกค้าจำนวนมากที่มีความต้องการใช้คลังสินค้าในอนาคต ทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย จึงทำให้บริษัทฯได้รับประโยชน์เต็มที่จากการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศซึ่งถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของไทคอนในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี
โดยคณะกรรมการบริษัทฯ และทีมผู้บริหารชุดปัจจุบัน อยู่ระหว่างการกำหนดวิสัยทัศน์ นโยบาย และทิศทางการดำเนินงานของกลุ่มร่วมกันเพื่อรุกตลาดและกรุยทางสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมแบบครบวงจรในระดับอาเซียน” นายวีรพันธ์ กล่าวสรุป
ปัจจุบัน กลุ่มไทคอนยังคงรักษาความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้ารายใหญ่ในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่ารวมทั้งสิ้น 51 โครงการ ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 2.7 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่โรงงานของ TICON กว่า 1.15 ล้านตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าของ TPARK กว่า 1.55 ล้านตารางเมตร
Related