ส่งพัสดุเดือด “สกายบ๊อกซ์” ทุ่ม 100 ล้าน ขยายจุดบริการอีก 5,000 สาขา

ตลาดส่งพัสดุยังคงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น ล่าสุด บริษัท ดับเบิ้ลยูพี กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการรับส่งพัสดุ “สกายบ๊อกซ์” (SKYBOX) ได้ลงทุนเพิ่มอีก 100 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาและจุดบริการให้ครอบคลุมผู้บริโภค เป็นการจับมือพันธมิตรขยายธุรกิจไปยังร้านสะดวกซื้อกว่า 5,000 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงขยายจุดบริการที่ BTS

สกายบ๊อกซ์ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2557 แล้ว มีอายุ 3 ปี เป็นการบริการรับส่งพัสดุที่มีจุดบริการภายในสถานีรถไฟฟ้า BTS และจัดส่งพัสดุภายนอกระบบสถานี BTS ทั้งในและต่างประเทศ เน้นกลยุทธ์ Click and Collect ช้อป และสามารถมารับสินค้าได้ที่สาขา

จุดเด่นของสกายบ๊อกซ์ คือ เป็นจุดรับสินค้าจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ที่ให้บริการบน BTS เป็นรายแรก ลูกค้าที่ซื้อของออนไลน์แล้วมารับที่ SKYBOX สามารถคืนสินค้าได้ทันทีในกรณีที่ได้ของไม่ตรงตามที่สั่งไว้ มีระบบที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

แต่เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจบริการขนส่ง มีการแข่งขันสูงตามไปด้วย และคาดกันว่ามูลค่าทางการตลาดน่าจะถึง 1.4 หมื่นล้านในอีก 3 ปีข้างหน้า

โดยแผนในปี 2560 นอกจากการขยายจุดให้บริการ สกายบ๊อกซ์เตรียมบุกตลาดเพื่อรองรับตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และเปิดตัวนวัตกรรม Omni Channel ที่รวบรวมร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ไว้ในแอปเดียวในประเทศไทย ตั้งเป้าเป็นที่ 1 ในการให้บริการจุดรับส่งสินค้ามากที่สุดในเอเชีย

อภิพัฒน์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งสกายบ๊อกซ์ (SKYBOX) กล่าวว่า “ปีนี้ สกายบ๊อกซ์ ดำเนินธุรกิจครบ 3 ปี เข้าปีที่ 4 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างระบบการขนส่งและการซื้อของออนไลน์ให้ง่ายและเติบโตอย่างยั่งยืน เนื่องจากตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย มีการเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด คิดเป็น 12.42% มูลค่ารวมสูงถึง 2.52 ล้านล้านบาท ส่งผลให้การแข่งขันของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นตามมาด้วย จากปัจจัยเหล่านี้เราจึงพยายามผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแรง ทั้งการพัฒนาธุรกิจจาก C2C ที่เป็นเพียงผู้ให้บริการรับส่งพัสดุให้กับคนทั่วไป มาเป็นธุรกิจแบบ B2B2C และต่อเนื่องมาเป็นการสร้างระบบออนไลน์เชื่อมต่อ Web shopping online โดยเชื่อมต่อลูกค้าสู่ consumer โดยตรง”

การขยายจุดบริการบน BTS จาก 4 สาขา เป็น 7 สาขาในปัจจุบัน คือที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทองหล่อ สนามกีฬาแห่งชาติ ช่องนนทรี หมอชิต อารีย์ และอโศก และยังมีพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจเพิ่มเติม เช่น Central Online / CPS / AISOnline / Sephora / Tops Supermaket / บริษัท Elca  Brands นำเข้าเครื่องสำอาง และ SME รายย่อยกว่า 100  ร้านค้า

สกายบ๊อกซ์มองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ที่สามารถกวาดรายได้ไปมากสุดถึง 2.1 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจากผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ปี 2559) จึงขยายการเติบโตเข้ามาจับธุรกิจแบบ B2B2C ด้วย คือการเชื่อมต่อกับร้านค้าออนไลน์มากขึ้น รวมถึงออฟไลน์ด้วยเพื่อให้ผู้บริโภคเอาสินค้ามาดร็อบไว้ที่จุดบริการของเรา ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการพัฒนามาเป็น

  • การสร้างระบบออนไลน์เชื่อมต่อ Web shopping online โดยเชื่อมต่อลูกค้าสู่ consumer โดยตรง
  • Omni Channel เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อร้านค้าออนไลน์ กับร้านค้าแบบออฟไลน์ ซึ่งแอปพลิเคชั่น Omni นี้ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ธุรกิจควบคู่ได้ทั้งแบบ B2B และ C2C
  • และแผนในอนาคต ในปี 2560 เรามีแผนที่จะพัฒนาระบบ เป็น e-locker ระบบอัตโนมัติในการทำงาน สามารถควบคุมการทำงานทั้งหมดจากส่วนกลาง พร้อมกับวางกลยุทธ์ “SUPER” เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

S – Seven Days Operations เปิดบริการทั้ง 7 วัน

U – Ultimate Value ค่าบริการเริ่มต้นที่ 35 บาท และฝากส่งไปได้ทุกจุดบริการ

P – Perfect Timing สามารถเลือกกำหนดเวลาในการมารับสินค้าได้เร็วที่สุดคือ 45 นาที หลังจากที่สินค้ามาถึงจุดบริการของสกายบ๊อกซ์

E – Ecommerce Supporting เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ประกอบการออนไลน์ ให้ได้รับความคุ้มค่าในการจัดส่ง และรับประกันสินค้าถึงมือผู้รับ 100%

R – Reliability System ลูกค้าสามารถตรวจสอบสินค้า เป็นรายวัน รายเดือน และรายปี ดูสถานะว่าสินค้าถึงมือลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง