TPBI ปรับพอร์ตการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกกลุ่ม General Packaging หันมุ่งเน้นเพิ่มกำลังการผลิตถุงขยะและไลน์สินค้าใหม่จับกลุ่มลูกค้าหมวดอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ถุงสำหรับแช่แข็งอาหารในตู้เย็น ถุงใส่ผักผลไม้ และถุงขนาดใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป รับเทรนด์อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกโลกช่วงเปลี่ยนแปลงจากกระแสด้านสิ่งแวดล้อม คาดสิ้นปีช่วยผลักดันการเติบโต 5-10%
นายกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ TPBI ผู้นำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจรระดับโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม ที่มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล เปิดเผยว่า แนวโน้มของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหลายประเทศได้ให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก จึงรณรงค์ลดปริมาณใช้ถุงหูหิ้วและบรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ ดังนั้น บริษัทฯ จึงปรับตัวรองรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อรักษาศักยภาพการแข่งขันและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับพอร์ตเสริมสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์ General Packaging ที่สร้างรายได้หลักให้แก่ TPBI โดยได้ปรับเพิ่มการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทถุงขยะ ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและเมื่อสิ้นปี 2559 สัดส่วนของสินค้ากลุ่มถุงขยะเพิ่มจากเดิมที่มีสัดส่วน 21% เป็น 24% ของกำลังผลิตทั้งหมด 64,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าในบางประเทศที่มีนโยบายลดการใช้ถุงหูหิ้ว โดยคิดเงินกับผู้บริโภคที่ขอถุงหูหิ้วเมื่อซื้อสินค้า ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการซื้อถุงขยะเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาใส่เศษอาหารและเศษขยะ
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาไลน์สินค้าใหม่ ๆ ในหมวดดังกล่าวที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ถุงสำหรับแช่แข็งอาหารในตู้เย็น ถุงใส่ผักผลไม้ ถุงสำหรับใส่ครีมตกแต่งหน้าเค้ก รวมถึงขยายไลน์ไปสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์ถุงที่ใช้ในกลุ่มลูกค้าภาคโรงงานอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป ขณะเดียวกัน ยังได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับภาคขนส่งสินค้า รับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อการขนส่งสินค้าในกลุ่ม E-commerce ที่มีศักยภาพการขยายตัวได้ดีตามมูลค่าการค้าบนโลกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะได้รับออเดอร์และเริ่มผลิตสินค้าได้ภายในไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นรายได้จากกลุ่มGeneral Packaging ให้เติบโตได้ดี
“ปีนี้เป็นปีที่ TPBI ปรับรูปแบบการผลิตสินค้าในกลุ่ม General Packaging ให้สอดรับเทรนด์ตลาดที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยขยายการผลิตและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งเชื่อว่าด้วยแนวทางดังกล่าวของเรา จะสามารถผลักดันการเติบโตในปีนี้ได้ 5-10%” นายกมล กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TPBI กล่าวว่า ขณะที่กลุ่มสินค้า High Value Added ที่ปีนี้ บริษัทฯ ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 25% หลังมีแนวโน้มความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มMultilayer Film ที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงได้ลงทุนขยายกำลังการผลิตสินค้าในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 2,500 ตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 9,000 ตันต่อปี ซึ่งจะใช้เงินลงทุนเครื่องจักรประมาณ 60-70 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ส่วนความคืบหน้า โครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคอีก 100 ล้านเมตรต่อปี ที่มีวงเงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2561
Related