โฆษณาของน้ำอัดลมยี่ห้อดัง ถูกพูดถึงกันทั้งเมือง หลังโดนด่ายับ จนเจ้าของสินค้าตัดสินใจถอดโฆษณาออกจากการเผยแพร่อย่างรวดเร็ว จากข้อหาหนักว่าไปแตะต้องประเด็นละเอียดอ่อนอย่างเรื่อง “Black Lives Matter” … แต่นี่คือความจงใจ หรือพลาดของแบรนด์กันแน่?
“เคนดัลล์ เจนเนอร์” เป็นนางแบบโฆษณาคนล่าสุดของ Pepsi และยังได้เดินทางมาเมืองไทยเพื่อถ่ายงานที่กรุงเทพฯ ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ก่อนจะแพร่ให้ชมกันครั้งแรกในวันที่ 4 เม.ย. แต่สุดท้ายแค่ไม่กี่วัน Pepsi กลับต้องตัดสินใจถอดโฆษณาออกจากทุกสื่อทันที หลังมีกระแสวิจารณ์อย่างหนักไปทั่วโลก
โฆษณาชิ้นนี้ที่มีชื่อว่า Live for Now Moments Anthem โดยเนื้อหาเป็นการจำลองเหตุการณ์ประท้วงที่น่าจะเกิดขึ้นในอเมริกา เป็นการชุมนุมซึ่งเกิดจากคนหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งระหว่างการประท้วง สาวเคนดัลล์ที่กำลังถ่ายแบบอยู่ในวิกผมบลอนด์ได้ถอดวิกออกพร้อมกับมาร่วมขบวนประท้วงด้วย ก่อนที่สุดท้ายเธอจยื่นน้ำอัดลมกระป๋องให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้ทั้งสองฝ่ายหันมาปรองดองกัน ซึ่งก็หมายความว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งยุติคลี่คลายด้วยน้ำอัดลมกระป๋องเดียว
เนื้อหาที่สื่อถึงการปรองดองยุติความบาดหมาง ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องแง่บวกที่ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ภาพในโฆษณากลับเป็นการลอกเลียนมาจากความเคลื่อนไหวประท้วงที่เรียกว่า Black Live Matter ซึ่งละเอียดอ่อน และทำให้คนในสังคมสหรัฐฯ แตกแยกมาแล้ว
Black Live Matter เรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่ควรแตะต้อง!?
Black Lives Matter (ชีวิตคนดำก็สำคัญ) เป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองระดับชาติของสังคมอเมริกัน เพื่อต่อต้านการทำหน้าที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ และไม่ยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย Black Lives Matter ถูกจุดชนวนขึ้นจากเหตุการณ์ที่ตำรวจยิงชายคนหนึ่งในปี 2013 ต่อมาในปี 2014 คนผิวสีอีก 2 คนก็เสียชีวิตลงจากน้ำมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2013 แต่กลุ่มคนผิวสี เชื่อว่าพวกเขาตกเป็นเหยื่อของการทำหน้าที่อย่างรุนแรงของเจ้าหน้าที่มาตลอด
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวลุกลามกลายเป็นประเด็นทางสังคมที่ร้อนแรงของอเมริกันชน มีการจัดการชุมนุมขึ้นหลายครั้ง นักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง คอลิน แคปานิค ควอเตอร์แบ็คของทีม San Francisco 49ers ถึงกับแสดงออกด้วยการคุกเข่า ระหว่างการเคารพเพลงชาติก่อนการแข่งขันทุกครั้ง เพื่อประท้วงต่อ “ความไม่เป็นธรรมในสังคมสหรัฐฯ” จนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ในวงการกีฬามาแล้ว
ประเด็น Black Lives Matter ทำให้เกิดข้อถกเถียงมากมายในสหรัฐฯ ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนและคิดว่าสังคมสหรัฐฯ ปฏิบัติต่อคนทุกผิวสีอย่างไม่เท่าเทียมจริงๆ แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่เห็นใจเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องทำงานอย่างยากลำบาก บางครั้งถึงกับบาดเจ็บหรือล้มตายไปจากการทำหน้าที่
ซึ่งการที่โฆษณาของ Pepsi ได้สร้างภาพให้ความขัดแย้งทางสังคมคลี่คลายอย่างง่ายดาย ทำให้เครื่องดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อดังถูกวิจารณ์ว่ามองและนำเสนอประเด็นที่เกิดขึ้นอย่างตื้นเขิน เหมือนเป็นการมองปัญหาโดยไม่ใส่ใจต่อข้อเท็จจริงใดๆ แม้แต่ลูกสาวของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ผู้นำการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของคนผิวดำก็ยังพูดถึงเรื่องนี้อย่างเสียดสีว่า “ถ้าพ่อรู้นะว่า Pepsi มีพลังขนาดนี้”
นางแบบสาวติดร่างแห
แน่นอนว่านอกจากแบรด์สินค้าแล้วนางแบบผู้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ตกร่างแหไปด้วย ว่ากันว่าเธอถึงกับ “จิตตก” และ “อับอาย” ต่อเรื่องที่เกิดขึ้นมาก
สาวเคนดัลล์ เจนเนอร์ เป็นนางแบบที่กำลังโด่งดังของวงการแฟชั่นสหรัฐฯ แต่อีกบทบาทหนึ่งของเธอก็คือการเป็น “ดาราเรียลลิตี้โชว์” แห่งบ้าน “คาร์เดเชียน” อันโด่งดังนั่นเอง เธอถือว่าเป็นสมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูล เป็นที่สนใจของบรรดาวัยรุ่น การที่ Pepsi เลือกเธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก ซึ่งน้องสาวต่างบิดาของ คิม คาร์เดเชียน เป็นส่วนหนึ่งของรายการเรียลลิตี้โชว์สุดฮิตเผยแพร่ผ่านทางช่องข่าวบันเทิง E! News
ครอบครัว คาร์เดเชี่ยน ประกอบไปด้วยสมาชิกหลายคน เป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งโด่งดังจากการมีรายการโทรทัศน์หลายรายการซึ่งติดตามนำเสนอภาพการใช้ชีวิตอันหรูหราฟู่ฟ่าในแบบคนในแวดวงสังคมชั้นสูงของบรรดาสมาชิกในครอบครัวให้คนได้ชมกัน จนนำมาซึ่งรายได้ก้อนโต จากงาน และการเป็นพรีเซ็นเตอร์ต่างๆ จนอาจกล่าวได้ว่าตอนนี้งานหลักของคนในตระกูลนี้ ก็คือการใช้ชีวิตของพวกเขาผ่านหน้าจอให้คนชมและวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อยๆ นั่นเอง
แต่ชื่อเสียงและความโด่งดังของ คาร์เดเชียน ก็มาพร้อมกับเสียงวิจารณ์ แม้แต่ ประธานาธิบดี บารัก โอบาม่า ก็เคยออกปากพูดถึงพวกคาร์เดเชี่ยนว่ากำลังส่งผลกระทบในแง่ลบต่อสังคมอเมริกัน “มันไม่เคยมีนะครับ หน้าต่างที่เอาไว้ส่องดูวิถีชีวิตของบรรดาคนรวย และคนมีชื่อเสียงแบบนี้ เด็กๆ จะคอยแต่เฝ้ามองแต่ว่า คิม คาร์เดเชี่ยน จะใส่เสื้อผ้าของอะไรบ้าง หรือ คานเย เวสต์ จะไปเที่ยวพักร้อนที่ไหนบ้าง แบบนี้และสุดท้ายก็เริ่มคิดไปว่า นี่น่ะแหละคือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของชีวิต”
การดังจากข่าวในแง่ลบ จึงอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอนัก เคนดัลล์ เจนเนอร์ และพี่ๆ น้องๆ นัก เพราะว่าไปแล้ว คิม คาร์เดเชี่ยน พี่สาวคนดังของ เคนดัลล์ ก็ดังและ “แจ้งเกิด” จากเรื่องฉาวๆ อย่าง “เซ็กส์เทป” มาแล้ว
Pepsi พลาด หรือ ตั้งใจ?
หลังถูกถล่มอย่างหนัก สุดท้าย Pepsi ได้ตัดสินใจถอดโฆษณาทั้งหมด และออกแถลงการณ์ขออภัยว่ายอมรับตรงๆ ว่า “ชัดเจน เราพลาดไปในประเด็นสำคัญไป และเราขออภัยจริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจที่จะล้อเล่นกับประเด็นจริงจังใดๆ เราได้ตัดสินใจถอดโฆษณาออก และขออภัยอย่างสูงที่ทำให้ เคนดัลล์ เจนเนอร์ ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้”
แน่นอนว่า Pepsi ถูกวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนต่อเนื่องหลายวัน แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อย ก็ไม่ค่อยจะเชื่อนักว่า Pepsi จะมองไม่ออกว่า Black Lives Matter เป็นเรื่องที่ไม่ควรแตะต้อง
“ผมคิดว่า Pepsi ตั้งใจที่จะทำแบบนี้ เพราะตอนนี้คนพูดถึงกันทั้งโลก” อีริค ชิฟเฟอร์ ประธานของบริษัทที่ดูแลด้านการจัดการแบรนด์ Reputation Management Consultants กล่าวแสดงความเห็น และยังเชื่อว่ามูลค่าที่ Pepsi ได้ “โฆษณาฟรี” ผ่านสื่อต่างๆ ทั่วโลกนับครั้งไม่ถ้วนครั้งนี้อาจจะสูงระดับ 300 – 400 ล้านเหรียญฯ
เช่นเดียวกับ ฮาเวิร์ด เบรกแมน ผู้ก่อตั้ง Fifteen Minutes PR ที่เชื่อตรงกันว่า Pepsi รู้ดีว่า Black Lives Matter เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่การเล่นประเด็นนี้จะทำให้ Pepsi ถูกพูดถึงมากมาย แต่ เบรกแมน ก็เชื่อว่าสุดท้าย Pepsi ก็พลาดไป เพราะกระแสออกมาในแง่ลบแบบเป็นเอกฉันท์ ซึ่งทาง Pepsi คงไม่ได้คิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นประเด็นใหญ่โตเช่นนี้แต่อย่างใด
“การได้เป็นข่าวในสื่อ ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับแบรนด์เสมอไป” เบรกแมน มองว่าสุดท้ายแล้วครั้งนี้ Pepsi อาจจะเสียมากกว่าได้ เพราะประเด็นที่ Pepsi เลือกเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก กระแสก็ออกมาในแง่ลบอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ใหญ่โตเกินควบคุม ระดับจะกระทบต่อชื่อเสียงของแบรนด์ในระยะยาวแต่อย่างใด เป็นเพียงการ “สะดุด” ธรรมดาๆ เท่านั้น
ซึ่ง Pepsi ก็ไวพอที่จะรับรู้ถึงกระแสในแง่ลบ และตัดสินใจถอดโฆษณา พร้อมขอโทษทันที “Pepsi ไม่ได้ซื่อขนาดที่จะไม่รู้หรอกว่าคนจะพูดถึงโฆษณากันแบบนี้ งานโฆษณาบางทีก็ต้องทดลองกันแบบนี้ เพราะมันอาจจะได้ผลก็ได้” ผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณากล่าว