อูเบอร์ (Uber) บริษัทแอปพลิเคชันให้บริการรถร่วมเดินทางยอมรับว่า ในปี 2016 ตัวเองขาดทุนมากกว่า 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขนี้ไม่รวมผลประกอบการในจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง ถือเป็นตัวเลขขาดทุนที่เกิดขึ้นบนยอดเงินสะพัดที่ Uber เรียกเก็บได้มากกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.8 แสนล้านบาท
การประกาศผลประกอบการของ Uber ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้โลกมองเห็นตลาดที่เติบโตก้าวกระโดด คาดว่าการเติบโตจะเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 2017
หากไม่นับรวมกิจการในจีน ซึ่ง Uber ตัดสินใจขายไปในมูลค่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ Uber ระบุว่า รายได้รวมที่บริษัทรวบรวมได้จากบริการรถร่วมเดินทางนั้น มีมูลค่าราว 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นส่วนส่วนเพิ่มขึ้นจากปี 2015 มากกว่า 2 เท่าตัว เมื่อหักค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งให้กับผู้ขับ Uber มีรายได้สุทธิ 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม รายได้ของ Uber นั้น น้อยกว่ารายจ่าย ทำให้อัตราขาดทุนของ Uber ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ที่แม้ Uber จะเพิ่มจำนวนเที่ยวบริการจนทำเงินได้มากขึ้นเป็น 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็ไม่เพียงพอกับรายจ่ายทำให้ขาดทุนมากกว่า 991 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Uber มีรายได้รวม 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
จากข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายจ่ายของ Uber ในปีที่แล้วหมดไปกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก รวมถึงค่าใช้จ่ายเรื่องการซื้อรถสำหรับโครงการพัฒนารถไร้คนขับ และค่าใช้จ่ายเรื่องส่วนแบ่งหุ้นให้พนักงาน
ที่มา : http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000038385