เหยื่อการตลาด! จวก “สกินแคร์ดัง” คนแห่โพสต์รูปขาวดำมหาศาลแต่บริจาคแสนเดียว

ชาวเน็ตแห่โพสต์รูปขาวดำติดแท็ก แลกกับบริจาคเงิน 10 บาท ช่วยคนตาบอดบนเฟซบุ๊ก สุดเงิบเจ้าของแบรนด์นับเฉพาะ IG แถมมีแค่แสนเดียว ด่ายับให้มีคนแชร์เป็นล้าน ก็บริจาคแค่นี้

จากกรณีที่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผมจากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่า “คิลส์” (Kiehls) ได้จัดกิจกรรมทางการตลาด โดยให้โพสต์รูปขาวดำพร้อมติดแฮชแท็ก #BlindButNotBlind #KiehlsThailand และเปิด Public ด้วย ซึ่งรูปขาวดำบน Instagram 1 รูป เท่ากับบริจาค 10 บาท ให้กับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน ทำให้โลกโซเชียลแห่แชร์รูปขาวดำพร้อมติดแฮชแท็กเพื่อทำกิจกรรมจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อทางแบรนด์อธิบายไม่ชัดว่าจะนับยอดผู้โพสต์ภาพจากอะไร ซึ่งผู้คนบนโลกโซเชียล โดยเฉพาะเฟซบุ๊กต่างเข้าใจผิดโพสต์ภาพจำนวนมาก ทั้งที่ทางแบรนด์ดังกล่าวระบุว่าจะนับเฉพาะอินสตาแกรม อีกทั้งเมื่อมีคนโพสต์ภาพจำนวนมากถึง 1 แสนรูป ซึ่งเกินจากยอดที่จะบริจาคสูงสุด คือ 1 แสนบาท หารด้วย 10 เท่ากับ 10,000 ภาพ กลับไม่ประกาศปิดโครงการ ทำให้บนโลกโซเชียลต่างวิจารณ์โครงการดังกล่าวว่า เป็นการหากินกับความสงสารของคน เพราะส่วนต่างยอดแชร์ไม่มีใครได้ประโยชน์นอกจากแบรนด์ดังกล่าว หากไม่หมกเม็ดตั้งแต่แรกก็คงไม่ถูกตำหนิมากขนาดนี้ อาทิ

Jack (ขอสงวนนามสกุล) “ยอดบริจาคสูงสุด 100,000 บาท บริษัทใหญ่ขนาดนั้น 1,000,000 บาทก็ได้”

Bow (ขอสงวนนามสกุล) “ตอนแรกกำลังจะดีเลย แต่มีเครื่องหมายดอกจันทน์เล็กๆ ดูๆ แล้ว ทางแบรนด์น่าจะโดนหนักเหมือนกันนะคะเนี่ย”

A Chaysip (ขอสงวนนามสกุล) “ล่าสุดยอดแฮชแท็คใน IG ประมาณ 160,000 แล้วคิดเป็นเงินก็ต้อง 1,600,000 แล้ว แต่ยอดบริจาคแค่ 100,000 บาท ฉะนั้น 10,000 คนแรกเท่านั้น ที่ได้บริจาค ฉะนั้น อีก 150,000 คน รู้ไว้เลย คุณแค่เป็นคนที่โฆษณาให้เขาฟรีๆ โดยคุณไม่ได้ได้อะไร”

Pokpak (ขอสงวนนามสกุล) “แบบนี้ก็ถือว่าหากินกับความสงสารของคนไหมครับ เพราะส่วนต่างยอดแชร์ไม่มีใครได้ประโยชน์เลยนอกจากคิลส์”

Nada (ขอสงวนนามสกุล) “คนโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กกันเยอะเลยค่ะ แล้วแบรนด์จำกัดยอดบริจาคแค่ 100,000 บาทคนแชร์เป็นล้านคน ความเห็นส่วนตัว คิดว่าเป็นสิ่งดีนะคะที่แบรนด์จัดแคมเปญดีๆ อย่างนี้ แต่แทนที่แคมเปญนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ แต่กับสร้างความสับสนแฝงกับทำการตลาดแบบนี้ทำให้แบรนด์เกิดภาพลักษณ์ด้านลบมากกว่าค่ะ”

ซันไชน์ (ขอสงวนนามสกุล) “คิดดีแล้วหรอที่เอาคนไม่รู้เรื่องมาเป็นเครื่องมือหากิน”

อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดขึ้นเพราะผู้ใช้งานเฟซบุ๊กส่วนหนึ่งเชื่อมโยงกับบัญชีอินสตาแกรม เมื่อจะโพสต์ภาพลงในอินสตาแกรม หากกดไอคอนเฟซบุ๊กในแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรมก่อนโพสต์ภาพ ภาพก็จะโพสต์ลงในเฟซบุ๊กพร้อมกันไปด้วยโดยอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อผู้ที่เห็นภาพในเฟซบุ๊กอาจเกิดความเข้าใจผิดแล้วร่วมกิจกรรมโพสต์ภาพขาวดำของตนเอง โดยไม่รู้ว่าทางโครงการจะไม่นับภาพจากเฟซบุ๊ก

อย่างไรก็ตาม ณ เวลา 11.10 น. มีผู้โพสต์ภาพผ่านแฮชแทก #BlindButNotBlind กว่า 181,510 โพสต์ และ #KiehlsThailand กว่า 197,214 โพสต์

เฟซบุ๊ก “อีเจี๊ยบ เลียบด่วน” เซเล็บโซเชียลชื่อดัง แสดงความคิดเห็นว่า คงไม่มาตัดสินว่าทำยังไง เพราะทางสินค้าก็บริจาคจริง ทำความดี ไม่ได้ไปหลอกลวงใคร แต่อาจแบบมีข้อแม้ เราก็มีสิทธิ์จะเลือกทำได้ เพราะตอนนี้ยอดแชร์ก็น่าจะเกินหมื่นแล้ว มูลนิธิน่าจะได้ตามกำหนดสูงสุดแล้ว 1 แสนบาท ใครจะถ่าย จะแชร์ ก็เพราะปรารถนาดี จิตเป็นกุศล ก็ชื่นชมทุกคน แต่ก็ต้องทราบไว้ว่า ทุกครั้งที่ทำ ก็จะช่วยเผยแพร่แบรนด์สินค้าไปด้วย ถ้าทราบแล้ว และยังอยากทำ ก็เป็นสิทธิ์ ใครไม่อยากทำไม่ควรไปต่อว่ากัน ทางสินค้าก็ไม่ผิด ทางคนร่วมแคมเปญก็ไม่ผิด แต่ใจจริงๆ จะโปรโมทหรือไม่ ก็ยังได้เงินเข้ามูลนิธิ ไม่อยากให้ไปต่อว่าทางสินค้า เพราะถึงเขาทำธุรกิจ แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งช่วยเหลือสังคม

หรืออาจจะรอสักนิด ให้ทางมูลนิธิได้คุยกับทางแบรนด์ ซึ่งเห็นว่าคุยกันอยู่ รอให้ทางแบรนด์ เพิ่มยอดบริจาค หรืออย่างไร ประกาศให้ชัดเจน แล้วค่อยทำ อันนี้ก็แล้วแต่ จะเลือกทางที่ดีที่สุด บริจาคตรงเข้าสู่มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ อันนี้เข้าสู่มูลนิธิแบบไม่มีกติกา ไม่มีจำกัดวงเงิน ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทำได้เลย ไม่ต้องพึ่งพาแบรนด์สินค้าใด

ที่มา : http://manager.co.th/HotShare/ViewNews.aspx?NewsID=9600000053543