“ยู ซิตี้” ปิดดีลซื้อเชนโรงแรมใหญ่ในยุโรป มูลค่ากว่า 12,300 ล้านบาท

บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ขยายพอร์ตธุรกิจโรงแรมมูลค่ากว่า 12,300 ล้านบาท ปิดดีลซื้อกิจการโรงแรม 24 แห่ง พร้อมด้วยธุรกิจการจัดการบริหารโรงแรมครอบคลุม 9 ประเทศในยุโรป ซึ่งการลงทุนซื้อกิจการดังกล่าวได้มีการตกลงเซ็นต์สัญญาการเข้าซื้อเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา และทำการปิดดีลซื้อกิจการในวันที่ 31 พฤษภาคม 2560

การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ได้ทำผ่านบริษัทย่อยของ บมจ. ยู ซิตี้ในประเทศออสเตรีย คือ Vienna House Capital GmbH หรือ วีเอช แคปปิตอล (VH Capital) โดย ยู ซิตี้ ถือหุ้น 100% ธุรกิจโรงแรมภายใต้บริษัท Vienna International Hotel Management AG หรือ เวียนนา เฮ้าส์ (Vienna House) ซึ่งเป็นโรงแรมที่เน้นกลุ่มธุรกิจและเพื่อการพักผ่อน จำนวน 16 แห่ง รวมถึง โรงแรมในเครือของบริษัท Warimpex Finanz- und Beteiligungs AG หรือ วอริมเพ็กซ์ (Warimpex) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สัญชาติออสเตรียและโปแลนด์ อีก 8 แห่ง

บริษัทฯใช้เงินทุนในการซื้อกิจการโรงแรมในครั้งนี้ด้วยเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเงินสดในปัจจุบัน โดยบริษัทฯ คาดว่าบริษัทย่อย วีเอช แคปปิตอล จะรับรู้รายได้ต่อปีจากการลงทุนครั้งนี้ประมาณ 115 ล้านยูโร หรือประมาณ 4,300 ล้านบาท และมีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) ประมาณ 26 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 970 ล้านบาท และคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 20% ในอีก 4 ปีข้างหน้า

นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นอกจากในส่วนของโรงแรมแล้ว เรายังได้แพลตฟอร์มธุรกิจการจัดการบริหารโรงแรมซึ่งบริหารโรงแรมทั้ง 24 แห่ง และสัญญาการบริหารโรงแรมให้กับโรงแรมอื่นๆอีก 12 แห่ง สำหรับแพลตฟอร์มของการบริหารจัดการและแบรนด์โรงแรมต่างๆ จะเป็นกลไกสร้างการเติบโตของการขยายธุรกิจโรงแรมดังกล่าว พร้อมเสริมความแกร่งให้กับโรงแรมที่มีอยู่เดิมในไทยของบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันมี โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์, โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท แอนด์ สปาและโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพมหานคร”

โดยการลงทุนซื้อกิจการโรงแรมของบริษัทฯ ในครั้งนี้ เราได้ทั้งตลาดท่องเที่ยวในยุโรปที่แข็งแกร่งและมีมาอย่างยาวนานและตลาดที่จัดได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่ของชาวยุโรป อาทิ เยอรมัน โปแลนด์ ฝรั่งเศส และสาธารณรัฐเชค ซึ่ง ยู ซิตี้ จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตที่น่าสนใจของตลาดดังกล่าวในการสร้างรายได้ระยะยาว และล่าสุดรายงานของ STR Global สถาบันรายงานสถิติโรงแรมทั่วโลกระบุว่า ในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2560 โรงแรมในแถบยุโรปโชว์การเติบโตผ่านตัวชี้วัดสำคัญ อัตราการเข้าพัก (Occupancy) เพิ่มขึ้น 3% ขณะที่ อัตราราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) เพิ่มขึ้น 2.5% และรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) เพิ่มขึ้นถึง 5.9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

มิสเตอร์ ดาเนียล รอสส์ กรรมการ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวเสริมว่า “การลงทุนนี้นับเป็นครั้งสำคัญของยู ซิตี้ ในการขยายพอร์ตสินทรัพย์เพื่อมุ่งสร้างรายได้ระยะยาวในต่างประเทศ และทำให้ในตอนนี้รายได้ส่วนใหญ่ของยู ซิตี้ จะมาจากสินทรัพย์ในต่างประเทศ เราเชื่อมั่นว่า กิจการโรงแรมทั้งหมดซึ่งนำโดยทีมบริหารของเวียนนาเฮ้าส์จะช่วยสร้างแพลตฟอร์มการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างรายได้และกำไรกลับมาสู่ผู้ถือหุ้นได้”

นอกจากนั้น บมจ. ยู ซิตี้ ได้มีการลงทุนซื้ออาคารสำนักงานให้เช่าเกรด เอ ขนาด 9,700 ตร.ม. กลางกรุงลอนดอน ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 33 เกรซเชิร์ช สตรีท (Gracechurch Street) และกำลังทำสัญญาซื้ออาคารสำนักงานให้เช่าแห่งที่สอง ขนาด 2,400 ตร.ม. ตั้งอยู่เลขที่ 6-14 อันเดอร์วูด สตรีท (Underwood Street) รวมถึงยังมีโครงการมิกซ์ยูซที่จะเป็นโรงแรม รีเทล และสำนักงานให้เช่าที่พญาไท ที่จะเริ่มก่อสร้างปี 2560 และโครงการมิกซ์ยูซที่หมอชิต ที่จะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2561

เกี่ยวกับบริษัท

บมจ. ยู ซิตี้ เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดประมาณ 16,800 ล้านบาท กลยุทธ์ของบริษัทฯ คือ การเข้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ อย่างเช่น อพาร์ทเมนท์ โรงแรม อาคารสำนักงานที่อยู่ในแนวเส้นทางขนส่งมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2558 บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้ง ได้เข้ามาถือหุ้น 35.64% ใน ยู ซิตี้ โดยแลกกับการขายทรัพย์สินที่เป็นที่ดินและโรงแรมให้บริษัทฯ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2559 เป็นก้าวแรกของบริษัทฯในการเข้าไปลงทุนในยุโรปโดยซื้อกิจการอาคารสำนักงานให้เช่า เกรด เอ กลางกรุงลอนดอน มูลค่า 3,400 ล้านบาท
ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.ucity.co.th