ยุคนี้การซื้ออสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดฯ รวมๆ ผู้บริโภคมักตัดสินจาก “อารมณ์” มากกว่า “เหตุผล”
บรรดาบิ๊กแบรนด์หรือค่ายอสังหาฯ ใหญ่ๆ จึงทุ่มเทไปกับการสร้างฝันและจินตนาการให้กับผู้บริโภค ได้เชื่อถือ ศรัทธา และวาดวิมานไปกับภาพถ่ายทำ แม้จะขึ้นเครดิตก่อนแล้วว่า “สถานที่จริง / บรรยากาศสมมุติ” แต่ผลที่ตามมาก็คือข่าวคราวความผิดหวัง ทั้งต่อโครงการฯ ไม่เหมือนที่โฆษณาไว้บ้างแหล่ะ ไม่ได้มาตรฐานที่ควรจะเป็นบ้างแหล่ะ ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น ที่ผู้บริโภคได้คาดหวังเอาไว้แต่แรกเรื่องบริการหลังการขาย เป็นชนวนแตกดับหรือดัชนีชี้วัดเรื่องการทำงาน หรือการสร้างภาพของแต่ละที่ได้ดิบได้ดีกันเลยทีเดียว
กระนั้นธุรกิจอสังหาฯ ก็ยังคงความเนื้อหอม อาจด้วยเพราะเป็นอัตลักษณ์ในเรื่องของการเพิ่มค่า อย่างมีที่มาที่ไป และสมเหตุสมผล ทำให้ในแต่ละปีมีดิวิลอปเปอร์หน้าใหม่ ดาหน้าเข้าสู่ตลาด เจ้าที่น่าสนใจโฟกัสไปที่เจเนอเรชั่นที่สองของกลุ่มธุรกิจใหญ่ ซึ่งรุ่นแรกๆ ได้ตุนที่ดินสวยๆ ไว้จำนวนมาก ถ้าสานต่อก็เอื้อต่อความสำเร็จ แต่กระนั้นในยุคปัจจุบัน ก็หาใช่แต่แค่ “โลเคชั่น” จะเป็นกุญแจสำคัญเพียงอย่างเดียว ถ้าเข้ามาแล้ว จะรู้ว่าบนเส้นทางสายนี้ ยังมี “คีย์” อีกหลายดอก ให้ได้เลิร์น พร้อมระหว่างทางยังมีคำว่า “อ่อนแอก็แพ้ไป” ก้องเข้ามาในโสตฯ เป็นระยะๆ
ทั้งหมดเป็นแค่หนึ่งในประสบการณ์ที่เล่าผ่านหูของ คุณเฉลิมชัย ว่องไววิทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมโทร โพลิสพรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด กว่า 50 ปี ที่ธุรกิจครอบครัว “ว่องไววิทย์” โลดแล่นอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรม จากการรับรู้ในชื่อว่องไววิทย์อุตสาหกรรมจักรกล ผู้นำเข้าและเป็นผู้แทนจำหน่าย เครื่องจักรกลจากประเทศต่างประเทศ อาทิ รัสเซีย จีน ไต้หวัน เครื่องจักรกลใช้แล้วจากยุโรป อังกฤษ อเมริกา เยอระมัน เชคโกสโลวาเกีย ฯลฯ รากฐานที่มาอย่างยาว นาน บวกกับความเรียนรู้งานเต็มที่ บุคลิกช่างสังเกต ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด นำมาซึ่งวิเคราะห์หาโอกาสใหม่ๆ หลังเรียนจบวิศวกรรมไฟฟ้า จากอเมริกาและปริญญาโท ด้านการตลาดและธุรกิจระหว่างประเทศ จากศศินทร์ ทำให้เขาประเมินว่าอสังหาฯ จะเป็นอีกหนึ่งขาธุรกิจเติบโตได้ไกลในอนาคต
“ผมต้องการธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง ไม่ล้มง่ายๆ อสังหาฯ แม้ว่าจะใช้เงินเยอะ หากระบบดี มีโอกาสที่จะได้ไปต่อเรื่อยๆ จุดเด่นของ ว่องไววิทย์ คือ ความเชื่อถือที่ลูกค้ามี่ให้ตั้งแต่ทำธุรกิจอุตสาหกรรม ต่อเนื่องมาถึงก้าวแรกของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เส้นทาง เครดิตชื่อเสียง เงินทุนจากกระเป๋าครอบครัวที่ไม่ต้องแบกภาระดอกเบี้ย และที่ดินสะสม ย่านบางนาตราด จำนวนที่มากพอสำหรับการนำมาพัฒนาโครงการในอีก 3-5 ข้างหน้า”
หากเทียบฟอร์มในตลาด เขาเป็นรายเล็ก แต่ก็ไม่คิดว่านั่นเป็นปัญหา
“ผมเน้นสร้างโอกาสจากสิ่งที่รายใหญ่ทำไม่ได้ และอาศัยการทำงานที่คล่องตัวตามแบบฉบับของผม เช่น ควบคุมคุณภาพทุกอย่าง เหล็กซื้อเอง มั่นใจว่าได้ของดีมีคุณภาพ อย่างเช่นโครงการบ้านเดี่ยว วิลล่า นครินทร์ อ่อนนุช เรารับประกันโครงสร้าง 10 ปี งานตอกเสาเข็ม ผมทำเองเกือบทุกหลัง คือ ต้องเทสต์ด้วยว่ารับน้ำหนักได้มากกว่าตัวบ้านถึง 3-4 เท่า ส่วนนี้เป็นของที่ลูกค้ามองไม่เห็น แต่ลูกค้าได้ประโยชน์จากการได้บ้านที่แข็งแรง และไม่ทรุดโทรมในระยะยาว ผมมีทีมวิศวกร สถาปนิก ขึ้นมาเอง ควบคุมคุณภาพอย่างเต็มที่”
“การต่อสู้กับรายใหญ่ไม่ง่าย เขามีเงินทุนพัฒนาโครงการที่เร็วกว่า งบการตลาด สร้างแบรนด์สูงกว่าหลายเท่าตัว ลูกค้าเชื่อถือแบรนด์มากกว่าเพราะบ้านและคอนโดฯ เป็นสินค้าราคาสูง แต่สำหรับผม ขอใช้เวลาในการสร้างผลงานก่อน” หนึ่งในความคล่องตัวที่พูดถึง คือ การเข้าไปคลุกคลีอยู่กับกลุ่มลูกค้าจริงๆ รับฟังว่าเขามีปัญหาอะไร ต้องการอะไร ฯลฯ แล้วถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้าง เชิงวิศวกรรม ที่เชี่ยวชาญ บ่อยครั้งที่จะเห็นเฟสนาม “เฉลิมชัย” เข้ามาตอบลูกบ้านด้วยตนเอง ยกตัวอย่างในโปรเจคต์ล่าสุด เดอะเมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์
“คนที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเขาเก็บเงินมาทั้งชีวิต ดังนั้นเราไม่ใช่แค่สร้างที่อยู่อาศัย เราสร้างการยอมรับด้วย จากบ้านจัดสรร ธุรกิจแนวราบ มาเป็นคอนโดมิเนียม ดึงคนหมู่มาก กลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นก็ต้องใส่ใจมากขึ้น ยิ่งในส่วนโครงสร้าง ต้องแข็งแรง อาคารไม่ทรุด มั่นใจว่าอยู่ไปได้ตลอด เราถึงทำเสาเข็มขนาดใหญ่ลึกถึง 56 เมตร ผ่านชั้นดินที่อ่อนตัวไปเยอะ แล้วเรายังได้เลือกวัสดุในห้องที่เหนือมาตรฐานทั่วไปเกือบทั้งห้อง ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังได้พัฒนาพื้นที่ด้านล่าง The metropolis samrong เป็น Community mall เนื่องจากสถานีสำโรง เป็นอินเตอร์เชนจ์ ห่างกับโครงการเพียงก้าวเดียว มีแนวคิดการทำสะพานเชื่อม ส่วนร้านค้านั้นเราได้จ้างสถาปนิกชั้นนำออกแบบให้ดูดีและทันสมัย. แต่เนื่องจากพื้นที่เรามีจำกัด ร้านค้าทั่วไปคงมีไม่มาก แต่เราจะเน้นให้ความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัยในคอนโด เช่นชั้น 1 จะเป็น fast food, convenience store และร้านกาแฟชั้นนำ ชั้นสองอาจจะเป็นศูนย์อาหารทั้งชั้นที่จะจำหน่ายอาหารที่สะอาด อร่อย และราคาไม่แพง ส่วนชั้นสามอาจจะเป็นสถาบันการเงินหลายๆแห่งมารวมกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปว่าเป็นผู้ประกอบการใดบ้าง ยังอยู่ในช่วงเจรจาอยู่
อนึ่ง ด้านภาพรวม ส่วนร้านค้านั้นเราได้จ้างสถาปนิกชั้นนำออกแบบให้ดูดีและทันสมัย แต่เนื่องจากพื้นที่เรามีจำกัด ร้านค้าทั่วไปคงมีไม่มาก แต่เราจะเน้นให้ความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัยในคอนโด เช่นชั้น 1 จะเป็น fast food, convenience store และร้านกาแฟชั้นนำ ชั้นสองอาจจะเป็นศูนย์อาหารทั้งชั้นที่จะจำหน่ายอาหารที่สะอาด อร่อย และราคาไม่แพง ส่วนชั้นสามอาจจะเป็นสถาบันการเงินหลายๆ แห่งมารวมกันแต่ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปว่าเป็นผู้ประกอบการใดบ้าง ยังอยู่ในช่วงเจรจาอยู่ หากแน่นอนว่าเป็นรายใดจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะครับขอขอบคุณอีกครั้งจากการสำรวจเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายล่าสุด สถานีสำโรง–เคหะฯสมุทรปราการรวม 9 สถานี โดย ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ระบุว่า เป็นเส้นทางที่น่าสนใจ ถึงแม้วันนี้การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินจะไม่มากนัก แต่มีโอกาสที่จะเติบโตเป็นอย่างมากภายใน 2-3 ปี โดยราคาที่สถานีสำโรงเป็น 300,000 บาทต่อตารางวา แต่ปรากฏว่าในปีที่ผ่านมาราคาเพิ่มขึ้นเพียง 1.7% เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ราคาได้เพิ่มไปสูงมากแล้ว แต่ก็นับว่า ในอนาคตมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นอีกเพราะอยู่ห่างไกลจากสถานีบางนาเพียงไม่กี่สถานีและบริเวณนั้นมีการเติบโตของราคาที่ดินสูงขึ้นเป็นอย่างมากต่างจากสถานีสำโรงนับเท่าตัว
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ ณ สถานีปู่เจ้าสมิงพรายเอราวัณ โรงเรียนนายเรือ และสมุทรปราการราคาที่ดินสูงเท่ากันคือ 250,000 บาทต่อตารางวา ในอนาคตราคาที่ดินโดยบริเวณรอบสถานีเหล่านี้น่าจะเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยและการเดินทางเพิ่มอีกไม่กี่สถานีก็อาจเพิ่มค่าโดยสารไม่มากนัก หากเทียบกับความสะดวกสบายในการเดินทางในอนาคต สำหรับที่สถานีสุดท้ายเคหะชุมชนสมุทรปราการปรากฏว่าราคาที่ดินในขนาดนี้ตํ่าสุดคือเป็นเงิน 100,000 บาทต่อตารางวา แต่ปรากฏว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสูงมากถึง 11.1% มากที่สุดในสถานีทั้งหมด 9 สถานีดังกล่าว และในอนาคตจะมีเส้นทางต่างๆ มาเชื่อมต่อกับสถานีสุดท้ายนี้เพิ่มขึ้น ทำให้การเพิ่มขึ้นของราคาอาจยิ่งก้าวกระโดดกว่านี้
นับจากนี้เป็นต้นไป ทั้งผู้บริหารฯ และโครงการฯ จึงน่าจับตามอง!!!