เอราวัณสิ่งทอ ผู้ผลิตสิ่งทอในเครือสหพัฒน์ ประกาศจับมือ เพอร์มา คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสิ่งทอ “นาโนซิงค์” ชูความล้ำหน้าของการผสานนาโนซิงค์ให้ฝังแน่นในเส้นใย สามารถยับยั้งแบคทีเรียได้อย่างคงทนถาวร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการใช้งาน โดยตั้งเป้าหมายยอดขายภายใน 1 ปี คิดเป็น 20% ของรายได้รวม
นายคมสัน ศุภมิตร์ กรรมการบริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีนโยบายในการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมสิ่งทอที่มีคุณสมบัติพิเศษ เพื่อตอบรับกับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการเลือกเสื้อผ้าและสิ่งทอที่มีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้จับมือกับ บริษัท เพอร์มา คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้คิดค้นนวัตกรรมเส้นใย (Fiber) ที่ผสมผสาน “นาโนซิงค์” ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดในวงการสิ่งทอที่ได้รับการพิสูจน์และยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์ว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยเอราวัณสิ่งทอได้นำเส้นใยนาโนซิงค์มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเส้นด้ายและผ้าสำเร็จรูป สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ของใช้ในครัวเรือน ยานยนต์ ของใช้ในโรงพยาบาล เป็นต้น
จุดเด่นของนวัตกรรมสิ่งทอจากเส้นใยนาโนซิงค์ที่เปิดตัวในครั้งนี้ คือ คุณสมบัติในการกำจัดและยับยั้งแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ โรคผิวหนัง ไซนัส และภูมิแพ้ได้อย่างคงทนถาวร เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ผสมผสาน “นาโนซิงค์” ให้เข้าไปฝังตัวแน่นอยู่ในเส้นใย ทำให้ไม่หลุดลอกแม้ผ่านการซักนับร้อยครั้ง อีกทั้ง ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งกระบวนการผลิตและการใช้งาน เพราะการฝังนาโนซิงค์ในเส้นใยทำให้ไม่มี “สารเคมีโลหะหนัก” หลุดลอกออกมาปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์สามารถคงประสิทธิภาพทั้งในด้านการดูแลสุขภาพและการดูแลโลกได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการกรองและลดรังสียูวีซึ่งเป็นตัวการที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยระบายความชื้น ทำให้รู้สึกสบายขณะสวมใส่ เบาสบาย ถ่ายเทอากาศได้ดี และดูแลรักษาง่ายอีกด้วย
“ครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือสำคัญระหว่างสองบริษัทเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยให้มีนวัตกรรมที่ทันสมัย สามารถตอบสนองเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยเราใช้เวลากว่า 1 ปี ร่วมกันพัฒนากระบวนการผลิตที่เหมาะสมกับวัตถุดิบ ซึ่งเอราวัณสิ่งทอมีความพร้อมทั้งในด้านโรงปั่นด้าย ทอผ้า ย้อมสี อย่างครบวงจร จึงทำให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้ตามมาตรฐานที่วางไว้” นายคมสันกล่าว
นายคมสัน ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์ทางการตลาด ว่า เบื้องต้นมุ่งเน้นการทำตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ผลิตเสื้อผ้าในเครือสหพัฒน์ เช่น แอร์โรว์ วาโก้ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะผลิตชุดเครื่องแบบสำหรับข้าราชการหน่วยงานต่างๆ รวมถึงขยายตลาดไปยังกลุ่มวัสดุสิ่งทอทางการแพทย์และของใช้ในโรงพยาบาล เช่น ผ้าห่ม ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายยอดขายภายในปีแรก ประมาณ 10% ของรายได้รวม และเพิ่มเป็น 30 % ของรายได้รวม ภายใน 2 ปี
สำหรับภาพรวมตลาดสิ่งทอในประเทศไทยปี 2560 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 3% เมื่อเทียบกับปี 2559