กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้ายุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย เปิดเวทีสัมมนาระดับนานาชาติ Symposium 2017 ระดมผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์การค้าชื่อดังระดับโลก ร่วมเผยเทรนด์การค้าในยุคดิจิทัล แนะกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลเทคโนโลยี พร้อมเปิดโอกาสสร้างเครือข่ายการค้าเชื่อมโยงตลาดอาเซียน+6
นางวรรณภรณ์ เกตุทัต รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันการค้าการลงทุนระหว่างประเทศต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการที่โลกก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ประกอบกับบริบททางการค้าระหว่างประเทศใหม่ๆ ซึ่งเป็นผลจากการเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่ง ด้านการค้าผ่านแดน ด้านแรงงาน ด้านดิจิทัลเทคโนโลยี และด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการไทยทุกภาคธุรกิจต้องทำความเข้าใจและปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจยุคใหม่
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภาคการค้าของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก จึงดำเนินยุทธศาสตร์เชิงรุกเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์และผู้ประกอบการค้าระหว่างประเทศ โดยจัดการสัมมนาระดับนานาชาติ “Symposium 2017”ภายใต้หัวข้อ “กลยุทธ์สู่ความมั่งคั่งและยั่งยืนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (A Roadmap to Sustainable Growth in Digital Connectivity Era)” ขึ้นภายในงาน TILOG-LOGISTIX 2017 เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการนำนวัตกรรมและดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเปิดโอกาสในการสร้างเครือข่ายการค้าเชื่อมโยงกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน+6 เพื่อขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพให้เติบโตอย่างยั่งยืน
การสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยจะได้รับทราบข้อมูลและเรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์การค้าจากองค์กรชั้นนำระดับโลกและในภูมิภาคอาเซียน+6 ที่มารวมตัวกันอยู่ในเวทีเดียว เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึก แลกเปลี่ยนมุมมองความคิดในการพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ รวมทั้งวิเคราะห์โอกาสและอุปสรรคในการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ อาทิ
นายเจ้า หู่เซี๋ยง ประธานสมาพันธ์สมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (FIATA) และรองประธานไชน่า เมอรร์ชานท์ กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุน และโครงสร้างโลจิสติกส์ของจีน มาร่วมปาฐกถาในหัวข้อ “การลงทุนและโครงสร้างพื้นฐานของการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ทั้งการขนส่งทางทะเล ทางรถไฟ และทางถนน (Multi-Modal Transport Infrastructure and Investment)” เพื่อเผยถึงโอกาสการลงทุนด้านโลจิสติกส์และการค้าในเส้นทางสายไหมใหม่ให้กับนักธุรกิจไทย ด้วยแนวยุทธศาสตร์เชื่อมโยงการค้าทั่วภูมิภาคเอเชีย และทวีปต่างๆ ทั่วโลก
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ นายกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ กรุ๊ป ผู้คว้ารางวัล Excellent Logistics Management Award (ELMA) ปี 2016 ในสาขาผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร บรรยายในหัวข้อ “การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” (Human Resource Development)” เปิดแนวคิดใหม่ด้านการบริหารจัดการองค์กรในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะบุคลากร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ในช่วงเสวนามีผู้เชี่ยวชาญจากธุรกิจสาขาต่างๆ อาทิ นางฮวา ฮวา ยี่ กรรมการผู้จัดการจาก แซฟวีย์ โลจิสติกส์ ประเทศเมียนมา นายเลอย์ ดุย เฮียบ ประธานสมาคมโลจิสติกส์ แห่งประเทศเวียดนาม ศ.อั๊ดจุง ดาโต๊ะ แอ้บด์ รัดซ๊าก แอ้บด์ มาเล็ค ประธานสถาบันโลจิสติกส์และการขนส่งที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแห่งประเทศมาเลเซีย ผศ.ดร. โรสิตา ฮูเซน เลขาธิการสถาบันโลจิสติกส์และขนส่งมาเลเซีย นายชานที ซิน นายกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจากประเทศกัมพูชา นายมูวาซิค เอ็ม นูรร์ รองประธานฝ่ายพัฒนาและปฏิบัติการระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจแห่งอินโดนีเซีย และนายซาลดี้ย์ อิลฮัม มาสิตา นายกสมาคมโลจิสติกส์แห่งอินโดนีเซีย ได้ตอบรับมาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในหัวข้อ “การเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวกทางการค้าและโลจิสติกส์ (Enhancing Competitiveness thru Trade and Logistics Facilitation)” และหัวข้อ “ระบบโลจิสติกส์ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Logistics in Digital Economy)” โดยมี ผศ.ดร.มาโนช โลหเตปานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ดำเนินการช่วงการเสวนา