Dara Khosrowshahi CEO บริการจองโรงแรม-ตั๋วเครื่องบิน-ทัวร์ท่องเที่ยวออนไลน์ Expedia อาจเป็นผู้นำคนใหม่ของ Uber
สื่ออเมริกันอ้างข่าววงใน Uber (Uber) ตัดสินใจเลือก “ดารา คอสราวซาฮี” (Dara Khosrowshahi) CEO บริการจองโรงแรม-ตั๋วเครื่องบิน-ทัวร์ท่องเที่ยวออนไลน์ชื่อเอ็กซ์พีเดีย (Expedia) ให้เป็นผู้นำคนใหม่ของ Uber ถามว่า Dara Khosrowshahi มีความพิเศษตรงไหน คำตอบคือประสบการณ์มากมายที่สั่งสมในตัวชายอเมริกัน-อิหร่านวัย 48 ปีรายนี้
หากข่าวนี้เป็นจริง Khosrowshahi จะรับหน้าที่ดูแลบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัปเอกชนที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด มูลค่าตลาดของ Uber ในวันนี้สูงถึง 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ซึ่งเป็นมูลค่าที่ Uber ระดมทุนมาได้
แต่งานหนักที่รอ Khosrowshahi อยู่ไม่เพียงต้องปรับภาพลักษณ์ของ Uber ให้เป็นมิตรยิ่งขึ้น CEO คนใหม่ยังต้องคอยประสานรอยร้าวกับนักลงทุน ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างศรัทธาในกลุ่มพนักงานขึ้นใหม่อีกครั้ง แถมยังต้องเข็นให้ Uber ทำกำไรหลังจากขาดทุนมานานตลอด 7 ปี
ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่ทราวิส คาลานิก (Travis Kalanick) CEO ผู้ก่อตั้ง Uber แก้ไขไม่ได้ จนถูกผู้ถือหุ้นมากกว่า 40% ของบริษัทลงคะแนนโหวตและขอให้ลาออกเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา ตามหลังทีมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแบบยกชุด บนเหตุผลว่าผู้บริหารเหล่านี้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
แม้ว่าโฆษก Uber และโฆษก Expedia จะยังไม่ออกมายืนยันการโยกย้ายครั้งนี้ แต่โลกก็พุ่งเป้าความสนใจไปที่ชื่อ Khosrowshahi ผู้มีดีกรีปลุกปั้น Expedia มากว่า 12 ปี ที่ผ่านมาสาธารณชนไม่ค่อยรู้ว่ามีชื่อ Khosrowshahi ในกลุ่มผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวเรือใหญ่ Uber ครั้งนี้จึงทำให้หลายคนสนใจมากว่า Khosrowshahi เป็นใคร และสามารถคว่ำคู่แข่งรายอื่นทั้งเจฟฟ์ อิมเมลต์ (Jeff Immelt) ประธานจีอี (General Electric Co) รวมถึงเม็ก วิธแมน (Meg Whitman) เจ้าแม่เอชพี (Hewlett Packard Enterprise) ซึ่งมีข่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าไม่สนใจรับงานนี้
สิ่งที่แตกต่างจาก Immelt และ Whitman คือ Khosrowshahi ไม่ใช่คนที่อยู่ในสังคมผู้บริหารเซเลบฯที่มีชื่อเสียง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Expedia นั้นมีสำนักงานในวอชิงตัน ทำให้ Khosrowshahi เป็นบุคคลนอกซิลิกอนวัลเลย์ ถือเป็นความต่างที่เรียกว่าเป็นหนังคนละม้วนกับผู้ก่อตั้ง Uber ซึ่งคลุกคลีกับคนในซิลิกอนวัลเลย์อย่างกล้ชิด
นักธุรกิจชาวอิหร่าน-อเมริกัน
Khosrowshahi มีเชื้อสายอิหร่านและอเมริกันผสมในตัว ตามข้อมูลระบุว่าเด็กชาย Khosrowshahi เดินทางมาสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1978 พร้อมกับพ่อแม่ในช่วงปฏิวัติอิหร่าน กระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยบราวน์ Khosrowshahi จึงเริ่มต้นทำงานในธนาคารเพื่อการลงทุน “อัลเลนแอนคัมปานี” (Allen and Co.)
สิ่งที่การันตี Khosrowshahi ได้ดีคือช่วงปี 2015 หรือเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Khosrowshahi ถูกจัดเป็นซีอีโอที่ได้รับค่าแรงมากที่สุดในสหรัฐอเมริา ตัวเลขนี้คำนวณจากมูลค่าหุ้นเกือบ 91 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ Khosrowshahi ยังมีชื่ออยู่ในคณะกรรมการของบริษัทสื่อใหญ่นิวยอร์กไทมส์ (New York Times) และบริษัทสินค้ากีฬาอย่างแฟนาติกส์ (Fanatics)
ภายใต้การนำของ Khosrowshahi บริการท่องเที่ยวออนไลน์ Expedia สามารถเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่าตัวจากปี 2012 โดยตัวเลขรายได้ปี 2016 นั้นพุ่งกระฉูดเกือบ 8.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ บนรายได้สุทธิ 281.8 ล้านเหรียญ
ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อเดือนพฤษภาคม Khosrowshahi กล่าวว่านักวิเคราะห์กำลังมุ่งเน้นที่อัตรากำไร แต่ตัวเขาให้ความสำคัญกับการเติบโต คำให้สัมภาษณ์นี้ถูกมองว่าสะท้อนหลักการทำงานของ Khosrowshahi ได้เป็นอย่างดี
จากที่เคยเป็นบริษัทที่มีมูลค่าถึง 6.8 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว วันนี้กองทุนรวมบางแห่งได้ลดมูลค่าการลงทุนใน Uber ลงมากถึง 15% เป็นสัญญาณว่านักลงทุนไม่เชื่อมั่นในบริษัท
อีกผลงานของ Khosrowshahi คือการเดินนำ Expedia เข้าซื้อกิจการตั้งแต่ปี 2014 โดยกว้านซื้อคู่แข่งบริการใหญ่อย่างแอร์บีเอ็นบี (Airbnb) ทั้งโฮมอเวย์ (HomeAway Inc.) ด้วยมูลค่า 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ, บริษัทออร์บิตซ์เวิร์ลไวด์ (Orbitz Worldwide Inc) มูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญและบริษัททราเวลโลซิตี้ (Travelocity) มูลค่า 280 ล้านเหรียญ การรวมพลังในอาณาจักรธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ทำให้ Expedia เป็นเอเจนซี่หรือตัวแทนจองห้องพักออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในโลก
Khosrowshahi ยังขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนักวิจารณ์ปากกล้า ที่ไม่เห็นด้วยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ ซึ่งดำเนินนโยบายที่ขัดขวางการท่องเที่ยวจนส่งผลกระทบกับ Expedia และยังมีนโยบายคว่ำบาตรไม่ให้ประชาชนอิหร่านเดินทางเข้าประเทศ ทั้งหมดนี้ Expedia ได้ยื่นคำร้องตามกฎหมายเพื่อคัดค้านนโยบายทั้งหมด
หาก Khosrowshahi จะทิ้ง Expedia มาซบอก Uber สิ่งที่ Khosrowshahi จะทำคือการลบวัฒนธรรมดั้งเดิมของ Uber ไม่ให้ผู้ก่อตั้งอย่าง Kalanick มีอำนาจควบคุมได้อีก ที่ผ่านมา Kalanick ถูกตีแผ่ว่ามีความสุขกับอำนาจที่รวมศูนย์ในตัวเขาคนเดียว ซึ่งเป็นเหตุผลที่นักลงทุนมองว่าไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ และไม่สมดุล
นอกจากนี้ Uber ยังมีคดีพัวพันมากมาย ทั้งคดีล่วงละเมิดทางเพศ คดีโจรกรรมความลับทางการค้า คดีใช้ซอฟต์แวร์เพื่อหลบเลี่ยงหน่วยงานกำกับดูแลเมือง รวมถึงข้อกล่าวหาว่าผู้บริหาร Uber แทรกแซงบันทึกทางการแพทย์ของผู้เสียหายที่ถูกข่มขืนโดยคนขับ Uber ในอินเดีย ทั้งหมดนี้เป็นปมปัญหาของ Uber ที่ยังคารังคาซังอยู่
ปัญหาเหล่านี้ทำให้ Uber เสียหายหนัก จากที่เคยเป็นบริษัทที่มีมูลค่าถึง 6.8 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว วันนี้กองทุนรวมบางแห่งได้ลดมูลค่าการลงทุนใน Uber ลงมากถึง 15% เป็นสัญญาณว่านักลงทุนไม่เชื่อมั่นในบริษัท ทั้งที่ Uber ยังคงเป็นบริษัทที่เติบโตได้ดี โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา Uber รายงานว่ามียอดจองรถเพิ่มขึ้น 16% ทำให้รายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 17% ในช่วงไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีนี้ โดย Uber ขาดทุนลดลง 9%
เบื้องต้นมีการวิเคราะห์ว่า หนึ่งในงานแรกของ Khosrowshahi ที่ Uber คือการสร้างทีมใหม่แบบยกแผง เพื่อเติมตำแหน่งงานที่ว่างไป โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และที่ปรึกษาทั่วไป ซึ่งในช่วงที่ไม่มี CEO บริษัทแอปพลิเคชันเรียกรถร่วมเดินทางอย่าง Uber ถูกขับเคลื่อนผ่านผู้บริหาร 13 คนเท่านั้น
สำหรับบทบาทของ Kalanick ใน Uber นั้นยังไม่ชัดเจน โดยในคำแถลงเดิม Kalanick กล่าวว่าจะสนับสนุน CEO คนใหม่เต็มที่ “เพื่อให้ Uber เติบโตต่อไป และมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง”
โฆษกของ Kalanick ยังไม่ตอบคำขอให้แสดงความคิดเห็นในขณะนี้
ที่มา : manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000088244