ME by TMB ขึ้นแท่นผู้นำบัญชีเงินฝากดิจิทัลอย่างแท้จริง ตอกย้ำความสำเร็จผ่านแคมเปญใหม่ ME is MORE

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ ME by TMB ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ บัญชีเงินฝากดิจิทัล มาจากการเป็นผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในเรื่องของการให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดเมื่อเทียบกับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป และการเป็นบัญชีเงินฝากที่ตอบโจทย์เรื่องของความคล่องตัวสูงสุด ซึ่งเป็น Benefit ที่คนรุ่นใหม่ต้องการจากการฝากเงิน

ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งที่เข้ามาทำให้ ME by TMB เป็นแบรนด์ที่เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าก็คือ การทำแคมเปญการตลาดต่างๆ ที่ทำภายใต้แนวทาง Disruptive Marketing ที่คาดไม่ถึง และฉีกไปจากการธนาคารรูปแบบเดิมๆ ซึ่งช่วยทำให้แบรนด์เข้าถึงไลฟ์สไตล์ทางการเงินของคนรุ่นใหม่ได้แบบไม่ยาก

แคมเปญต่างๆ ที่ถูกส่งออกมา สามารถสร้างกระแสจนกลายเป็น Talk of The Town และถูกพูดต่อเป็นวงกว้าง นับว่าเป็นธนาคารที่พูดมากกว่าแค่เรื่องเงิน ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ ME ได้เป็นอย่างดีอย่างแคมเปญเติมน้ำมันฟรีเต็มถัง เพียงเติมด้วยตนเอง ที่สื่อถึงบัญชีเงินฝากที่ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมด้วยตัวเองเพื่อได้ผลตอบแทนที่มากกว่า หรืออย่างแคมเปญปลุกเงินให้ตื่นพร้อมกันมากที่สุดในโลก จนได้รับบันทึก Guinness World Record และ ME เป็นธนาคารเดียวที่เปิดตัวน้ำหอมกลิ่น ”ความความสำเร็จ” ทุกครั้งที่ได้กลิ่น จะเตือนให้นึกถึงเป้าหมายที่หลงใหล และกระตุ้นให้เดินหน้าสู่ความสำเร็จ โดย ME บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง จะเป็น “ทางลัด” สู่ความสำเร็จที่เร็วกว่าและได้มากกว่าในแต่ละแคมเปญถูกส่งออกมาเพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงการให้ผลตอบแทนที่มากกว่าของ ME เมื่อเทียบกับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป  ซึ่งเป็นเรื่องที่ ME หยิบเอามาเป็นแกนหลักส่วนหนึ่งของการทำแคมเปญและยังช่วยกระตุ้นเตือนให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการมีทางเลือกในเรื่องของการฝากเงิน

ล่าสุด ME เปิดตัวแคมเปญ “ME is MORE” โดยใช้ Insight การได้อะไรน้อยเกินไป เป็นตัวสร้างกระแสจนเกิดเป็นคำถามเรื่อง “น้อยคือ สไตล์?” และเกิดแฮชแท็ก #อย่ามาน้อย ในโลกโซเชียลอย่างมากมาย พร้อมกันนี้ ME ได้เปิดตัวหนังโฆษณาชื่อ Less is Style สื่อสารผ่าน MV ซึ่งบอกเล่าเรื่องราว “ความน้อย” ภายใต้แนวคิด “อย่างอื่นน้อยได้ แต่ดอกเบี้ยอย่ามาน้อย”

โดยหนังโฆษณาชุดนี้จะบอกเล่าเรื่องราว “ความน้อย” ที่เราเคยเจอกันในชีวิตประจำวัน ผ่านวิธีการเล่าเชิงสะท้อนสังคมที่เปรียบเทียบว่า “ความน้อย” เป็น “สไตล์” เป็นความน้อยที่เราต้องยอมรับ น้อยแบบไม่มีทางเลือก หรืออาจจะน้อยจนชิน เช่น ซาลาเปาที่กัดไปเจอใส้น้อย แล้วใช้ทฤษฎีโกลเด้น เรโช มาอธิบายจนดูน่าเชื่อถือ ขนมถุงใหญ่ ที่เมื่อแกะแล้วพบว่าข้างในมีแต่ลม ส่วนขนมมีน้อยนิด และกระเช้าของขวัญ แยกชิ้นส่วนแล้ว มีของทานได้จริงไม่กี่ชิ้นเรียกว่า Rare Item ล้วนเป็น Insight ที่เราทุกคนพบเจอกันอยู่แล้วในชีวิตประจำวันซึ่งบางอย่างก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราได้รับน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับเงินที่ต้องจ่ายไป โดยปิดท้ายแง่คิดของหนังเรื่องนี้ ด้วย “ดอกเบี้ยน้อย“ ที่สะท้อนว่ามันไม่ใช่ “สไตล์!” เพราะเรื่องดอกเบี้ยต้องมากกว่า และ ME คือทางเลือกที่ให้คุณได้มากกว่าด้วยดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ทั่วไป 4.5 เท่า นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียของการทำ Disruptive Marketing ที่ฉีกแบบสุดขั้ว สะท้อนภาพของการเป็นบัญชีเงินฝากที่เกิดขึ้นบนแนวคิดของความแตกต่างจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป เพราะเงินฝากทุกวันนี้ ทุกแบงค์ให้เหมือนกันหมด แต่ ME กล้าที่จะบอกว่า ME ให้มากกว่า ทั้งในแง่ผลตอบแทน ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการทำธุรกรรม

โดยในรายละเอียดของแคมเปญยังคงเน้นย้ำในเรื่องของผลตอบแทนที่มากกว่า เพราะให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.7%ต่อปี(ออมทรัพย์ทั่วไปเฉลี่ย 0.3775% ต่อปี) หรือประมาณ 4.5 เท่าของออมทรัพย์ทั่วไป ไม่เพียงเท่านั้น ยังตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นแบรนด์ของคนรุ่นใหม่และวัยทำงานอายุ 25 – 35 ปี ซึ่งมีสัดส่วนถึง 80% โดยกลุ่มลูกค้า ME คือคนที่คุ้นเคยกับการใช้ Internet และสะดวกทำธุรกรรมด้วยตนเอง โดยที่ไม่ต้องไปสาขา

รัชดา เสริมศิลปกุล ผู้อำนวยการการตลาด ME by TMB พูดถึงแคมเปญนี้ว่า “เราคาดหวังว่าแคมเปญนี้ จะทำให้หลายคนฉุกคิดเรื่องความน้อยที่เจอในชีวิตประจำวัน น้อยไปหรือเปล่า? คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่? และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับ ME บัญชีเงินฝากดิจิทัลที่ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 4.5 เท่าของออมทรัพย์ทั่วไปเทียบง่ายๆ ฝากออมทรัพย์ทั่วไป 1 ปี ได้ดอกเบี้ยเท่ากับฝาก ME แค่ 3 เดือนแม้ถอนก็ยังได้ดอกเบี้ยสูง รวมทั้งต้องการสร้างแนวคิดใหม่ให้กับลูกค้าในยุคดิจิทัล ในเรื่องของการเก็บออมเงินให้คุ้มค่าและสนใจหาทางเลือกที่ดีกว่าด้วย”

คลิ๊กเพื่อคำนวณดอกเบี้ยแบบง่ายๆ https://www.mebytmb.com/ME-is-MORE/

“ME is MORE” เป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่ใช้ Disruptive Marketing โดยการดึงจุดแข็งของ ME ทั้งด้าน Marketing และ Product ด้วยการทำการตลาดที่แตกต่าง และคาดไม่ถึง ฉีกกฎการตลาดธนาคารรูปแบบเดิมๆ ที่พูดมากกว่าแค่เรื่องเงิน และME นับเป็นดิจิทัลแบงกิ้งอย่างแท้จริง นั่นคือหลังจากเปิดบัญชี ME แล้ว ลูกค้าไม่จำเป็นต้องไปสาขาเลย ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมการเงินไม่ว่าจะเป็น ฝาก โอน เช็คยอดเงิน เช็คดอกเบี้ยสะสม ได้ทันทีผ่านช่องทางออนไลน์ ME แอปพลิเคชัน, เวปไซต์ ME และบริการ ME Call Center ที่ช่วยให้คุณทำธุรกรรมการเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถข้าถึงข้อมูลด้วยตนเอง โดยพูดคุยสอบถามผ่าน ME BOT ในช่องทาง Facebook Messenger แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมงได้เช่นกัน และทั้งหมดนี้ทำให้ ME แตกต่างจากดิจิทัลแบงกิ้งทั่วไป” รัชดา กล่าวทิ้งท้าย