โดย นายชาร์ลส์ แรธมานน์ นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการสื่อสารการตลาด บริษัท ไอเอฟเอส
การศึกษาชิ้นใหม่แสดงให้เห็นว่า ระบบโมบิลิตี้สำหรับองค์กรเป็นขั้นตอนสำคัญในการควบคุมเทคโนโลยีที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในองค์กรธุรกิจ
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขององค์กรธุรกิจได้รับอิทธิพลของดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ซึ่งมีระบุไว้ในบทความของ เอ็มไอที สโลน แมเนจเม้นท์ (MIT Sloan Management Review) เรื่อง ” เดอะ ไนน์ อีเลเม้นส์ ออฟ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น” (The Nine Elements of Digital Transformation) โดยเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือการเข้าถึงขององค์กรธุรกิจ
แนวโน้มครั้งสำคัญ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ธุรกิจสำหรับผู้บริโภค เช่น อูเบอร์ (Uber) และ ลิฟ (Lyft) รับรู้ถึงข้อดีของสิ่งนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีมือถือเพื่อบริหารจัดการแรงงานและข้อเสนอด้านการบริการที่สามารถสร้างความแตกต่างไปจากบริษัทแท็กซี่แบบดั้งเดิมได้เป็นผลสำเร็จ ปัจจุบันองค์กรอุตสาหกรรมกำลังให้ความสนใจที่จะใช้เซ็นเซอร์เพื่อช่วยในการตรวจสอบอุปกรณ์การผลิตและเครื่องจักรอัตโนมัติหรือเซลล์ทำงานทั้งหมด รวมถึงช่วยลดเวลาการหยุดทำงานของระบบโดยนำแนวทางการซ่อมบำรุงตามสภาพที่แท้จริงเข้ามาปรับใช้ในการดำเนินงาน และแน่นอนว่าอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ สำหรับอุตสาหกรรม หรือ ไอไอโอที (Industrial Internet of Things: IIoT) กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากตลาด พร้อมๆ กับที่เซ็นเซอร์มีราคาลดลง มีการเชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้น และเครื่องมืออย่าง ไอเอฟเอส ไอโอที บิซิเนส คอนเน็คเตอร์ (IFS IoT Business Connector) ก็กำลังช่วยให้การดำเนินงานของข้อมูล ไอโอที เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อุตสาหกรรมพร้อมแล้วหรือยัง
ผลการศึกษาครั้งใหม่ของไอเอฟเอสกับบรรดาผู้บริหารในแวดวงอุตสาหกรรมจำนวน 200 คน พบว่าระบบโมบิลิตี้เป็นโอกาสครั้งใหญ่สำหรับองค์กรอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับที่ อูเบอร์ กำลังได้รับ โดยเมื่อพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเรื่องซอฟต์แวร์องค์กรด้านโมบิลิตี้และดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นแสดงให้เห็นว่า บริษัทที่พนักงานมีสิทธิ์เข้าถึงระบบต่างๆ ขององค์กร เช่น การวางแผนทรัพยากรขององค์กร (ERP) การบริหารจัดการสินทรัพย์ขององค์กร (EAM) หรือการบริหารจัดการบริการภาคสนาม (FSM) ผ่านอุปกรณ์มือถือนั้น ได้มีการเตรียมการสำหรับดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นมากกว่าบริษัทอื่นๆ ผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่าซอฟต์แวร์องค์กรของตนช่วยให้พวกเขาสามารถเตรียมพร้อมรับมือสำหรับดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นได้นั้น มีแนวโน้มในการเข้าถึงซอฟต์แวร์ของตนผ่านอุปกรณ์มือถือมากกว่าผู้ที่ระบุว่าซอฟต์แวร์ของตนยังไม่ดีพอในการช่วยให้พวกเขาเตรียมพร้อมรับมือกับแปรรูปสู่ระบบดิจิทัลได้ถึงสองเท่า จะเห็นได้ว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างระบบโมบิลิตี้สำหรับองค์กรกับความพร้อมในการเปลี่ยนแปรรูปสู่ระบบดิจิทัลอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้เกือบ 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงซอฟต์แวร์องค์กรผ่านระบบมือถือเพิ่มมากขึ้นยังอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับองค์กรในดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นได้ในทันทีอีกด้วย โดยมีเพียง 31% เท่านั้นที่ตอบว่าพวกเขามีสิทธิ์เข้าถึงซอฟต์แวร์ขององค์กรจากโทรศัพท์มือถือได้
ทำไมระบบโมบิลิตี้จึงมีความสำคัญ
ศักยภาพของระบบโมบิลิตี้สำหรับองค์กรที่มีต่อการแปรรูปของบริษัทอุตสาหกรรมเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ การเข้าถึงซอฟต์แวร์ต่างๆ เช่น อีอาร์พี (ERP) อีเอเอ็ม (EAM) และเอฟเอสเอ็ม (FSM) ผ่านมือถือจะผลักดันให้เกิดสิ่งต่อไปนี้
- การเก็บรวบรวมข้อมูลองค์กรอย่างถูกต้องและเรียลไทม์เพื่อช่วยในการดำเนินงานและการสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในระบบของการให้บริการภาคสนาม
- การเพิ่มเวลาในการผลิตของพนักงานด้านเทคนิคโดยช่วยให้พวกเขาสามารถโต้ตอบกับระบบต่างๆ เช่น อีเอเอ็ม หรือระบบจัดการงานบำรุงรักษาด้วยคอมพิวเตอร์ (CMMS) ในขณะที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ให้บริการหรือกับเครื่องจักรในโรงงาน
- พนักงานและระบบขององค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะขั้นสูงของโทรศัพท์มือถือ รวมถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และกล้องถ่ายรูปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- การปรับปรุงปริมาณและคุณภาพของข้อมูลเพื่อให้พร้อมสำหรับการบริการลูกค้า ทำให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาในการให้บริการภาคสนามได้สำเร็จในครั้งแรก การแก้ไขปัญหามีความเชื่อถือได้และลดเวลาการหยุดทำงานของระบบต่างๆ ในโรงงานได้อย่างเห็นผล
- การจูงใจให้ผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้งานระบบซอฟต์แวร์บ่อยยิ่งขึ้น จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนสำหรับซอฟต์แวร์ระดับองค์กรได้
นายริก วีก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค ของบริษัท ไอเอฟเอส ในทวีปอเมริกาเหนือ ระบุว่า การผลักดันให้เกิดการเข้ามามีส่วนร่วมในระบบขององค์กรเพิ่มมากขึ้นถือเป็นข้อดีที่สำคัญ เพราะสิ่งนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดในการนำระบบโมบิลิตี้สำหรับองค์กรเข้ามาช่วยแปรรูปองค์กรสู่ระบบดิจิทัล
“ระบบมือถือแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีศักยภาพในดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น” นายวีก กล่าว และว่า “เมื่อผู้คนหันใช้ซอฟต์แวร์องค์กรผ่านโทรศัพท์มือถือ แสดงว่าระบบได้กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งในการดำเนินธุรกิจ พนักงานของคุณสามารถเชื่อมต่อกับกระบวนการดำเนินงานที่สำคัญดังกล่าวและสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานได้แม้จะไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานก็ตาม หากไม่สามารถทำเช่นที่กล่าวมานี้ได้ คุณก็จะต้องเตรียมต่อสู้กับสิ่งต่างๆ มากมายในดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น”
ทั้งนี้ ผู้เขียนบทความของเอ็มไอที สโลน แมเนจเม้นท์ รีวิว (MIT Sloan Management Review) ได้ทำการศึกษาผู้บริหาร 157 คนในบริษัท 50 แห่ง และได้พบองค์ประกอบสำคัญ 9 ประการในดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ซึ่งรวมถึงการสร้างความพร้อมของพนักงานและการแปรรูปกระบวนการทำงานสู่ระบบดิจิทัล และดูเหมือนจะหลายคนจะได้แบ่งปันมุมมองของวีกเกี่ยวกับสิ่งสำคัญของบุคคลที่มีความเกี่ยวโยงกับดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นด้วย
เกี่ยวกับไอเอฟเอส
ไอเอฟเอส (IFS™) เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาและนำเสนอซอฟต์แวร์สำหรับการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning หรือ ERP) การบริหารจัดการสินทรัพย์ขององค์กร (Enterprise Asset Management หรือ EAM) และ การบริหารจัดการงานบริการขององค์กร (Enterprise Service Management หรือ ESM) ทั้งนี้ ไอเอฟเอสก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2526 โดยมีส่วนช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสามารถดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น ตลอดจนผลักดันให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน พร้อมทั้งจัดเตรียมสิ่งต่างๆ สำหรับอุตสาหกรรมเพื่อให้พร้อมรับมือกับอนาคต ไอเอฟเอส มีพนักงาน 2,800 คนที่พร้อมให้การสนับสนุนผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 1 ล้านคนผ่านสำนักงานสาขาในเขตพื้นที่ต่างๆ และผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่กำลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์: IFSworld.com
ติดตามเราทาง Twitter: @ifsworld
เยี่ยมชมบล็อกของไอเอฟเอสเกี่ยวกับเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลงานสร้างสรรค์ต่างๆ: http://blog.ifsworld.com/