ทำความรู้จักไอดอลของสายกิน ยอด Wongnai กับไลฟ์สไตล์แสนธรรมดา :)

ความสำคัญของอาหารนอกจากจะมีความจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในแต่ละวันสำหรับพวกเราทุกคนแล้ว ในมุมมองของ สายกิน อาหารที่พวกเขาชื่นชอบมันเหมือนมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่บางครั้งแค่เห็นเพื่อนแชร์โพสต์รูปอาหารในไทม์ไลน์ต่อมความหิวก็พร้อมผลักดันให้เดินทางไปเยือนร้านอาหารเหล่านั้นในทันที

ยอด ชินสุภัคกุลCEO & Co Founder ของ Wongnai แอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์แนะนำร้านอาหารอันดับ 1 ของไทย ก็เป็นคนหนึ่งที่มี Passion ในเรื่องอาหารการกินไม่แพ้ใคร เขาได้เล่าถึงพัฒนาการของ Wongnai ตั้งแต่เริ่มต้นด้วยความยากลำบากมาจนถึงความสำเร็จในปัจจุบัน

“Wongnai นั้นก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 โดยในช่วง 2 ปีแรกนั้นต้องเผชิญความท้าทายเป็นอย่างมาก เพราะเว็บไซต์ยังไม่เป็นที่รู้จัก จำนวนร้านอาหารที่รีวิวมีน้อย คนใช้ประโยชน์ได้น้อย สปอนเซอร์ก็เลยไม่ลงโฆษณา จนทำให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยว่าทำไม 90% ของ startup จึงไปไม่รอด

จุดเปลี่ยนที่สำคัญของ Wongnai ก็คือปี 2012-13 ที่มีจำนวนคนใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น การพัฒนาเครือข่าย 3G-4G ของประเทศมีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวยต่อการทำ startup ทำให้จำนวนคอนเทนต์ที่มีผู้ใช้งานรีวิวผ่านแพล็ตฟอร์มWongnaiเพิ่มสูงขึ้น สื่อต่างๆ เริ่มให้ความสนใจ แอปพลิเคชั่นของเราก็ไต่อันดับขึ้นไปบน Top Chart ของ App Store ทั้งของ iOS และ Android ได้สำเร็จ

พอ Wongnai เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการใช้งานในวงกว้าง เราก็ต่อยอดธุรกิจไปสู่ Wongnai Beauty การรีวิวเรื่องความสวยความงาน ร้านสปา แต่งเล็บ ทำผม ฯลฯ, ร่วมมือกับ Line Man เพื่อจัดส่ง Food Delivery ถึงบ้าน และรวมไปถึงการสร้างคอมมูนิตี้ที่รวบรวมสูตรการทำอาหารต่างๆ สำหรับคนที่อยากทำอาหารเองที่บ้านอีกด้วย

สำหรับแบรนด์ Wongnai ในสายตาของคนรุ่นใหม่นั้นถูกยกให้เป็นบริษัทที่อยากทำงานด้วยมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ เพราะนอกจากจะมีอาหารการกินมาแวะเวียนให้ชิมอยู่ไม่ขาดปากแล้วเรื่องของสวัสดิการและนโยบายด้าน People Development ในการพัฒนาบุคคลากรก็โดดเด่นเป็นอย่างมาก

ในขณะที่หลายบริษัทไม่ให้ลางานก่อนพ้นโปร พอพ้นโปรแล้วก็ลางานได้ไม่เกิน 10 วัน แต่ที่ Wongnai จะลางานกี่วันก็ได้ ตราบใดที่ยังทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพ ชั่วโมงการทำงานก็ยืดหยุ่น ทำงานจากที่บ้านก็ได้ ไม่มีตอกบัตรเข้างาน มี Macbook ประจำตัวให้ใช้ทุกคน พออ่านมาถึงบรรทัดนี้หลายคนอาจต้องรีบเดินไปหยิบน้ำแข็งในตู้เย็นมาประคบเบ้าตา เพราะรู้สึกอิจฉาตาร้อนซะเหลือเกิน

สำหรับคนที่อยากมาร่วมงานกับเรา เราจะมี Core Value ขององค์กรที่จะหล่อหลอมให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหลักๆ ก็มีอยู่ 4 อย่างคือ

  • Impact เน้นการทำงานท่ีสร้างผลกระทบใครได้เห็นเป็นต้องว้าว
  • Passion ความหลงใหลสนุกไปกับการทำงาน
  • Speed ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญในการแข่งขันในยุคนี้
  • Flexible รู้จักยืดหยุ่นพร้อมที่จะปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

เมื่อถามถึงเรื่องการแบ่งเวลาระหว่างการทำงานกับการพักผ่อน และใช้ชีวิตส่วนตัว คุณยอดก็บอกมาด้วยความมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ทำงานหนักเกินไป ใช้ชีวิตประจำวันแบบสมดุล นอนตีหนึ่ง ตื่น 9 โมงเช้า วันหยุดก็จะเป็นวันพักผ่อน มีดูหนัง เดินห้าง กินข้าว โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องกินร้านอาหารใหม่ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง (เพื่อแอบมารีวิวลงใน Wongnai แน่ๆ) มีออกกำลังกาย ว่ายน้ำ ใช้เวลากับครอบครัว ไม่ได้มีไลฟ์สไตล์ที่แปลกแหวกแนวแต่อย่างใด

ด้วยความที่ลักษณะการทำงานต้องข้องเกี่ยวกับอาหารการกินอยู่ตลอดเวลา ไปงานลูกค้าก็ต้องกิน ต้องชิม ทำให้น้ำหนักขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะผมเป็นคนอ้วนง่าย เลยต้องหากิจกรรมมาจูงใจในการลดน้ำหนัก ก็ชวนพนักงานในออฟฟิศนี่แหละมาแข่งกันลดน้ำหนัก ปีแรกที่ทำผมก็ลดได้ 10 กิโล ตอนนี้ก็พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์นั้นอยู่

เรื่องเดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัดก็เดินทางบ่อยมาก เพราะออฟฟิศของWongnaiมีอยู่ 7 แห่งทั่วประเทศ ที่ไปบ่อยที่สุดก็คือเชียงใหม่ อากาศดี ร้านกาแฟ ร้านอาหารเยอะ ทั้งถูกและมีคุณภาพ ผู้คนนิสัยดี เวลาเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วนบางทีก็เจอปัญหาเรื่องการใช้เวลาต่อคิวเช็คอิน โหลดกระเป๋า รอรับสัมภาระนานๆ หรือมีความจำเป็นต้องนั้งทำงานตอนรอขึ้นเครื่อง ก็อยากจะได้พื้นที่ในเลานจ์ที่มันเงียบสงบหน่อย ตอนนี้ที่ดูๆ ไว้อยู่ก็มีบริการ Red Carpet ของ Air Asia นะที่น่าจะตอบโจทย์ได้ครบ คิดว่าจะลองใช้บริการในเร็วๆ นี้

สำหรับที่เที่ยวที่อยากเดินทางไปแต่ยังไม่ได้ไปก็มี นครวัด กับหลวงพระบาง ทั้งที่อยู่ใกล้ๆ แต่ไม่มีโอกาส สมัยก่อนจะชอบเดินทางท่องเที่ยวแบบลำบากๆ หน่อยอย่างจอร์แดน แอฟริกา แต่ตอนนี้มีลูกมีครอบครัวแล้ว ก็ต้องหันไปเที่ยวตามสถานที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับ อย่างญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ แทน

Wongnai นั้นเป็นพื้นที่ของการแบ่งปันสิ่งดีๆ ระหว่างร้านค้ากับผู้ใช้บริการ เป้าหมายที่ชัดเจนในสองสามปีข้างหน้าที่คุณยอดบอกกับเราก็คือการพา wongnai ก้าวขึ้นไปอีกขั้น สู่บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ และนำเสนอ wongnai ในรูปแบบ Lifestyle Platform ที่คนทั่วไปใช้งานตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน