1 พ.ย. 2560 เป็นวันครบรอบ 5 ปีเต็มที่ “เป๊ปซี่” เลิกสัญญากับ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หลังจากเสริมสุขเป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่าย “เป๊ปซี่” ในไทยมานาน 59 ปี นับตั้งแต่ปี 2496
จุดสิ้นสุดทำให้เกิดเรื่องราวใหม่เสมอ ดังนั้นนับจากวันที่ 1 พ.ย. 2555 เสริมสุขซึ่งมีเครือข่ายร้านโชห่วย มีตู้แช่กว่า 150,000 ตู้ทั่วประเทศ ภายใต้อาณาจักรไทยเบฟเวอเรจ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้รุกตลาดน้ำอัดลม ด้วยการแจ้งเกิดแบรนด์ใหม่ในไทยคือ “เอส” ส่งน้ำดำทำตลาดเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรก
ผู้บริโภคไทยมีน้ำอัดลมให้เลือกในตลาด 4 แบรนด์หลัก ๆ นับจากนั้น คือ เป๊ปซี่ โค้ก บิ๊กโคล่า และเอส แต่ที่แข่งกันรุนแรงในทางการตลาดทั้งการจัดอีเวนต์ โปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ชิงโชค และโฆษณา คือ เป๊ปซี่ โค้ก และเอส
“เอส” ในฐานะที่มีทุนหนา และมีเครือข่ายจุดขายเสริมสุขนับแสน ที่สำคัญมีขวดแก้วที่เป็นจุดแข็งตลอดกาลของเป๊ปซี่ ทำให้เสริมสุขมั่นใจว่า เอสจะชิงตลาดเป๊ปซี่ได้ เพราะเสริมสุขเคยมีรายได้ปีหนึ่งเกือบ 2 หมื่นล้านบาท จนกระทั่งปีสุดท้ายของสัญญากับเป๊ปซี่ ในปี 2555 ทำรายได้ถึง 22,820 ล้านบาท และกำไร 600 ล้านบาท
แต่อดีตก็คืออดีต เวลานี้ใครแพ้ใครชนะ ดูได้จากรายได้และกำไร แน่นอนกว่า จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย้อนหลังไป 5 ปี ช่วงปี 2555-2559 เปรียบเทียบตั้งแต่ปีก่อนเปลี่ยนแปลงที่เสริมสุขแยกทางกับเป๊ปซี่ และมีเอสเข้ามาในตลาดน้ำอัดลมที่มีมูลค่าเกือบแสนล้านบาทต่อปี ชัดเจนว่า โค้กชนะ
บริษัทที่ผลิตโค้ก มี 2 บริษัท รวมตัวเลขรายได้และกำไรเติบโตมากกว่าเป๊ปซี่ ที่อยู่ภายใต้ชื่อบริษัท เป๊ปซี่–โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด มีรายได้มากกว่า 20,000 ล้านบาท
ภาพรวมของโค้ก ซึ่งมีการแยกผู้ผลิตและจำหน่าย 2 บริษัท คือไทยน้ำทิพย์ ได้สิทธิเกือบทั่วประเทศ ยกเว้นภาคใต้ 14 จังหวัดที่เป็นของบริษัทหาดทิพย์ ถือว่ามีตัวเลขรายได้รวมกันกว่า 25,000 ล้านบาท ผ่านการสร้างแบรนด์ ตามนโยบายของบริษัทแม่ ที่เน้นย้ำว่า “โค้ก” อยู่ในไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งดนตรี และอีเวนต์ในเทศกาลต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จเลือกกินโค้กเพราะแบรนด์ จากที่ก่อนหน้าปี 2555 นั้นเป๊ปซี่กินเรียบในตลาดน้ำอัดลลม
ส่วนเอส ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของเสริมสุข ยังไม่ได้ช่วยดันรายได้ของเสริมสุขมากนัก แม้จะพยายามเปลี่ยนสูตรน้ำดำมาแล้วหลายรอบ มีขวดแก้ว และปูพรมตามร้านอาหารแล้ว แต่ก็ยังบุกชิงส่วนแบ่งจากโค้กและเป๊ปซี่ไม่ได้เสียที ทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรลดลง ตั้งแต่ปี 2556 และปี 2560 ณ สิ้นสุด ไตรมาส 3 ก็ยังขาดทุนอยู่ 263 ล้านบาท ทั้งที่ เสริมสุขพยายามหาเครื่องดื่มชนิดอื่นมาเพื่อชดเชยรายไ้ด้ แต่ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมาย
ปัจจุบันเอส มีผลิตภัณฑ์ทั้งน้ำดำ น้ำสี 69 ผลิตภัณฑ์ มีตู้แช่ “เอส” 150,000 ทั่วประเทศ รถลำเลียงสินค้า 100 คัน รถขาย 1,000 คัน และโรงงาน 7 แห่ง คลังสินค้า 51 แห่ง นอกจากน้ำอัดลมเอสแล้ว ยังมีน้ำดื่ม คริสตัล ชาเขียวโออิชิ เครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ เป็นต้น.